พลังอันน่าหวาดหวั่น โดย Ink Stone_Fantasy
“ขอรับ”
องครักษ์กลุ่มนี้ทุกคนล้วนมีแววสังหารสูงเทียมฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉาอวิ๋นหนงที่เพิ่งเผยสถานะที่แท้จริงออกมาเองก็ยิ่งคันไม้คันมืออยากจะเคลื่อนไหวและสำแดงพลังออกมา ทางฝ่ายพวกเขามีผู้ปกครอง ‘จักรพรรดิมารแดง’ อยู่ ทำให้พวกเขามั่นใจในตนเองหาใดเปรียบ เพราะถึงอย่างไรความแตกต่างระหว่างระดับผู้เคารพและระดับผู้ปกครองก็มากเกินไปแล้วจริงๆ ทันทีที่ก้าวเข้าสู่ระดับผู้ปกครอง ก็จะเป็นการวิวัฒน์จากแก่นแท้!
อย่างผู้ครองชิงที่สามารถกวาดล้างผู้เคารพกลุ่มหนึ่งได้ด้วยตัวคนเดียว แต่ตอนนั้นเขามีวิถีถึงสามสายที่บรรลุถึงขีดจำกัดขั้นสุด ก็เพียงแค่เทียบเคียงได้กับ ‘ผู้ปกครองคลุ้งคาวเลือดหนีหลัว’ ซึ่งทำทีเป็นอ่อนแอที่สุด เพื่อจงใจปกปิดพลังที่แท้จริงเอาไว้ในตอนนั้น จะเห็นได้ว่าผู้เคารพและผู้ปกครองนั้นแตกต่างกันมากเพียงใด
พวกเขาต้องชนะแน่นอน! นี่คือการเข่นฆ่ายกหนึ่ง!
“ตู้มๆๆๆๆๆ…”
พวกเขาแต่ละคนแปรเป็นลำแสงพุ่งตรงไปทางตงป๋อเสวี่ยอิงและเหล่าองครักษ์กลุ่มหนึ่งที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามา
ส่วนตงป๋อเสวี่ยอิงและคนอื่นๆ ก็เร่งตรงมาอย่างรวดเร็วด้วยความงุนงงและไม่เข้าใจอยู่บ้าง
“พี่ฉง พี่ซานตาน เกิดเรื่องอันใดขึ้นน่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์สักเท่าใดนัก องครักษ์ฉง ซานตานและคนอื่นๆ ที่บินมาข้างกายเขาด้วยความเร็วสูงเช่นกันต่างก็สีหน้าเปลี่ยนแปรครั้งใหญ่ ถึงอย่างไรพวกเขาก็ติดตามท่านชายมานานกว่า เพียงแวบเดียวก็จำท่านชายใหญ่ ‘เจียวอวิ๋นเถิง’ ที่อยู่ไกลออกไปผู้นั้นได้แล้ว และเห็นชายชราผมแดงผู้มีตาข้างเดียวคนนั้นด้วย ซึ่งนั่นก็คือสิ่งมีชีวิตที่พวกเขามิอาจต้านทานได้…ผู้ปกครอง ‘จักรพรรดิเทพมารแดง’ นั่นเอง
“ท่านชายใหญ่นำคนมาแล้ว ข้างกายเขาคือผู้ปกครองจักรพรรดิเทพมารแดง” ซานตานรีบถ่ายเสียงบอกตงป๋อเสวี่ยอิง
“มีจักรพรรดิเทพมารแดงอยู่ ครั้งนี้พวกเราต้องเอาชีวิตมามอบให้อีกแล้ว” องครักษ์ฉงรู้สึกขมขื่นขึ้นมา
ตงป๋อเสวี่ยอิงกระจ่างแจ้งขึ้นมาในทันที
ในช่วงสามสิบล้านปีนี้ เขาได้ออกมาบ้างเป็นครั้งคราว และได้เรียนรู้จากเหล่าองครักษ์คนอื่นๆ บ้างคร่าวๆ จึงได้รู้ข้อมูลอะไรอยู่บ้าง และได้รู้ว่าผู้ที่ท่านชายเจียวอวิ๋นหลิวเจ้านายตนเห็นเป็นปฏิปักษ์ที่สุดก็คือ ท่านชายใหญ่ ‘เจียวอวิ๋นเถิง’
“พวกเขาบุกเข้ามาแล้ว!”
“ก่อนจักรพรรดิเทพมารแดงจะลงมือ ฆ่าได้กี่คนก็ฆ่าเสีย”
“สู้สุดชีวิต!”
เหล่าองครักษ์ที่เร่งตรงมากลุ่มนี้ประเมินสถานการณ์อย่างรวดเร็ว และรู้ว่าไม่มีโอกาสคว้าชัยได้เลย ในใจของแต่ละคนล้วนเต็มไปด้วยความเดือดดาล ดีร้ายอย่างไรพวกเขาก็เป็นสิ่งมีชีวิตระดับผู้เคารพ มีหน้ามีตา มีเกียรติยศของพวกเขาเอง! พวกเขาไม่ยอมถูกล้างสังหารง่ายๆ เช่นนี้หรอก ย่อมต้องโจมตีกลับแน่นอนอยู่แล้ว ถือโอกาสที่จักรพรรดิเทพมารแดงยกตนสูงส่งอยู่จนไม่ได้ลงมือ สามารถปลิดชีพคนหนึ่งได้ก็ทำเสีย
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเหล่าผู้แกร่งกล้าของฝ่ายศัตรูซึ่งมีแววสังหารสูงเทียมฟ้าซึ่งแปรเป็นลำแสงสายแล้วสาย แล้วปรายตามองไปทางจักรพรรดิเทพมารแดงซึ่งอยู่ไกลออกไปแวบหนึ่ง นัยน์ตาแฝงแววรอคอย “ก่อนที่จักรวาลผู้บำเพ็ญและลัทธิจอมมารดาจะเปิดศึก ข้ามีโอกาสได้ประมือกับผู้ปกครองก่อน หาโอกาสดีกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว!”
“ฟิ้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพลิกมือคราหนึ่ง ในมือก็มีลูกดอกปรากฏขึ้นหกดอก หลังจากร่างผู้ท่องอากาศบรรลุถึงระดับขั้นชั้นที่หก พละกำลังอันน่าหวาดหวั่นก็แทรกเข้าไปภายในลูกดอกเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น เพราะถึงอย่างไรบัดนี้ อาศัยพละกำลังเพียงอย่างเดียว เขาก็สามารถบดขยี้ผู้รักษากฎทิพย์ทั้งสามในตอนนั้นได้อย่างง่ายดาย เมื่อรับมือกับผู้เคารพกลุ่มหนึ่งจึงไม่จำเป็นต้องใช้แรงมากเกินไปเลย เขาสะบัดลูกดอกออกไปทันที
ลูกดอกหกดอกหายวับไปกลางอากาศแล้วเข้าไปในฟ้าดินโลกเทียม
จากนั้นในมือตงป๋อเสวี่ยอิงก็มีลูกดอกปรากฏขึ้นอีกหกดอก ก่อนจะสะบัดออกไปอีกครั้ง! ลูกดอกชุดนี้ได้มาจากผู้รักษากฎลัทธิจอมมารดา ชุดหนึ่งมีสิบสองดอกพอดี
ลูกดอกสิบสองดอกลอยอยู่ภายในฟ้าดินโลกเทียม แต่ละดอกมีอานุภาพอันน่าหวาดหวั่น ภายใต้การควบคุมฟ้าดินโลกเทียมของตงป๋อเสวี่ยอิง ลูกดอกทั้งสิบสองดอกก็โผล่ออกมาจากฟ้าดินโลกเทียมพร้อมกัน แล้วปรากฏขึ้นด้านหน้าองครักษ์สิบสองคนในกลุ่มนั้น องครักษ์ทั้งสิบสองคนสกัดกั้นเอาไว้ไม่ทันเลยแม้แต่คนเดียว เพราะบัดนี้วิถีโลกเทียมของตงป๋อเสวี่ยอิงก็บรรลุถึงขีดจำกัดขั้นสุดเรียบร้อยแล้ว ในจักรวาลผู้บำเพ็ญ ก็ไม่มีผู้เคารพหน้าไหนสามารถรู้ตัวล่วงหน้าได้เลยสักคน
ทันใดนั้นเหล่าองครักษ์ทั้งสิบสองก็ถูกลูกดอกปักเข้าที่อก ลูกดอกทะลุแผ่นอกของพวกเขาไป จากนั้นลูกดอกก็หายวับไป
ชั่วขณะที่ลูกดอกทะลุแผ่นอกของพวกเขาไปนั่นเอง
พละกำลังอันไร้รูปร่างที่เต็มไปด้วยแววอาฆาตอันน่าหวาดหวั่นพลันถูกส่งถ่ายเข้ามาในร่างพวกเขา ทุกอณูทั่วร่างของพวกเขาล้วนสั่นสะเทือนคราหนึ่ง
เดิมทีองครักษ์ทั้งสิบสองกำลังบินไปด้วยความเร็วสูง แต่จากนั้นก็ชะงักก่อนจะเริ่มกระเด็นลอยไปตามแรงที่ทะลุผ่านมา ความเร็วก็ลดลง ทำให้องครักษ์เหล่านั้นพากันมองมาด้วยความงุนงง
“ฟิ้ว…”
ร่างกายขององครักษ์แต่ละคนเริ่มถล่มทลายลงราวกับกรวดทรายอย่างไรอย่างนั้น จากนั้นก็มลายหายไป
องครักษ์สิบสองนาย…ร่างกายต่างก็ถล่มทลายไปจนสิ้น ในจำนวนนั้นมีร่างขององครักษ์คนหนึ่งถือกำเนิดขึ้นมาอีกครั้งจากความว่างเปล่า เขาสวมอาภรณ์สีดำทั้งร่าง ร่างกายคุดคู้อยู่ นัยน์ตาสีเขียวภายใต้อาภรณ์สีดำมองไปทางตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ไกลออกไปด้วยความตื่นตระหนก
ทั่วทั้งบริเวณนั้นเงียบงันไปอย่างสิ้นเชิง!
ไม่ว่าจะเป็นเหล่าองครักษ์ทางฝ่ายตงป๋อเสวี่ยอิงหรือว่าเหล่าองครักษ์ของท่านชายใหญ่ก็ล้วนหยุดลงทั้งสิ้น
……
“เหตุใดจึงเป็นเขาอีกแล้ว เป็นเขาอีกแล้วรึ ข้าไม่ยอม ไม่ยอมหรอก!” ท่านชายเจียวอวิ๋นหลิวมองไปทางบุรุษเกราะทองซึ่งอยู่ไกลออกไป ร่างกายสั่นเครือไปหมด เห็นได้ชัดว่าโกรธแค้นจนถึงขีดสุด “ข้าพบต้นผลวิเศษมารดำแล้วอดใจรอมานานถึงเพียงนี้ ก็เพื่อรอจะใช้ผลวิเศษมารดำช่วยให้ข้าฝึกจนบรรลุได้ ไยเขาจึงมาอีกแล้วเล่า ข้าไม่ยอมจริงๆ นะ!”
ท่านชายเจียวอวิ๋นหลิวมองไปทางเหล่าองครักษ์ใต้บังคับบัญชาของตนที่อยู่ไกลออกไปและองครักษ์ของพี่ชายกลุ่มนั้นซึ่งกำลังจะต่อกรกัน ในใจก็รู้สึกเจ็บปวดนัก
เขาเข้าใจดี
จักรพรรดิเทพมารแดงผู้นั้นต้องลงมือตามอำเภอใจแล้วล้างสังหารองครักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาไปหลายคน เหล่าองครักษ์คนอื่นๆ ก็จะถูกล้อมโจมตีและถูกสังหารตาย
“ทำอย่างไรดี ทำอย่างไรดี” เจียวอวิ๋นหลิวรู้สึกความแค้นเคือง สิ้นหวัง และไม่ยินยอม โลหิตภายในกายเดือดพล่าน สมองจวนจะระเบิดออกมาอยู่รอมร่อ
ทันใดนั้น…
เจียวอวิ๋นหลิวก็ชะงักงันไป
เขามองออกไปไกลด้วยความตกตะลึง ลูกดอกสิบสองดอกทะลุแผ่นอกขององครักษ์สิบสองนาย จากนั้นก็หายวับไป ร่างกายขององครักษ์เหล่านั้นถล่มทลายไป มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากความว่างเปล่าได้อีกครั้ง
สายตาของเจียวอวิ๋นหลิวตกต้องลงบนร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ห่างออกไป ยามนี้เบื้องหน้าตงป๋อเสวี่ยอิงมีลูกดอกสิบสองดอกนั้นปรากฏขึ้นมา เขาโบกมือคราหนึ่งแล้วเก็บลูกดอกลงไป
“องครักษ์ตงป๋อรึ” เจียวอวิ๋นหลิวพึมพำ
……
ตกใจจนตะลึงงันไป
ตกใจจนโง่งมไปเสียแล้ว!
อย่าว่าแต่องครักษ์ของฝ่าตรงข้ามกลุ่มนั้นเลย แม้แต่พวกพ้องข้างกายตนเหล่านี้ก็ตกใจจนตะลึงงันไปกันหมดแล้ว
แค่ขว้างลูกดอกจำนวนหนึ่งออกไป องครักษ์ระดับผู้เคารพก็สิ้นใจไปสิบเอ็ดนายแล้วอย่างนั้นหรือ บนร่างขององครักษ์เหล่านั้นล้วนมีเกราะสวมเอาไว้ แต่ก็ถูกแทงทะลุจนตายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวแล้วอย่างนั้นหรือ
ท่านชายใหญ่ผู้นั้นมีองครักษ์ทั้งหมดสักเท่าใดกันเชียว ทั้งหมดก็แค่ยี่สิบกว่านายเท่านั้น! จะพอให้สังหารได้สักกี่ครั้งกันเล่า
“น้องตงป๋อหรือ” ซานตาน องครักษ์ฉงและคนอื่นๆ พากันตกตะลึงไป พวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่เคยเรียนรู้กับพวกเขาสองสามครั้งซึ่งมีอัธยาศัยดีมากผู้นี้จะน่าหวาดหวั่นถึงขั้นนี้ไปได้
“ยังไม่ไปอีกรึ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดแต่กลับไม่หยุดลง เขาบินต่อไปทางท่านชายเจียวอวิ๋นหลิวซึ่งอยู่ห่างออกไป
“ถอย!” เหล่าองครักษ์ของท่านชายใหญ่แต่ละคนพากันกลัวจนต้องรีบหนีไป พวกเขาไม่มีความคิดที่จะสู้เลยแม้แต่น้อย ตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว แข็งแกร่งกว่าผู้ครองชิงและผางอีตอนก่อนที่จะสำเร็จเป็นผู้ปกครองมากนัก สำหรับผู้เคารพเหล่านี้แล้ว เป็นการล้างสังหารโดยแท้
“แตกต่างกันมากเกินไปแล้ว มิน่าเล่า พวกท่านอาจารย์จึงมิให้เหล่าผู้เคารพร่วมสงครามครั้งสุดท้ายด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ แม้แต่พลังของตนก่อนหน้านี้ เหล่าผู้ปกครองก็ยังไม่แยแส มีแต่พละกำลังของ ‘น้ำเต้าสีดำ’ เท่านั้นที่พอจะช่วยได้บ้าง
“ทว่าข้าในตอนนี้ คงจะเพียงพอแล้วกระมัง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปยังจักรพรรดิเทพมารโลหิตที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นก็ร่อนลงหน้าประตูวัง พลางมองไปทางท่านชายเจียวอวิ๋นหลิวซึ่งแตกตื่นอยู่บ้างผู้นั้น “ท่านชาย”
“องครักษ์ตงป๋อ” ท่านชายเจียวอวิ๋นหลิวตื่นตระหนกมากเกินไปแล้วจริงๆ เขาก็แค่ต้อนรับขับสู้องครักษ์ตงป๋อซึ่งเพิ่งจะเข้าร่วมใหม่ผู้นี้ตามความเคยชินที่ต้อนรับองครักษ์อย่างที่แล้วๆ มาเท่านั้น มิได้รู้สึกว่าสำคัญมากแต่อย่างใด วันนี้เขากลับตะลึงงันไปแล้ว ‘องครักษ์ตงป๋อ’ ผู้นี้ช่างเหนือกว่าที่เคยจินตนาการเอาไว้จริงๆ เกรงว่าเหล่าองครักษ์ทั้งกลุ่มของพี่ชายตนร่วมมือกันก็ยังได้ผลถูกกวาดล้างเช่นเดิม
“ท่านชายไม่จำเป็นต้องกังวลใจไปนะขอรับ ไม่มีผู้ใดสามารถทำร้ายท่านชายได้หรอก” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
“ดีๆๆ เจ้าต้องระวังจักรพรรดิเทพมารแดงผู้นั้นเอาไว้ให้ดีล่ะ เขาเป็นผู้ปกครอง ร้ายกาจยิ่งนัก” ท่านชายเจียวอวิ๋นหลิวกลับยังคงไม่สบายใจ เพราะถึงอย่างไรนั่นก็เป็นถึงผู้ปกครอง
ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้ม
จะเอาชนะผู้ปกครองได้หรือไม่นั้นเขาก็ยังไม่มั่นใจนัก แต่เขากลับมั่นใจเป็นอย่างมากว่าจะสามารถปกป้องท่านชายได้เป็นอย่างดี! เมื่อบรรลุผู้ท่องอากาศชั้นที่หกแล้ว เขาก็แข็งแกร่งด้านการควบคุมอากาศยิ่งนัก จนสามารถพาท่านชายหนีจากไปได้ในชั่วพริบตาเดียว
ทว่าเขาก็คงไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ
“ปากดีนัก” น้ำเสียงเยียบเย็นส่งมาจากที่ไกลโพ้น
ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายหน้า
ใบหน้าของบุรุษเกราะทอง ‘เจียวอวิ๋นเถิง’ ที่อยู่กลางอากาศไกลออกไปเต็มไปด้วยความโมโห “เจ้าเป็นองครักษ์คนใหม่ที่น้องชายผู้ไร้ความสามารถของข้าเพิ่งรับมาหรือ เฮอะ เจ้าประเมินตนเองสูงเกินไปแล้ว” เขามองไปทางจักรพรรดิเทพมารแดงที่อยู่ข้างกาย
ตาข้างเดียวของจักรพรรดิเทพมารแดงซึ่งอยู่ด้านข้างกลับมีแต่ความราบเรียบ ทั้งยังเผยรอยยิ้มออกมาอีกด้วย “หนุ่มน้อย พลังไม่เลวเลยนี่ ในหมู่ผู้เคารพก็เพียงพอให้เรียกว่าไร้ศัตรูได้แล้ว เอ้อ เจ้าชื่ออะไรหรือ”
“ข้าชื่อตงป๋อเสวี่ยอิง” ตงป๋อเสวี่ยอิงเงยหน้ามองฝ่ายตรงข้าม
จักรพรรดิเทพมารแดงรู้สึกนึกสนุกขึ้นมา “ข้าจะสังหารท่านชายของเจ้าแล้วชิงเอาผลวิเศษมารดำไป เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าอยากจะประมือกับข้าน่ะ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงข่มความตื่นเต้นและรอคอยเอาไว้ การบำเพ็ญสามสิบล้านปีทำให้เขาประเมินพลังตนเองได้ไม่แม่นยำอยู่บ้าง สงครามครั้งสุดท้ายของบ้านเกิดที่จวนจะมาถึงทำให้เขาตั้งตารอคอยที่จะได้ประมือกับผู้ปกครองเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่มองไปยังจักรพรรดิเทพมารแดงซึ่งยืนอยู่กลางอากาศผู้นั้น สายตาของตงป๋อเสวี่ยอิงก็สาดประกายออกมา พลางแสยะยิ้มพูดว่า “ข้าตั้งตารอคอยที่จะได้ต่อสู้กับท่านสักยกหนึ่ง ที่ผ่านมาข้ายังไม่เคยต่อสู้กับผู้ปกครองมาก่อนเลย”