บทที่ 1615 - การประลองระหว่างเด็กรุ่นเยาว์ของตระกูลชิงและตระกูลน่าหลาน (2)

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1615 – การประลองระหว่างเด็กรุ่นเยาว์ของตระกูลชิงและตระกูลน่าหลาน(2)

 

ระหว่างการปะทะ ชิงฉางเฟิงเองก็ได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติมแม้ว่าจะไม่ใช่อาการร้ายแรงมากแต่มันก็ทําให้เขาต้องสูญเสียเลือดไปมากพอควร เขาเริ่มรู้สึกวิงเวียนศีรษะในขณะที่ ชิงซุนปรากฏกายขึ้นมาบนเวทีและยืนอยู่ด้านข้างเขา

 

” พี่ชางเฟิง ท่านได้รับบาดเจ็บ เหตุใดท่านไม่ลงไปรักษาข้างล่างก่อนล่ะ?”ชิงซุนกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาบาง แม้จะพยายามไม่ให้ใครได้ยิน แต่ก็ยังมีคนได้

 

“น้องซุน โปรดระมัดระวังตัวด้วย ข้าขอลงไปด้านล่างก่อนแล้วกัน” หลังจากที่ชิงฉางเฟิงกล่าวจบเขาก็กระโดดออกจากเวทีทันที

 

ชิงซุนภายนอกดูเป็นผู้ชายที่อ่อนน้อมถ่อมตน จึงทําให้ศัตรูมองดูด้วยสายตาที่พึงพอใจ เนื่องจากตระกูลน่าหลานถ้าแพ้มา 2 ครั้งแล้วครั้งต่อไปพวกเขาไม่ควรพ่ายแพ้อีก

 

“ข้าคือ น่าหลานเจี้ยน ยินดีที่ได้รู้จัก”

 

“ข้ามีนามว่าชิงซุน ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน” ชิงซุนกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งอย่างไรก็ตามเขาเองก็รู้ว่าชายที่มาเป็นคู่ต่อสู้ของเขานั้นคือใคร ชายที่ชื่อว่าน่าหลานเจี้ยนคืออัจฉริยะแห่งตระกูลน่าหลาน นอกจากนี้อายุของอัจฉริยะคู่นี้ก็มากเกือบ 2 เท่าของชิงซุน โดยที่มีอายุอ่อนกว่าชิงสุ่ยเล็กน้อย และแม้ว่าอายุจะดูมากขนาดนี้แต่เขาก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของคนตระกูลน่าหลานรุ่นเยาว์

 

กรณีนี้คล้ายกับชิงซุนและหลวนหลวนที่ถือว่าเป็นคนรุ่นเดียวกันแต่ความแข็งแกร่งต่างกันมากเกินไปจึงอาจจะนํามาแยกออกจากกันเป็นคนละรุ่นได้ ถ้าหากนับในมุมมองของตระกูลน่าหลาน หลวนหลวนเองก็มีสิทธิ์เข้าประลองเพราะอยู่ในช่วงอายุที่ยอมรับได้

 

ชิงซุนหยิบกระบี่ยาวออกมา และตระหนักดีว่าคู่ต่อสู้ครั้งนี้ท้าทายอย่างมาก เขาก็รู้ดีว่าตัวเองนั้นยังอ่อนแอกว่าศัตรู แต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทางไม่สบายใจได้ออกมาขณะที่เขาเริ่มโคจรพลัง

 

น่าหลานเจี้ยนไม่พูดพร่ำทําเพลงอีกต่อไป เขาพุ่งเข้าใส่ชิงซุนพร้อมกับกระบี่ในมือ ท่วงท่าที่เขาปลดปล่อยออกมารวมถึงย่างก้าวที่เขาใช้ตามไม่เป็นระเบียบและไม่อาจคาดเดาทิศทางได้

 

อาจเป็นโชคชะตาที่นําพาให้ทั้งสองต้องมาต่อสู้กัน เพราะทั้งคู่มีอาวุธเหมือนกันและชิงซุนก็เลือกที่จะโจมตีส่วนกลับโดยไม่ป้องกัน เขาใช้รูปแบบย่างก้าวจตุลักษณ์ออกมาอย่างรวดเร็ว

 

ทักษะย่างก้าว 9 เทวาของชิงซุนปัจจุบันบรรลุในระดับรูปแบบย่างก้าวจตุลักษณ์แล้ว จึงทําให้เขาสามารถเคลื่อนที่ไปในตําแหน่งต่างๆได้ว่องไวมากขึ้น โดยเฉพาะ 4 จุดที่ถูกสร้างขึ้นภายใต้วงแหวนแห่งพลัง ดังนั้นเมื่อคนนอกมองเห็นการเคลื่อน ทุกคนต่างประหลาดใจเพราะมันเป็นการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ

 

เคล็ดกระบี่พื้นฐาน!!

 

ชิงซุนใช้เพียงแค่ทักษะเคล็ดกระบี่พื้นฐาน ซึ่งเป็นทักษะที่ง่ายที่สุดและมีประสิทธิภาพที่สุด ก่อนหน้านี้ชิงสุ่ยเองก็ใช้เพียงแค่ทักษะเคล็ดกระบี่พื้นฐานในการสร้างชื่อเสียงและใช้เวลากว่า 10 ปีในการฝึกฝนทักษะนี้เพียงทักษะเดียวจนกระทั่งทุกคมกระบี่แม่นยํามากพอจนตัดปีกแมลงวันได้

 

แม้ว่าชิงซุนจะไม่อาจใช้ได้อย่างเชี่ยวชาญเท่ากับชิงสุ่ยตอนนี้ แต่ชิงซุนเองก็ฝึกฝนทักษะนี้มาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว และยังได้รับคําแนะนําจะชิงสุ่ยโดยตรง อีกทั้งยังฝึกฝนเพลงหมัดไทเก๊ก จึงทําให้เขาเก่งกว่าชิงสุ่ยในอดีตมาก

 

ในแง่ของความสามารถ ชิงสุ่ยประเมินและยอมรับว่าเด็กผู้นี้อยู่ในระดับดี แต่ถ้าหากเพิ่มเวลาฝึกฝนมากกว่านี้ มันจะนํามาซึ่งความสําเร็จอันยิ่งใหญ่แน่นอน

 

กระบี่ยาวในมือของชิงซุนเปล่งประกายและรวดเร็วเท่าสายฟ้าฟาด ทุกการเคลื่อนไหวของเขาเสียบแรมและตรงไปตรงมา นอกจากนี้เขายังสามารถโจมตีได้ทุกมุมมอง ถ้าหากโจมตีพลาด 1 ครั้งเขาสามารถย้ายการโจมตีโดยอาศัยย่างก้าวจตุลักษณ์ไปสู่อีกมุมหนึ่งและฝ่าฟันกระบออกมาอย่างรวดเร็ว

 

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ชิงซุนฝึกฝนทักษะมากมายไม่ว่าจะเป็นรูปแบบพยัคฆ์ กรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาต ภูผาเหล็ก และอีกมากมาย ทักษะกระบี่หลักส่วนใหญ่จะอยู่ในขั้นกลางจนถึงขั้นปลายซึ่งสามารถรวมกับเคล็ดกระบีพื้นฐานได้

 

ถ้าหากข่าวผสมผสานกรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาตเข้ากับ เคล็ดกระบี่พื้นฐาน ความแข็งแกร่งของกระบี่จะเพิ่มพูนขึ้นอีกหลายเท่า

 

ชิงสุ่ยเพลิดเพลินกับการต่อสู้ที่เกิดขึ้นด้านล่าง เขาสังเกตลูกชายของเขาที่กําลังต่อสู้อย่างถี่ถ้วน และทุกครั้งที่เขาเฝ้ามองเขาจะพบกับการเจริญเติบโตที่ลูกชายของเขาก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และทักษะที่ถูกปลดปล่อยออกมามักจะทําให้ผู้ชมปลื้มใจ

 

น่าหลานเจี้ยนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ธรรมดา เพราะเด็กคนนี้คือเด็กอัจฉริยะที่โดดเด่นจะตะโกนน่าหลาน ดังนั้นเมื่อเกิดการต่อสู้ยืดเยื้อ เขาก็จะเริ่มชินกับการเคลื่อนไหวของชิงซุน และที่สําคัญเขาเองก็มีพละกําลังที่มากกว่าชิงซุน แล้วยังเร็วกว่า มันจึงทําให้ชิงซุนเอาชนะเขาได้ยากยิ่ง

 

ทันใดนั้นกระบี่ของน่าหลานเจี้ยนก็ทอแสงเปล่งประกาย แสงสะท้อนที่เกิดจากกระบี่ สะท้อนเข้าตาชิงซุนอย่างจัง จนชิงซุนต้องหลับตา

 

ราวกับว่าน่าหลานเจียนถือโอกาสนี้ รีบเข้าไปใกล้ชิงซุนและตวัดกระบี่อย่างรวดเร็ว แต่แม้ว่าชิงซุนจะปิดตา แต่สัญชาตญาตของเขาไม่ได้ถูกปิดลงด้วย เข้ากระโดดถอยหลังอย่างรวดเร็วเช่นกัน

 

น่าหลานเจี้ยนพลาดโอกาสครั้งใหญ่ไป เขารีบเร่งตามร่างของชิงซุนและตวัดกระบี่อย่างเร่งรีบอีกครั้ง เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ดูเหมือนความเร็วของเขาจะเพิ่มขึ้นประมาณ 30% ซึ่งนี้น่าจะเป็นทักษะอันทรงพลังของน่าหลานเจี้ยนที่ซ่อนอยู่

 

ทักษะลับกระบี่แสง

 

นี้คือหนึ่งในทักษะเพลงกระบี่ของตระกูลน่าหลาน ซึ่งจะเรียนรู้ได้เฉพาะผู้ฝึกตนที่อยู่ต่ำกว่าระดับปราณนักบุญพิโรธเท่านั้น ไม่เพียงแต่แสงจะทําให้ผู้ที่โดนรู้สึกวิงเวียนศีรษะ แต่มันจะหยุดการเคลื่อนไหวของศัตรูได้อีกด้วย

 

ชิงสุ่ยทําได้เพียงแค่กําหมัด และยืนดูกระบี่ของน่าหลานเจี้ยนแทงทะลุหัวไหล่ชิงซุน จากนั้นเขาก็อัดพลังสู่หมัดและซัดชิงซุนกระเด็นตกเวที

 

แม้ว่าตระกูลน่าหลานจะใช้วิธีการสกปรกเพื่อเอาชนะ แต่ก็ไม่มีใครพูดโต้แย้งอะไร เพราะนี่คือการประลองที่สามารถใช้อะไรก็ได้เพื่อเอาชนะศัตรู

 

ชิงสุ่ยทะยานลอยออกไปก่อนจะคว้าตัวชิงซุนเอามาไว้ในอ้อมกอด ขณะที่มือของเขาสกัดจุดเพื่อหยุดเลือด ในความเป็นจริงบาดแผลนี้ไม่ได้ร้ายแรงนะ แต่ถ้าหากศัตรูคิดจะสั่งอาหารชิงซุน ชิงสุ่ยไม่มีวันอยู่เฉยแน่เพราะเขาจะไม่สนใจกฏใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าอย่างไรกฏเหล่านั้นก็ไม่ได้สําคัญเท่าชีวิตลูกชายของเขาเลย

 

“ท่านพ่อลูกขอโทษที่ทําให้ท่านต้องอับอาย” ชิงซุนกล่าวด้วยน้ำเสียงโศกเศร้า

 

“เจ้าทําได้ดีมากลูกพ่อ อย่าได้ใส่ใจกับปัญหาเล็กๆเหล่านี้เลย” ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม

 

ชิงซุนรู้ดีว่าชิงสุ่ยไม่ได้ตําหนิเขาที่เขาพ่ายแพ้ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเขาก็ยังคงสายหน้า “ไม่ ข้ามีพลังไม่มากพอ และตอนนั้นข้าลังเลมันถึงนําพาข้ามาสู่ความพ่ายแพ้”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าศัตรูใช้ทักษะน่ารังเกียจเพื่อเอาชนะเจ้า” ชิงสุ่ยกล่าวถามพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า

 

ชิงซุนพยักหน้าแต่ไม่พูดอะไร

 

” พ่อจะบอกให้เจ้าฟัง แมวไม่ว่ามันจะใช้เล่ห์เหลี่ยมหรือความซื่อตรง ตราบใดที่พวกมันจับหนูได้ ก็ถือว่าเป็นแมวดี ในช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตาย มันไม่สําคัญว่าแต่ละคนจะใช้วิธีการอย่างไร แต่ที่สําคัญที่สุดคือการทําให้แน่ใจว่าตัวเจ้านั้นเป็นคนสุดท้ายที่ยืนอยู่บนสังเวียน พ่อรู้ว่าเจ้าอาจไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พ่อพูด แต่ถ้าหากถึงเวลาชี้เป็นชี้ตาย ไม่สําคัญว่าเจ้าจะใช้วิธีการใด สิ่งที่สําคัญที่สุดคือเจ้าต้องแน่ใจว่าตัวเองจะต้องรอด โลกใบนี้โหดร้ายนัก เจ้าเป็นชายชาตรี แม้ว่าเจ้าจะเป็นคนซื่อตรง แต่เจ้าจะต้องมั่นใจในสิ่งที่เจ้าตัดสินใจทําลงไป จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากวันนี้การมาลองวัดกันที่ใครอยู่ใครตาย ดังนั้น เจ้าต้องจําสิ่งหนึ่งเอาไว้ว่า การเอาชีวิตรอดไม่ใช่เรื่องง่าย”

 

ชิงสุ่ยยิ้มอย่างสบายๆ เขารู้ว่าเหตุการณ์ในวันนี้จะต้องเปลี่ยนแปลงความรู้สึกในจิตใจของชิงซุน แต่ชิงสุ่ยก็เลือกจะพูด ไม่ใช่เพราะเขาต้องการตอกย้ำเรื่องความพ่ายแพ้และถูกดูถูก แต่เขาต้องการบอกให้รู้ว่ามนุษย์เจ้าเล่ห์มากเพียงใด แม้ว่าลูกชายเขาจะซื่อสัตย์ แต่คนอื่นไม่ได้หมายความว่าจะเป็นแบบเดียวกับลูกชายของเขา มันเหมือนกับคําพูดที่กล่าวว่า เราไม่ควรทําร้ายผู้อื่นและควรระวังผู้อื่นจะกลับมาทําร้ายเรา

 

“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณมากท่านพ่อ” ชิงซุนกล่าวด้วยน้ำเสียงสุขใจ

 

“เจ้าเด็กโง่ ยังไงซะพ่อก็ภูมิใจในตัวเจ้า”ชิงสุ่ยกล่าวตอบด้วยความรู้สึกที่มีความสุข

 

ชิงหมิงเดินขึ้นไปบนลานประลอง และหยุดตรงหน้าน่าหลานเจี้ยน ทั้งคู่มีรูปร่างเหมือนกันแต่แตกต่างกันเพียงแค่ ชิงหมิงนั้นดูเป็นสุภาพบุรุษที่อ่อนโยนกว่า ในขณะที่กลิ่นอายแห่งความชั่วร้ายนั้นกลับมากกว่า

 

ในมือของเขาถือกริช อาวุธที่เคยเป็นของชิงสุ่ย แม้แต่ชิงสุ่ยเองก็เกือบลืมไปแล้วว่าเคยมีสิ่งนี้อยู่ มันคืออาวุธที่น่าเกรงขาม โดยที่ปลายของมันให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกพร้อมสามารถจิตใจคน

 

น่าหลานเจี้ยนพยายามหลีกเลี่ยงการสบตากับชิงหมิง เพราะรู้สึกถึงความชั่วร้ายที่รุนแรง ในขณะที่ชิงหมิงค่อยๆระเบิดเสียงหัวเราะ “มาเล่นกันเถอะ”

 

ทันทีที่เขากล่าวจบ ร่างกายของเขาก็กลายเป็นเพียงร่างเงา พร้อมกับคลื่นพลังที่พุ่งเข้าหาน่าหลานเจี้ยน

 

“เตรียมตัวรับสิ่งนี้ซะ นี่คืออาวุธเร้นลับของข้า”

 

น่าหลานเจี้ยนตกใจอย่างมากจะรีบกระโดดออกด้านข้างและป้องกันการโจมตีด้วยกระบี่ที่เขามี ตัวเขานั้นรู้ดีว่าอาวุธประจํากายชิงหมิงคืออาวุธเร้นลับ อย่างไรก็ตาม ชิงหมิงได้สร้างความตกใจแก่น่าหลานเจี้ยน เพราะเขาพุ่งมาด้วยมือเปล่า

 

การแสดงครั้งนี้ ยิ่งทําให้น่าหลานเจี้ยนโกรธ และเปลี่ยนจากการป้องกันเข้าสู่การโจมตีทันที

 

ชิงหมิงยกมือขึ้นไปครั้ง “อาวุธเร้นลับ”

 

ทันทีที่กล่าวจบ น่าหลานเจี้ยนก็พยายามหลีกเลี่ยงอย่างรวดเร็ว และเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ ชิงหมิงได้แกล้งทําให้น่าหลานเจี้ยนตกใจ ถึงแม้น่าหลานเจี้ยนจะรู้ว่าชิงหมิงแกล้งทํา แต่สัญชาตญาณบอกให้เขาหลบหลีกเนื่องจากความกลัว

 

ชิงหมิงเป็นคนเจ้าเล่ห์ ไม่เพียงแต่เขาจะมีความเร็วที่สูงมาก กริชในมือของเขาก็เป็นอาวุธที่น่ากลัวและส่งแรงกดดันประหลาดออกมาตลอดเวลา ดูเหมือนน่าหลานเจี้ยนกําลังเผชิญหน้ากับแรงกดดันในหลวงที่กดดันจิตใจของเขาให้ต้องสั่นคลอน