บทที่ 449 อัลลินในหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

บทที่ 449 อัลลินในหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา
“วันจันทร์ แหวนมงกุฎแห่งโฮล์มหมายเลขที่สามสิบเอ็ดในที่สุดก็พบกับผู้ชนะประจำปี 822 ท่านเจโรมได้รับรางวัลจากการค้นพบเอ็กซ์เรย์ ท่านคือผู้ชนะรางวัลมงกุฎแห่งโฮล์มคนที่สองที่มาจากสถาบันอะตอม ตามรอยท่านอีวานส์

“…ในสถาบันอะตอม ท่านเจโรมมักเก็บตัวเงียบ ท่านมิใช่คนโดดเด่นสะดุดตาเหมือนอย่างท่านอีวานส์หรือช่างพูดช่างคุยเหมือนอย่างท่านลาซาร์และท่านร็อค และไม่ได้มีพื้นฐานทางวิชาการแน่นหนาอย่างลูกศิษย์ของท่านอีวานส์ แล้วเหตุไฉนท่านจึงได้รับรางวัลสูงสุดชิ้นนี้กันเล่า ท่านเจโรม สุภาพบุรุษผู้ซื่อตรงและเรียบง่ายในสายตาผู้อื่น กลายเป็นจอมเวทระดับสี่และนักเวทระดับสาม ทั้งยังกลายเป็นผู้ชนะแหวนมงกุฎแห่งโฮล์มหมายเลขที่สามสิบเอ็ดได้อย่างไรกัน

“เป็นเกียรติของทางเราอย่างยิ่งที่ท่านเจโรมอยู่ที่นี่กับเราในวันนี้เพื่อตอบคำถามทั้งหลาย สวัสดีค่ะท่านเจโรม ขอบคุณที่มาในวันนี้นะคะ”

เบลคผู้มีผมสีฟ้าอ่อนและดวงตาสีน้ำเงินเข้มตามแบบฉบับชาวเกาะสุริยคติ ตั้งใจฟังวิทยุอย่างยิ่ง นอกเหนือจากการค้นพบเอ็กซ์เรย์แล้ว ข่าวอื่นๆ เกี่ยวกับสถาบันอะตอมในช่วงที่ผ่านมานั้นแทบไม่มีอะไรเกี่ยวกับเจโรมเลย ชื่อของเขามักจะอยู่ล่างสุด มิมีผู้ใดให้ความสนใจ ทว่า จู่ๆ เขาก็กลายเป็นผู้ชนะรางวัลในสาขาเวทธาตุและกลายเป็นที่อิจฉาริษยากับแบบอย่างให้กับจอมเวทนับพันๆ คน

เสียงทุ้มต่ำของบุรุษตอบกลับมา “ในสายตาผู้อื่น ข้าหาใช่จอมเวทที่มีความสามารถ ตัวข้าเทียบไม่ได้กับร็อคและเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอีวานส์เลย ดังนั้น จอมเวทหลายๆ ท่านจึงเชื่อว่าความสำเร็จของข้านั้นมาจากความชมชอบของเทพธิดาแห่งโชค… เชื่อว่าการบังเอิญลืมชิ้นส่วนเรืองแสงเอาไว้ได้นำไปสู่ความสำเร็จที่มาจากความบังเอิญยิ่งกว่า”

เบลคพยักหน้า เขาเองก็คิดเช่นนั้น และมันก็มิใช่เพราะความรู้สึกริษยา บทความที่ตีพิมพ์ในวารสาร ‘อาร์คานา’ เมื่อปีที่แล้วได้พิสูจน์ว่าการค้นพบของเจโรมนั้นเป็นเพราะความบังเอิญและความโชคดีมากกว่าการค้นพบที่นำโดยทฤษฎีซึ่งผ่านการพัฒนามาอย่างยาวนาน

“เช่นนั้นท่านคิดเห็นอย่างไรหรือคะ” ลาร์ค ผู้ดำเนินรายการถามด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร

เจโรมแย้มยิ้ม “พวกเขาคิดถูกแล้วขอรับ แต่ข้าต้องขอกล่าวเพิ่มอะไรสักนิด ก่อนที่ข้าจะค้นพบเอ็กซ์เรย์ ข้าต้องทำการทดลองที่เกี่ยวเนื่องกันถึงหนึ่งพันสองร้อยยี่สิบเจ็ดวัน ในขณะที่ลาซาร์ ร็อค และบรรดาลูกศิษย์เชื่อว่ามันไม่มีอะไรให้ค้นหาต่อแล้ว ข้ากลับยังคงทำต่อไปในเวลาว่าง

“ในตอนนั้น ข้าไม่เคยคาดหวังว่าจะพบเจอสิ่งยิ่งใหญ่อะไรเลย ข้าทำไปก็เพราะว่ายังมีเรื่องที่ข้าไม่เข้าใจ ข้ามิใช่คนฉลาด แต่ข้าก็ภาคภูมิใจในความพากเพียร ความอุตสาหะ และความใจเย็นของข้า ซึ่งเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ข้าจะพึ่งพาได้

“บางทีจอมเวทอย่างข้าหาใช่ผู้ที่จะคิดค้นทฤษฎีที่จะสะเทือนไปทั้งวงการซึ่งต้องใช้จินตนาการอย่างมากมายมหาศาล แต่เราสามารถวางรากฐานให้แน่นหนาที่สุดสำหรับหอคอยอันสูงตะหง่านแห่งอาร์คานาศาสตร์และเพิ่มรายละเอียดเข้าไป คนอย่างเราก็มีคุณค่าและความหวังเช่นกัน”

ถ้อยคำของเจโรมนั้นเรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดา แต่ละคำของเขาทำให้เบลคได้รับแรงบันดาลใจอย่างยิ่งยวด ความพากเพียร ความอุตสาหะ และความใจเย็น… เบลคเอ่ยทวนคำเหล่านั้นในใจ

“ความพากเพียร ความอุตสาหะ และความใจเย็น…” ลาร์คเองก็ทวนสามคำนี้ทางวิทยุ “ขอบคุณที่แบ่งปันกับเราค่ะ ท่านเจโรม ข้าเชื่อว่าสิ่งที่ท่านเพิ่งพูดไปนั้นคงเป็นกำลังใจให้กับจอมเวทมากมาย รวมถึงตัวข้าเอง ท่านมีอะไรอยากจะแบ่งปันกับเราอีกหรือไม่คะ”

“เอ่อ… อันดับแรกเลย ข้าอยากจะขอบคุณอีวานส์ ผู้มีพรสวรรค์ทางด้านอาร์คานาศาสตร์มากมายอย่างที่ทุกท่านทราบดี การได้ทำงานกับเขาทำให้ข้าได้เรียนรู้อะไรมากมาย ไม่ว่าใครจะพูดอะไรถึงข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับควอนตัมของแสงของเขาอย่างไร ข้าก็ยังเชื่อในตัวเขา เขาคือผู้มอบการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดภายในสถาบันอะตอมแบบฟรีๆ และสนับสนุนข้าในยามที่ข้าอยากจะยอมแพ้ ดังนั้น ข้าจึงตั้งชื่อรังสีนี้โดยใช้ตัวอักษร ‘X’”

เจโรมกล่าวต่อไปด้วยเสียงเปี่ยมด้วยอารมณ์มากมาย “…แล้วก็ ข้าอยากจะบอกกับเวร่า ภรรยาข้าว่า ‘ขอบคุณนะ’ นางคอยให้ความรักและกำลังใจกับข้ามาตลอดและทำให้ข้ามีพลังในการทำการทดลองที่น่าเบื่อหน่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากไม่มีการสนับสนุนจากนาง ข้าคงไม่มีทางชนะรางวัลนี้ นางควรจะได้แหวนวงนี้ร่วมกันข้า”

“น่ารักมากจริงๆ และทั้งคู่ก็เพิ่งจะมีบุตรคนแรกด้วยกันอีกด้วย! เรามาอวยพรให้พวกเขารักกันยิ่งๆ ขึ้นไปและมีอนาคตที่สดใสกันเถอะ!” ลาร์คเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงใจ จากนั้นจึงหันไปพูดกับแขกรับเชิญอีกท่าน “…วันนี้เรายังได้รับเกียรติจาก ท่านรองประธานองค์กร ‘เจตจำนงแห่งธาตุ’ อีกด้วย ยินดีต้อนรับท่านมอร์ริส ฮอฟเฟนเบิร์ก นะคะ ท่านคิดเห็นอย่างไรบ้างกับสิ่งที่ท่านเจโรมพูดเมื่อสักครู่นี้”

“ความพากเพียร ความอุตสาหะ และความใจเย็น… ทั้งสามอย่างนี้เป็นคุณสมบัติที่ดี โดยไม่ต้องคำนึงถึงพรสวรรค์” มอร์ริสมีน้ำเสียงทุ้มต่ำทรงเสน่ห์ของบุรุษมากประสบการณ์

ลาร์คเห็นดีเห็นงาม ก่อนจะถามว่า “ท่านมอร์ริสคะ สัปดาห์นี้เราได้รับจดหมายจากผู้ฟังมาหลายฉบับ และทุกฉบับก็ถามคำถามเดียวกันว่า เหตุใดท่านอีวานส์จึงไม่ได้รับรางวัลหรือ

“งานวิจัยเกี่ยวกับธาตุกัมมันตรังสีของท่านอีวานส์ ที่ทำให้ท่านชนะรางวัลเหรียญน้ำแข็งและหิมะ น่าจะทำให้ท่านชนะรางวัลมงกุฎแห่งโฮล์มอีกอย่างน้อยสองครั้ง ครั้งหนึ่งสำหรับการพิสูจน์ว่าอิเล็กตรอนคือส่วนหนึ่งในโครงสร้างภายในของอะตอม และอีกครั้งหนึ่งคือการที่ท่านนำทางเราเข้าสู่โลกอนุภาค และแสดงให้เราเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของสสารด้วยการค้นพบธาตุใหม่ที่ชื่อว่าฮีเลียม งานวิจัยของท่านน่าตื่นเต้นเหนือคำบรรยาย มันทำให้พวกเราเชื่อว่าเราอยู่บนเส้นทางสู่การควบคุมสสาร ซึ่งเคยเป็นเรื่องต้องห้ามของเหล่าพระเจ้า แต่เหตุไฉนผลงานชิ้นสำคัญกลับไม่ได้รับรางวัลกันล่ะคะ”

มอร์ริสเงียบไปหลายวินาทีก่อนจะตอบว่า “การพิสูจน์ว่าอิเล็กตรอนคือส่วนหนึ่งในโครงสร้างภายในของอะตอมคือการติดตามผลจากการค้นพบอิเล็กตรอน หลังจากปรึกษากันแล้ว เราเชื่อว่าการค้นพบนี้ไม่ควรจะชนะรางวัลอีกครั้ง เพราะอีวานส์ได้รับแหวนที่ชื่อ ‘อิเล็กตรอน’ ไปแล้ว…

“ส่วนการปล่อยธาตุใหม่นั้นเกี่ยวข้องกับวิธีการผลิตและเปลี่ยนสสารจริงๆ แต่มันยังไม่ได้รับการพิสูจน์ชี้ชัด เมื่อใดที่อีวานส์สามารถพิสูจน์ได้ว่าสารกัมมันตรังสีเปลี่ยนเป็นธาตุอื่นๆ ได้เนื่องจากการแผ่รังสีของธาตุใหม่โดยมีการทดลองแน่ชัด รางวัลก็จะตกเป็นของเขาอีกครั้ง ทางเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะนำเสนอทฤษฎีทั้งหมดที่อธิบายโครงสร้างอะตอมและวิธีการที่สสารเปลี่ยนแปลงไปได้โดยสมบูรณ์”

‘ดังนั้นแหวนมงกุฎแห่งโฮล์มวงถัดไปของลูเซียน อีวานส์ ก็จะได้ครอบคลุมทุกความสำเร็จในสาขาวิชานี้’ มอร์ริสคิดกับตนเองในใจ

ลาร์คไม่เชื่อคำพูดของมอร์ริสง่ายๆ “ข้าเกรงว่ามันจะไม่น่าเชื่อถือพอนะคะท่าน ท่านยูลิสิสชนะรางวัลครั้งที่สามสิบเอ็ดด้วยงานวิจัยเกี่ยวกับการตรวจวัดประจุอิเล็กตรอน และการค้นพบของท่านลูเซียน อีวานส์ ก็มีคุณค่ามหาศาลเทียบเท่ากันมิใช่หรือคะ

“…ในจดหมายบางฉบับ จอมเวทบางคนเชื่อว่าท่านคือผู้ที่ขัดขวางท่านลูเซียน อีวานส์ จากการชนะรางวัลอีกครั้งหนึ่ง เพราะว่าท่านอีวานส์ชนะรางวัลไปแล้วสามครั้ง พวกเขาสงสัยว่าท่านมองว่าการมอบรางวัลให้กับท่านอีวานส์อีกครั้งเป็นการสิ้นเปลืองเงินและทรัพยากร จากข่าวลือเหล่านี้ ท่านอยากจะอธิบายอะไรหรือไม่คะ ท่านมอร์ริส”

“นั่นเป็นข้อกล่าวหาที่ไร้สาระและไร้มูลฐานโดยสิ้นเชิง ความเปิดกว้าง ความยุติธรรม และความเสมอภาคคือหลักการที่เราใช้การตัดสินผู้ชนะมาตอด อีวานส์เองก็เข้าร่วมการประชุมหารือ เขาก็มิได้มีปัญหาอะไร” น้ำเสียงมอร์ริสฟังดูไม่พอใจ แต่แล้วเขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง “หมดเวลาแล้ว ข้าจะไม่ตอบคำถามใดๆ อีก และข้าจะไม่มาร่วมการสัมภาษณ์ไร้สาระนี้อีกแล้ว เว้นแต่ว่าเจ้าจะแสดง ‘ความจริงใจ’ เวลานัดหมาย”

เบลคนึกสงสัยว่าเพราะเหตุใดมอร์ริสจึงมีน้ำเสียงระแวดระวังตัวนิดๆ

“…เอาล่ะ นั่นคือการทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเมื่อวันพุธที่ผ่านมานะคะ ทีนี้เรามาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมากัน

“…เกิดการปะทะกันระหว่างเรือกลไฟลาดตระเวนของสภาเวทมนตร์และเรือเหาะของศาสนจักรนักบุญสัจธรรม ยิ่งเราใกล้จะระบุตำแหน่งมิติลึกลับได้ การปะทะก็มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม

“หลังจากที่อาณาจักรเวทมนตร์โบราณล่มสลายไป นักเวทจำนวนนับไม่ถ้วนต้องทุกข์ทรมานทุกวันคืนภายใต้อำนาจของศาสนจักรและเกือบจะถูกลบล้างไปจากแผ่นดิน โชคดีที่การก่อตั้งสภาเวทมนตร์ได้เปลี่ยนกระแสทุกอย่างไป ดังนั้น การเผชิญหน้ากันจึงมิมีฝ่ายใดยอมผ่อนปรน นักเวททุกท่านควรจดจำเอาไว้ว่า การพยายามประจบประแจงทั้งสองฝ่ายเป็นเรื่องโง่เขลาเกินคำบรรยาย

“เราจะไม่ถอยอีกต่อไป เบื้องหลังของเราคืออัลลิน!”

“…ไม่นานมานี้ท่านโดนัลด์ สมาชิกสภาสูงสุดและประธานองค์กร ‘เจตจำนงแห่งธาตุ’ ได้นำนักเวทแห่งธาตุและนักเวทศาสตร์มืดเกือบร้อยคนไปเยี่ยมเยือนราชสำนักเอลฟ์และผู้เฒ่าชาวดรูอิดแห่งป่าสตรู๊ป ท่านผู้เฒ่ามัลฟิวเรียนต้อนรับท่านโดนัลด์และคณะอย่างอบอุ่น ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์และปัญหาในช่วงนี้และสรุปข้อตกลงร่วมกัน จากนั้นทุกท่านก็ได้เข้าร่วมงานเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ของเทศกาลหว่านพืชฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งจัดในคฤหาสน์ใกล้กับป่าสตรู๊ป และที่นั่น จินเคลา หมายเลข 822 ก็ได้อวดโฉมต่อหน้าผู้คนเป็นครั้งแรก

“เจ้าแห่งพายุ สมาชิกสภาสูงสุด ได้ส่งรายงานการวิจัยเกี่ยวกับการทดลองของท่านที่ใช้ลำแสงฮีเลียมขนาดเล็กเท่าอะตอมระดมยิงใส่แผ่นโลหะบางๆ ในการทดลองนี้ชี้ให้เห็นว่าบางอนุภาคจะกระจายตัวไปมากกว่าอนุภาคอื่นๆ จากการผลลัพธ์นี้ เจ้าแห่งพายุได้โค่นล้มแบบจำลองโครงสร้างอะตอมที่นำเสนอโดยท่านแฮททาเวย์ ซึ่งเชื่อว่าอิเล็กตรอนจะฝังตัวอยู่ในนิวเคลียสของอะตอม จากงานวิจัยของท่านเฟอร์นันโด โครงสร้างภายในของอะตอมน่าจะมีความคล้ายคลึงกับระบบการเคลื่อนไหวของวัตถุในฟากฟ้าที่ท่านประธานสภาดักลาสเป็นผู้นำเสนอ นั่นก็คือ อิเล็กตรอนจะหมุนโคจรรอบนิวเคลียสของอะตอมเหมือนกับโลกที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ โลกมหัพภาคมีความคาบเกี่ยวกับโลกอนุภาค!”

เบลคผุดลุกขึ้นนั่งตัวตรงด้วยความอัศจรรย์ใจ

โครงสร้างภายในอะตอมอันเล็กจิ๋วกลับคล้ายคลึงกับระบบจักรวาลทั้งระบบ! โลกใบนี้ช่างมหัศจรรย์และน่าพิศวงยิ่งนัก! ทฤษฎีของเฟอร์นันโดได้แสดงให้เห็นถึงความงดงามของอาร์คานาศาสตร์อีกครั้ง! เบลคอดนึกสงสัยไม่ได้ว่ามันมีจักรวาลภายในอะตอมแต่ละอะตอมหรือไม่ แล้วมันมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ในนั้นหรือไม่ เขารู้ดีว่าทฤษฎี ‘เทพธิดาแห่งเวท’ เคยเป็นที่นิยมอย่างมากในอาณาจักรเวทมนตร์โบราณ

ความจริงของโลกนั้นน่าหลงใหลอย่างยิ่ง!

“…อีกทางด้านหนึ่ง ท่านเอ็ดวิน บรูก จักรพรรดิแห่งการควบคุม สมาชิกสภาสูงสุด ได้เสนอแนะว่าในเมื่ออิเล็กตรอนมีประจุ เวลาที่พวกมันโคจรไปรอบๆ นิวเคลียส เช่นนั้นพวกมันก็ควรจะแผ่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมา หากไร้ซึ่งพลังงานนี้ โครงสร้างย่อมไม่มีวันมั่นคงได้…”

เบลคครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า เพราะมันเป็นไปตามทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้าดั้งเดิม เขาอดรู้สึกผิดหวังนิดๆ ไม่ได้

“…เจ้าแห่งพายุเองก็บอกว่าในตอนนี้นี่เป็นเพียงแบบจำลองคร่าวๆ และย่อมต้องมีการพัฒนาเพิ่มเติมอย่างแน่นอน แต่นักเวทแห่งธาตุส่วนใหญ่ต่างเชื่อว่าแบบจำลองคร่าวๆ ในตอนนี้ก็เพียงพอจะทำให้เจ้าแห่งพายุเป็นผู้ชนะรางวัลมงกุฎแห่งโฮล์มในปีต่อไปได้แล้ว”

“วันเสาร์ แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ยืนยันมาว่าจักรพรรดิแห่งการควบคุม ผู้ที่เพิ่งกลับมาได้หนึ่งปีครึ่ง ได้เสร็จสิ้นโครงการพัฒนาวงแหวนเวทสำหรับการตรวจวัดควอนตัมของแสงได้อย่างแม่นยำ ในขณะเดียวกัน ท่านลอเร็น สมาชิกคณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานา และผู้ชนะเหรียญน้ำแข็งและหิมะกับเหรียญจันทราสีเงิน ก็ได้บอกกับเราว่าท่านพัฒนาได้สำเร็จเช่นกันหลังจากพยายามมาตลอดสามปี อีกไม่นานท่านก็จะตอบโต้ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับควอนตัมของแสงของท่านอีวานส์ด้วยผลการทดลอง…

“จากการสำรวจของเรา กลุ่มจอมเวทผู้ให้การสนับสนุนทฤษฎีคลื่นต่างก็ตื่นเต้นอย่างมาก ในขณะที่จอมเวทหลายท่านที่อยู่ฝ่ายทฤษฎีอนุภาคเริ่มเป็นกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาและปฏิเสธที่จะตอบคำถามอะไรอีก”