ตอนที่ 807 ไฟโกรธของเขา / ตอนที่ 808 ชีวิตเป็นของข้า

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ

ตอนที่ 807 ไฟโกรธของเขา

 

 

ทันทีที่นางเงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าแสนเย็นชาของฉินเย่หาน สีหน้าไม่น่าดูเสียยิ่งกว่าตอนอยู่บนราชสำนักเสียอีก

 

 

หาได้ยากที่ฉินเย่หานจะไม่ได้นั่งอยู่บนเก้าอี้มังกร ทว่ากำลังยืนเอามือไขว้หลัง เพียงแต่ดวงตาที่ทำให้ผู้คนหวาดผวาคู่นั้นจ้องมองมาที่ซูหลีทำเอาหัวใจของซูหลีรัดแน่นขึ้นในทันที

 

 

ซูหลีเป็นคนขี้กลัวคนหนึ่ง ความขี้กลัวนี้จะสะท้อนออกมาโดยเฉพาะอยู่ต่อหน้าฉินเย่หาน เช่นนั้น…

 

 

“ตุ๊บ!” นางยังคงคุกเข่าลงด้วยความงุนงง

 

 

ทั้งยังมิกล้าเอ่ยถามว่าเป็นเพราะเหตุใด เพียงแค่ใช้ดวงตาเหลือบมองไปที่ฉินเย่หานอย่างระแวดระวัง

 

 

เมื่อฉินเย่หานเห็นท่าทีเช่นนี้ของนางความโกรธภายในใจก็สลายไปบางส่วน เพียงแต่สีหน้ายังคงไม่น่าดูเช่นเดิม เขาหยุดไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยว่า

 

 

“เมื่อวานเจ้าไปทำอะไรมา!?”

 

 

น้ำเสียงเย็นชาและแข็งกร้าวนำพากลิ่นอายที่อันตรายมาพร้อมด้วย

 

 

เมื่อซูหลีได้ยินร่างกายก็สั่นเครือ

 

 

เมื่อวาน…

 

 

“ไม่ ไม่ได้ทำสิ่งใดเลยเพคะ!” ซูหลีกล่าวทูลอย่างอ่อนแรง

 

 

“เจ้าเห็นจวนป๋ายเป็นสถานที่แบบไหน เห็นว่าป๋ายไต้ซือเป็นดังพวกเฉิงเค่อ เสิ่นฉางชิงเมื่อก่อนหน้านี้หรือ เป็นผู้ที่เจ้าสามารถต่อกรด้วยได้แบบสบายๆ เช่นนั้นหรือ!?” ใครจะรู้ว่าฉินเย่หานไม่มีความคิดที่จะยอมปล่อยนางไปเลย เมื่อเห็นว่านางต้องการทำทีขายผ้าเอาหน้ารอดให้ผ่านไปน้ำเสียงยิ่งพุ่งสูงขึ้นหลายระดับในชั่วพริบตา

 

 

ใบหน้าของซูหลีขยับเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะเหลือบตามองไปที่ฉินเย่หานสักน้อย

 

 

บอกตามตรงว่านอกจากครั้งก่อนที่นางดื่มสุราจนเมามายแล้วไม่ระวังจนมีอะไรบางอย่างกับฉินเย่หานในครานั้น นางยังไม่เคยเห็นฉินเย่หานโกรธมากถึงเพียงนี้มาก่อน

 

 

ในดวงตาสีเข้มคู่นั้นลึกจนไม่เห็นจุดต่ำสุด

 

 

เมื่อส่องสะท้อนใบหน้าเล็กๆ นี้ของซูหลีแล้วทำให้มันดูขาวเป็นพิเศษ!

 

 

“อวดอ้างความสามารถใช่หรือไม่ หากข้าถามเจ้าว่าภายในหนึ่งเดือนเจ้าไม่สามารถหาเงินมากถึงเพียงนั้นได้ เจ้าจะทำเช่นไร” ฉินเย่หานมองนางด้วยสายตาเย็นชา ไม่มีความคิดที่จะคลายลงเลยแม้เพียงนิด

 

 

“…อย่างไรก็ย่อมมีวิธี” แววตาของซูหลีส่องแสงระยิบระยับ ความจริงนางมีแผนการบางอย่างอยู่ในใจแล้วเพียงแต่ตอนนี้ยังไม่สามารถพูดได้

 

 

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าลูกศิษย์ลูกหาที่อยู่ภายใต้มือของป๋ายไต้ซือมีเท่าใด แล้วสกุลป๋ายเชื่อมโยงเกี่ยวพันกับตระกูลอื่นในเมืองหลวงนี้มากเพียงใด เจ้าทำเรื่องอย่างบุ่มบ่ามเช่นนี้ เจ้ามีกี่ชีวิตที่สามารถชดเชยได้!?” ฉินเย่หานมักจะทำหน้าเย็นชาหน้าเดียว เป็นเรื่องยากที่จะพูดมากถึงเพียงนี้ทำเอาซูหลีตกตะลึงไปเลย

 

 

หลังจากนั้นอยู่นานนางถึงตอบสนองกลับคิดขึ้นได้ในทันที

 

 

เช่นนั้นนี่ฮ่องเต้กำลังทรงเป็นห่วงนาง?

 

 

เป็นกังวลว่านางจะจัดการได้ไม่ละเอียดรอบคอบ เผชิญหน้ากับป๋ายไต้ซือเช่นนี้แล้วต่อไปต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมาก?

 

 

อารมณ์ของซูหลีเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดในชั่วพริบตา

 

 

นางรู้ว่าหนทางนี้ของตนเองนั้นยากลำบากมาก อีกทั้งยังเตรียมตัวที่จะยืนหยัดมุ่งมั่นเพียงคนเดียวมาเป็นเวลานานมากแล้ว นางเตรียมจิตใจพร้อมแล้วและรู้สึกว่าตนสามารถทนรับมันได้ไหว

 

 

ทว่าเมื่อมีคนผู้หนึ่งที่ห่วงใยนางมาก คนผู้นี้ยังเป็นฉินเย่หานผู้ที่ปกติแล้วเย็นชาไม่สนใจไยดีสิ่งใด หัวใจดวงนี้ของซูหลียิ่งมิอาจสงบลงได้เลย

 

 

กระทั่งสายตาที่นางมองฉินเย่หานยังเปลี่ยนเป็นซับซ้อนไปด้วย

 

 

“ฮ่องเต้…” ดวงตาโปร่งใสแจ่มชัดคู่นั้นของซูหลีสั่นเครือเล็กน้อย นางมิได้โกรธเคืองที่ฉินเย่หานสั่งให้นางคุกเข่าลงเช่นนี้

 

 

กลับยิ้มอย่างประจบประแจงให้ฉินเย่หานพลางกล่าวทูลว่า “ต่อให้กระหม่อมไม่ต่อต้านขัดขืน ป๋ายไต้ซือก็ไม่มีทางปล่อยกระหม่อมไปง่ายๆ อยู่แล้ว”

 

 

เรื่องนี้ฉินเย่หานย่อมรู้อยู่แล้วเช่นกัน เพียงแต่เขาทนดูไม่ได้ที่นางเอาตัวเองไปตกอยู่ในอันตราย

 

 

เมื่อครู่บนราชสำนักเขาเกือบจะพ่นไฟโกรธออกมาแล้ว

 

 

ขุนนางข้าราชบริพารจากทุกสารทิศหุ้มล้อมตัวนาง โจมตีนาง ดูเหมือนนางกลับโง่เขลาอย่างสิ้นเชิงที่ยังพูดจาโผงผาง พูดคำพูดเช่นนั้นออกไป

 

 

ฉินเย่หานก็ไม่รู้ว่าตนเองกำลังโกรธอะไร แต่เขาไม่ชอบให้นางถูกรุมตีโอบล้อมเช่นนั้น

 

 

เมื่อเห็นท่าทีของนางเช่นนี้แล้วความโกรธภายในใจก็ลดลงไปไม่น้อย

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 808 ชีวิตเป็นของข้า

 

 

“ฝ่าบาท…” ซูหลีมองใบหน้าเย็นชาของฉินเย่หานที่ไม่พูดไม่จาสักคำ มีเพียงดวงตาคมลึกคู่นั้นที่ดูเหมือนจะจางลงไปแล้วเล็กน้อย นางจึงเอ่ยเรียกฉินเย่หานอีกคราอย่างไม่ย่อท้อ

 

 

เสียงนี้อ่อนหวานชวนให้คล้อยตามมากประกอบกับเสียงอันนุ่มนวลของนางทำเอาดวงตาของฉินเย่หานลุ่มลึกลง

 

 

ระหว่างซูหลีกับฉินเย่หาน ในความจริงแล้วเป็นฉินเย่หานเป็นฝ่ายเข้าหามาโดยตลอด ซูหลีก็ไม่เคยคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาดูดีๆ เลยสักครา

 

 

ราชามิใช่ราชา ขุนนางมิใช่ขุนนาง

 

 

ในเมื่อทั้งสองเคยสนิทสนมกันมากถึงเพียงนั้น

 

 

ซูหลีนึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะสรรหาคำใดมาอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับฉินเย่หาน แต่หลังจากเรื่องเมื่อครั้งก่อนนางก็ได้รู้แล้ว

 

 

ไม่ว่าอย่างไรภายในใจของฉินเย่หานก็ยังคงมีนางอยู่เสมอ

 

 

ดังนั้นแม้ว่าเขาจะขังนางไว้ในคุกแต่นางก็ยังสามารถออกมาได้อย่างสบาย แถมที่ที่ไปอยู่ยังเป็นสถานที่แบบนั้นด้วย

 

 

เขาไม่แสดงออกบนใบหน้าและไม่เคยพูดอะไรมาก แต่กลับกำลังปกป้องซูหลีอย่างแท้จริง

 

 

ซูหลีมิใช่คนโง่ นางสามารถรู้สึกถึงมันได้

 

 

ดังนั้นความโกรธของฉินเย่หานในวันนี้แม้จะปะทุออกมาแล้วคราหนึ่ง แต่ไม่รู้ทำไมภายในใจของนางกลับนุ่มนวล อบอุ่นและสบายใจยิ่ง

 

 

ซูหลีไม่ปล่อยให้ตนเองคิดมากไปกว่านี้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นฮ่องเต้ ส่วนนาง…

 

 

ยังมีอีกหลายเรื่องที่จำเป็นต้องทำ แต่ตอนนี้เขาปฏิบัติกับนางอย่างดี นางแค่ยอมรับมันก็สิ้นเรื่องแล้ว

 

 

ไม่ใช่ว่านางต้องการเพื่อเอาใจเขา แต่เป็นผู้รับใช้ที่บริสุทธิ์ผู้หนึ่งจะตอบแทนต่อความดีที่มีให้เช่นนี้ก็เท่านั้น

 

 

มากกว่านั้น ซูหลีไม่กล้าคิด

 

 

ซูหลีซ่อนอำพรางสีหน้าของตนเองเอาไว้ เมื่อเหลือบตามองก็เห็นฉินเย่หานที่ยังไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ เอาแต่จ้องมองนางอยู่เช่นนั้น นางไม่รู้ว่าเอาความกล้าหาญมาจากไหนพุ่งตรงเข้าไปกอดขาของฉินเย่หานเอาไว้อย่างกะทันหันพลางพูดประจบประแจงว่า

 

 

“ฝ่าบาท นี่ก็ยังมีท่านอยู่มิใช่หรือ ต่อให้ป๋ายไต้ซือผู้นั้นอยากจะทำอะไรบางอย่างขึ้นมาจริงๆ ยังต้องไตร่ตรองชั่งใจเลย ฝ่าบาทโปรดปรานข้าถึงเพียงนี้…”

 

 

นางคุกเข่าอยู่ตรงหน้าฉินเย่หานเช่นนี้พลางกอดขาของเขายิ้มหวานนุ่มนวลหยดย้อย

 

 

ลำคอของฉินเย่หานรัดแน่นขึ้น นับตั้งแต่นางออกจากวังหลวงไปจนถึงตอนนี้ เขาไม่ได้พบเจอนางเลยมานานมากแล้ว

 

 

“ฝ่าบาท กระหม่อมรู้แล้วว่าตัวเองผิด ต่อไป…อ้า!” ซูหลีพูดยังไม่ทันจบก็ถูกช้อนตัวอุ้มขึ้นมาแล้ว นางอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ

 

 

จากนั้นก็รู้สึกได้ถึงความนุ่มนิ่มและพบว่าตนเองถูกฉินเย่หานโยนลงบนเตียงนอนใหญ่ที่อยู่ทางด้านหลังของห้องแล้ว ใต้ตัวนางเป็นผ้าห่มเครื่องนอนนุ่มๆ

 

 

“ฝ่าบาท…อื้อ!” ฉินเย่หานขึ้นคร่อมไว้แล้วปิดกั้นคำพูดทุกคำของนางทั้งหมด

 

 

ซูหลีมีใจอยากจะผลักเขาออกแต่กลับต้านทานไม่ไหว ท้ายที่สุดก็ทำได้เพียงพ่ายแพ้ล่าถอยปล่อยให้เขาทำทุกอย่างตามที่ต้องการ

 

 

ตลอดทั้งบ่ายฉินเย่หานมุมานะลงมือปฏิบัติบอกกับนางด้วยตัวเองว่าหากในอนาคตยังพาลพาโลเหิมเกริมเช่นนี้อีกเขาจะมีวิธีการอีกหลายร้อยวิธีมาลงโทษนาง แล้วยังบังคับให้นางพูดว่าตนเองไม่กล้าแล้ว ต่อไปจะไม่มีอีกแล้ว

 

 

นี่ถึงสามารถยอมข้ามนางไปได้

 

 

หลังจากเสร็จสิ้นในตอนท้ายซูหลีรู้สึกว่าทั่วทั้งตัวของตนเองแทบจะแตกสลายแล้ว

 

 

ฉินเย่หานมิได้เรียกคนรับใช้ด้านนอกให้เข้ามา แต่กลับรั้งตัวนางเข้าไปโอบไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง

 

 

“ไม่เอาแล้ว! รับไม่ไหวแล้วฝ่าบาท!” ซูหลีรีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว เกรงว่าถ้าเขาทำอีกรอบวันนี้ตนเองคงจะได้ตายอยู่บนเตียงนี้แน่นอน

 

 

“ชีวิตของเจ้าเป็นของข้า หากข้าไม่อนุญาตแม้แต่ตัวของเจ้าเองก็มิอาจตัดสินใจได้ เข้าใจหรือไม่” ใครจะรู้ว่าฝ่ายชายเพียงแค่จะกอดนางเท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น คางของเขาแตะอยู่บนศีรษะของนาง

 

 

เสียงทุ้มต่ำดังสะท้อนอยู่บนศีรษะของซูหลี

 

 

การเคลื่อนไหวของซูหลีหยุดชะงักลงไปอย่างกะทันหัน ภายในห้องเงียบสงัดมาก ทันทีที่นางก้มศีรษะลงก็สามารถได้ยินเสียงเต้นของหัวใจตัวเองแล้ว

 

 

ตึกตัก ตึกตัก ราวกับว่าจะกระโดดออกมาจากอกให้ได้เช่นนั้น