ตอนที่ 685

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ด้วยการที่มีสัญลักษณ์ของสัตว์อสูรโบราณระดับพระเจ้าปักอยู่บนธง จักรวรรดิผู้ถือครองธงนี้จะต้องแข็งแกร่งมากแน่นอน

จอมยุทธระดับทลายมิติของฝ่ายห้านิกายโบราณลอยขึ้นไปยืนบนหัวเมืองและคำรามออกไป “ผู้นำทัพของจักรพรรดิจันทราม่วง จงแสดงตัวให้ข้าผู้นี้เห็นซะ”

“เหอๆ เป็นเพียงแค่ระดับทลายมิติขั้นสาม แต่กล้ามายืนอยู่ต่อหน้าราชาผู้นี้!” เสียงหัวเราะดังขึ้นทันใดนั้นชายสวมชุดเกราะใหญ่ก็ปรากฏออกมา เขาขึ้นขี่อยู่บนหลังสัตว์อสูรร่างยักษ์ที่อุ้งเท้าทั้งสี่ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง

หลิงฮันมองไปยังสัตว์อสูรตนนั้นและใบหน้าเปลี่ยนสี นั่นเพราะสัตว์อสูรตนนั้นคืออสูรเก้าเพลิงเหยียบสวรรค์!

มันคือสัตว์อสูรระดับทลายมิติ โดยปกติแล้วสัตว์อสูรจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งเหนือกว่ามนุษย์ ดังนั้นหากมาเปรียบเทียบกับจอมยุทธที่มีระดับพลังเท่ากัน สัตว์อสูรมักจะเป็นฝ่ายที่ทรงพลังมากกว่า

สัตว์อสูรที่ทรงพลังเช่นนั้นกลับยอมเป็นสัตว์ขี่ของมนุษย์… ช่างเหลือเชื่อยิ่งนัก

อสูรเก้าเพลิงเหยียบสวรรค์ก้าวเดินออกมาทีละก้าว แม้มันจะเดินช้าๆไม่เร่งรีบ แต่ออร่าที่มันปลดปล่อยออกมาน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก ผู้คนรอบข้างต่างหยุดนิ่งราวกับหัวใจถูกแช่แข็ง

ชายที่ปรากฏตัวสวมเกราะต่อสู้และเกราะหมวกสีเงิน ใบหน้าของเขาไม่ถูกปิดเอาไว้ทำให้สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ได้อย่างเด่นชัด ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจและแน่นิ่งราวกับว่าแม้ท้องฟ้าจะร่วงหล่นลงมาเขาก็สามารถรับได้ด้วยมือเปล่า

“เจ้าเป็นใคร?” จอมยุทธระดับทลายมิติของห้านิกายโบราณคำราม เขาตกตะลึงในอำนาจของอีกฝ่ายเช่นกัน

“ราชาดวงดาราแห่งจักรวรรดิจันทราม่วง น่าหลานเทียนฮวง” ชายชุดเกราะกล่าวด้วยเสียงที่ไม่ดังมาก แต่เสียงนั้นกลับตราตรึงไปทั้งจิตใจของทุกคนโดยรอบ

จอมยุทธระดับทลายมิติของห้านิกายโบราณเค้นเสียงดูถูกและพูด “ช่างกล้าหาญนัก บังอาจก่อตั้งจักรวรรดิในทวีปฮงเทียนแห่งนี้ การกระทำของเจ้าคือการต่อต้านสวรรค์!”

“โอ้ งั้นเจ้าก็เป็นตัวแทนของสวรรค์และปฐพีงั้นรึ?” น่าหลานเทียนฮวงกล่าวอย่างเหยียดหยาม

“ข้าคือจางเสี่ยวหลิน วันนี้ในฐานะตัวแทนแห่งทวีปฮงเทียน ข้าขอกล่าวเตือนเป็นครั้งสุดท้ายว่าทำลายจักวรรดิอันชั่วร้ายและดำมืดของเจ้าทิ้งเสียเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นชะตาของเจ้าที่จะหลงเหลืออยู่จะมีเพียงแค่การล่มสลาย!” จอมยุทธระดับทลายมิติของห้านิกายโบราณกล่าวลั่น

“เหอะ คิดว่าข้าจะเชื่อฟังเจ้างั้นรึ!” น่าหลานเทียนฮวงกล่าวอย่างเย็นชา “ในยุคสมัยที่ราชาผู้นี้ปกครองโลกด้วยอำนาจอันทรงพลัง บรรพบุรุษของเจ้ายังไม่รู้จักวิธีดูดนมแม่เลย เจ้ากล้าดีอย่างไรมาออกคำสั่งราชาผู้นี้!”

ช่างพูดจาใหญ่โตยิ่งนัก!

จางเสี่ยวหลินกลายเป็นเกรี้ยวกราด แต่เขาก็ไม่กล้าดูถูกและเมินเฉยต่อพลังของน่าหลานเทียนฮวง เขาเค้นเสียงดูถูกและกล่าว “คนที่พูดจาใหญ่โตมักจะดับสิ้นด้วยความอวดดีของตนเอง”

“ฮ่าๆๆ ราชาผู้นี้มาที่นี่เพื่อนำทัพเปิดศึกที่จะเริ่มขึ้นในอีกสามวันต่อจากนี้ หากเมื่อเวลามาถึงแล้วเจ้ายอมละทิ้งอาวุธและยอมแพ้แต่โดยดี ข้าจะไม่สังหารเจ้า!” เสียงของน่าหลานเทียนฮวงดังก้องกังวานราวกับฟ้าผ่า

“ฝันไปเถอะ!” จางเสี่ยวหลินกล่าวอย่างเย็นชา

สองตัวตนระดับทลายมิติกำลังคุยกัน คนอื่นๆที่เหลือย่อมไม่มีสิทธิพูดแทรก

ขั้นตอนแรกของสงครามคือการแสดงอำนาจข่มอีกฝ่าย ดังนั้นจึงไม่มีใครยอมกันง่ายๆ

“คนของอ้วนหม่าช่างแข็งแกร่งจริงๆ!” หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ แม้จะยังไม่เคยเห็น แต่เขากล้ายืนยันได้เลยว่าจักรวรรดิจันทราม่วงจะต้องมีตัวตนระดับทลายมิติคอยปกครองอยู่อีกแน่นอน

ยิ่งกว่านั้นน่าหลานเทียนฮวงยังไม่ใช่จอมยุทธระดับทลายมิติทั่วไป แม้จะยังไม่รู้ขั้นพลังของอีกฝ่ายแน่ชัด แต่การที่เขาสามารถขึ้นขี่สัตว์อสูรระดับทลายมิติได้ ก็คือสิ่งที่อธิบายพลังของเขาได้ดีที่สุด

กองทัพของจักวรรดิจันทราม่วงมั่นคงเป็นอย่างมาก จอมยุทธหนึ่งล้านคนแบ่งกองกำลังเป็นหนึ่งร้อยหน่อย แต่ละหน่อยยืนทรหดอย่างมั่นคง แม้จะเผชิญหน้ากับตัวตนระดับทลายมิติอย่างจางเสี่ยวหลิน พวกเขาก็ไม่แสดงท่าทีหวั่นไหวออกมาแม้แต่น้อย

ในทางกลับกัน ด้วยอำนาจทีน่าหลานเทียนฮวงแสดงออกมาได้ทำให้ความมั่นใจของจอมยุทธฝั่งห้านิกายโบราณลดลงไปครึ่งหนึ่งแล้ว

ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ ถือว่าพวกเขาได้แพ้สงครามไปครึ่งหนึ่งแล้วเช่นกัน

“ช่างน่าแปลกยิ่งนักที่สมบัติเดินได้อย่างอ้วนหม่าจะมีลูกน้องที่ทรงพลังเช่นนี้ และนี่เป็นเพียงหนึ่งในสามกองทัพอันยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิจันทราม่วงเท่านั้น ข้าเกรงว่ากองทัพอีกสองกองทัพเองก็คงจะไม่อ่อนด้อยไปกว่ากัน”

“ไม่แปลกใจเลยที่อ้วนหม่าจะกล้าก่อตั้งจักรวรรดิและมีความทะเยอทะยานถึงขนาดที่จะเปิดสวรรค์”

“ถ้าเช่นนั้นแล้ว หม่าตั้วเป่าที่แบกรับความรับผิดชอบทำหน้าที่เปิดสวรรค์จะไม่แข็งแกร่งยิ่งกว่าหรอกรึ? ไม่เช่นนั้นหากร่างกายของเขาไม่แข็งแกร่งพอ เขาคงไม่สามารถทนต่อพลังจักรภพที่ทรงอำนาจได้”

“คนเรามองจากภายนอกไม่ได้จริงๆ แท้จริงแล้วหม่าตั้วเป่าเป็นใครกันแน่?”

หลิงฮันเกิดความสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ แม้จะไม่เคยเห็นพลังของอีกฝ่าย แต่ดูจากผู้คนที่คอยติดตามอยู่รอบข้างเขาแล้ว ไม่มีทางที่หม่าตั้วเป่าจะธรรมดาแน่นอน

กองทัพของจักรวรรดิจันทราม่วงเริ่มสร้างแคมป์ที่พักและเตรียมตัวสำหรับสงครามที่จะเริ่มขึ้นในอีกสามวันให้หลัง

ห้านิกายโบราณก็เริ่มปรึกษาหารือกันเช่นกัน หัวข้อสนทนาก็คือในวันนี้ วันพรุ่งนี้ หรือวันมะรืนพวกเขาจะทำการลอบโจมตีดีหรือไม่

“ข้าคิดว่าควรจะเริ่มการลอบโจมตีในคืนนี้เลย กองทัพพวกมันเพิ่งจะมาถึงและคืนนี้คงจะเป็นวันที่พวกมันประมาทและมีการป้องกันน้อยที่สุด” ผู้มีอำนาจคนหนึ่งกล่าวขึ้น

หากจะเข้าร่วมการสนทนาครั้งนี้ได้ แน่นอนว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่จะต้องเป็นผู้มีอำนาจของแต่ละนิกายหรือขุมอำอาจ และหลิงฮันก็บังเอิญได้เข้าร่วมการสนทนาครั้งนี้ด้วย เขามีสถานะของนักปรุงยาระสวรรค์ซึ่งเทียบได้กับจอมยุทธระดับสวรรค์และแม้แต่ตัวตนระดับทลายมิติก็ต้องไว้หน้าเขา

แต่ตอนนี้หลิงฮันดูไม่เหมือนกับนักปรุงยาระดับสวรรค์แม้แต่น้อย บนตักของเขามีฮูหนิวนั่งอยู่ หนึ่งชายหนุ่มหนึ่งเดก็กสาวกำลังนั่งแทะเม็ดแตงโมอย่างไม่สนใจการประชุมกองทัพ

“ไม่ควรทำเช่นนั้น อีกฝ่ายจงใจเปิดสงครามในอีกสามวันข้างหน้า ข้าเกรงว่าพวกเขาคงจะคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าพวกเราจะลอบลงมือในคืนก่อนวันเริ่มสงคราม พวกมันอาจจะวางกับดักเอาไว้และกำลังล่อให้เราเข้าไปติดกับอยู่ก็ได้” ใครบางคนกล่าวไม่เห็นด้วย

“พวกมันมาถึงหลังพวกเราและไม่มีโอกาสหรือเวลาที่จะวางกับดัก ข้ายังคงยืนกราว่าพวกเขาควรจะลอบโจมตีในคืนนี้”

“ข้าขอยืนกรานไม่เห็นด้วย!”

ผู้คนที่เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ถูกแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม กลุ่มแรกคือคนที่เห็นด้วยกับการบุกลอบโจมตีในทันที ในขณะที่อีกกลุ่มยืนกรานว่ารอดูสถานการณ์ไปก่อน เพราะอย่างไม่พวกเขาก็ติดตั้งข่ายอาคมเอาไว้ในเมืองแล้ว งั้นทำไมไม่รอให้ศัตรูเป็นฝ่ายบุกโจมตีมาก่อนล่ะ?

กลุ่มสุดท้ายคือคนที่เป็นกลางและไม่ออกความคิดเห็น

สุดท้ายแล้วจางเสี่ยวหลินก็ตัดสินใจส่งหน่วยหัวกะทิเข้าไปลอบโจมตีในค่ำคืนนี้ เพื่อลองเชิงดูอำนาจของกองทัพน่าหลานเทียนฮวง

จอมยุทธมากมายอาสาเข้าร่วมการลอบโจมตีครั้งนี้ แน่นอนว่าหลิงฮันไม่เข้าร่วมการลอบโจมตีนี้ เขาไม่คิดจะทำงานให้กับห้านิกายโบราณ ยิ่งกว่านั้นน่าหลานเทียนฮวงยังเป็นตัวตนที่ลึกลับ แถมกองทัพของพวกเขายังมั่นคงขนาดนั้น

การลอบโจมตีเข้าไปก็มีแต่จะเอาชีวิตไปทิ้ง!

ไม่เพียงแค่เขาปฏิเสธไม่เข้าร่วม แต่เขายังบอกกับจักรพรรดิรุณและพรรคพวกเขาคนอื่นๆอีกด้วยว่าไม่ให้เข้าร่วมการกระทำครั้งนี้และให้รอดูสถานการณ์ในอีกสามวันก่อน