ตอนที่ 256 คำสารภาพที่ไม่คาดฝัน

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

“ฉันสบายดีค่ะ ร่างกายก็ฟื้นฟูดีมาก ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ” เธอเอ่ยอย่างจริงใจ แม้เธอจะรู้แล้วว่าที่เขาตั้งใจเข้าใกล้เธอนั้นเป็นเพราะฉีหย่วนเหิง แต่เขาก็ดูแลเธอดีมากเป็นพิเศษ เธอไม่อาจลืมน้ำใจที่เขามีให้ได้ ที่สำคัญ เขายังเคยช่วยชีวิตเธอเอาไว้ด้วย 

 

 

เขาหัวเราะร่า “ไม่ต้องเกรงใจ ได้รับใช้สุภาพสตรีถือเป็นเกียรติของผม ไม่แน่นะ บางทีผมอาจจะได้เจอคุณอีกก็ได้” 

 

 

“เจอฉันเหรอคะ?” เธอนิ่งอึ้ง พอเรียกสติกลับมาได้จึงเอ่ยถาม “คุณกำลังจะบอกว่าคุณอยู่ที่นี่เหรอคะ?” 

 

 

 “พอดีผมมาทำธุระที่นี่น่ะ ถ้าคุณพอมีเวลาว่าง เราอาจจะได้ดื่มกาแฟด้วยกันสักแก้วก็ได้” เสียงเขามีเสน่ห์มาก 

 

 

เธอดีใจมาก รีบโบกมือเรียกรถแท็กซี่ทันที “ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนคะ? อยู่ที่สนามบินหรือเปล่า?” 

 

 

“ไม่ใช่ครับ” เขาบอกที่อยู่แห่งหนึ่งให้เธอ เธอฟังแล้วรู้ทันทีว่าเป็นร้านกาแฟที่อยู่ใกล้สนามบิน 

 

 

เธอก้าวขึ้นรถ บอกที่อยู่ให้คนขับแท็กซี่ จากนั้นตรงไปยังที่หมายทันที 

 

 

เธอก้าวลงจากรถพลันเห็นคริสกำลังนั่งสบายอารมณ์อยู่ตรงโต๊ะติดริมหน้าต่างพอดี เขาเห็นเธอแล้วยิ้มกว้าง ดวงตาสีเขียวเป็นประกายวิบวับใต้แสงอาทิตย์ 

 

 

เธอยิ้มสวยเดินเข้าไปในร้าน 

 

 

ผ่านเวลาไปนานมากแล้ว ทั้งสองเพิ่งจะได้เจอกันอีกเป็นครั้งแรก ตอนแรกบรรยากาศค่อนข้างจะอึดอัดเล็กน้อย เพราะเธอรู้สึกผิดที่ตัวเองไม่เคยติดต่อเขาเลย 

 

 

ส่วนเขานั้นดูเหมือนจะมีความในใจอะไรบางอย่าง ท่าทางไม่ได้สดใสเหมือนตอนที่คุยกันในโทรศัพท์เลยสักนิด เธออดถามไม่ได้ “คุณมีเรื่องอะไรในใจหรือเปล่าคะ?” 

 

 

เขาฝืนยิ้มเล็กน้อยๆ “คุณดูออกด้วยเหรอครับ?” 

 

 

“ฉันว่านะ ถ้าไม่ตาบอดใครๆ ก็ดูออกทั้งนั้นแหละค่ะ” เอ่ยจบแล้วหันไปกวาดสายตามองข้างหลังตัวเอง “คุณคงไม่รู้ สีหน้ากลุ้มใจของคุณทำให้สาวๆ ทั้งหมดในนี้มองคุณเป็นตาเดียวแล้ว” 

 

 

เขาหัวเราะขำที่เธอพูดเกินจริง “เฉียว คุณนี่ตลกจังเลยนะ” 

 

 

“เล่ามาสิคะว่าเกิดอะไรขึ้น?” เธอหุบยิ้มไม่พูดเล่นอีก 

 

 

เขาสูดหายใจลึก “ผมต้องกลับเข้าองค์กรแล้ว” 

 

 

“อะไรนะคะ?” เธอมุ่นหัวคิ้ว “ฉันฟังไม่เข้าใจเลยค่ะ” 

 

 

“ความจริงผมรู้ว่าคุณเองก็สงสัยเหมือนกัน ทั้งๆ ที่ผมเป็นส่วนหนึ่งในนั้น แต่กลับหนีไปเปิดบริษัทนิตยสารที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย” เขาเอ่ยขึ้นช้าๆ 

 

 

เธอพยักหน้า “ฉันเคยสงสัยค่ะ แต่ฉันคิดว่าอาจจะเป็นเพราะองค์กรของคุณไม่ได้เข้มงวดมาก ไม่จำเป็นที่ทุกคนจะต้องอุทิศทั้งชีวิตให้กับองค์กร พอคิดได้อย่างนี้แล้วฉันก็เลยไม่ได้คิดอะไรอีก” 

 

 

แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างที่เธอคิดเสียแล้วสิ 

 

 

คริสส่ายศีรษะ “คนอื่นอาจจะทำแบบนั้นได้ แต่ไม่ใช่สำหรับผม ผมเป็นลูกชายคนโต ตามธรรมเนียมแล้ว ผมเกิดมาเพื่ออุทิศตนให้กับองค์กร ผมทนแรงกดดันนั้นไม่ได้ถึงได้หนีออกมา แต่ผมเพิ่งพบว่า ต่อให้ผมพยายามเปลี่ยนแปลงทุกอย่างยังไง แต่สถานะของผมก็กำหนดเอาไว้แล้วว่าทุกอย่างที่ผมพยายามทำจะต้องล้มเหลว” 

 

 

น้ำเสียงเขาฟังดูไม่ดีนัก แต่เธอฟังออกว่านั่นเป็นเพราะแรงกดดันจากองค์กรที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ เธอคิดๆ แล้วเอ่ยถาม “เพราะฉะนั้น ตอนนี้คุณก็เลยตัดสินใจจะกลับไปใช่ไหมคะ?” 

 

 

สีหน้าเขายุ่งยากใจมาก เขาลังเลอยู่สักพักจึงตัดสินใจ “ครับ ผมคิดว่าผมควรกลับไป ทุกคนก็บอกกับผมอย่างนั้น แต่ว่า…” 

 

 

เขาจ้องเธอนิ่ง สูดหายใจลึก จู่ๆ ก็จับมือเธอเอาไว้ “ก่อนที่ผมจะยอมแพ้ให้กับโชคชะตา ผมอยากจะสู้อีกสักตั้ง เฉียว คุณยินดีสู้เคียงข้างผมไหมครับ” 

 

 

เขาจับมือเธอแน่น สายตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเธอจะตอบอย่างที่ใจเขาต้องการ 

 

 

เฉียวซือมู่ตกตะลึงจนพูดไม่ออก เธอไม่คิดเลยว่าการออกมาเจอเพื่อนเก่าจะกลายเป็นสถานการณ์ชวนอึดอัดแบบนี้ไปได้ เธอนิ่งไปครึ่งค่อนวันกว่าจะตั้งสติได้ เธอค่อยๆ ดึงมือตัวเองออกมาจากมือเขาแล้วเอ่ยกับเขาที่สีหน้าค่อยๆ ขรึมลง “ขอโทษ…”    

 

 

คริสมองมือตัวเองพลางยิ้มขมขื่น “ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ก่อนมาที่นี่ ผมก็พอจะเดาออกแล้วว่าจะได้คำตอบแบบนี้ แต่ผมยังไม่อยากยอมแพ้ อยากจะลองดูอีกสักตั้ง ถึงตอนนี้ผมคงต้องยอมแพ้แล้วจริงๆ” 

 

 

เธอมองคริสที่พยายามแกล้งทำเป็นสบายๆ แต่ดวงตาฉายแววขมขื่นแล้วรู้สึกผิดมาก แม้เธอจะรู้สึกผิดมากแค่ไหนก็ตาม แต่เธอก็ไม่อาจตอบรับคำขอของเขาได้ เธอเห็นเขาเป็นเจ้านายตั้งแต่แรก และเห็นเป็นเพื่อนในตอนหลัง ไม่เคยคิดกับเขาเกินคำว่าเพื่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว 

 

 

ถึงเธอจะรู้ว่าเขาผิดหวังมาก แต่เธอก็รับปากเขาไม่ได้ ได้แต่ขอโทษเขาอย่างเดียว 

 

 

“ขอโทษที่ทำให้คุณผิดหวังค่ะ” 

 

 

เขาส่ายศีรษะ “เป็นเพราะผมดื้อดึงเอง คุณไม่ต้องขอโทษผมหรอกครับ ผมรู้มาตลอดว่าคุณไม่มีใจให้ผม เพราะหัวใจคุณอยู่ที่ชายเอเชียคนนั้นต่างหาก แต่ผม…” เอ่ยได้เพียงครึ่งแล้วยิ้มขมขื่น เขายกถ้วยกาแฟขึ้น “ดื่มให้กับผมที่เพิ่งอกหักครับ” 

 

 

เอ่ยจบแล้วกระดกถ้วยกาแฟขึ้นดื่มจนหมดแก้วเหมือนดื่มเหล้าไม่มีผิด 

 

 

เธอมองเขาแล้วได้แต่ทอดถอนใจเงียบๆ รีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที “เสร็จจากที่นี่แล้วคุณจะไปไหนต่อคะ?” 

 

 

พอเอ่ยถึงเรื่องนี้แล้วท่าทางเขาดูดีขึ้น “ผมว่าจะไปเดินเล่นในเมืองสักหน่อย จากนั้นออกเดินทางท่องเที่ยวไปตามประเทศต่างๆ อีกครึ่งปีค่อยกลับบ้าน” 

 

 

“ก็ไม่เลวนะคะ วิวที่นี่สวยมาก อาหารอร่อย สาวๆ ก็สวยๆ ทั้งนั้น คุณต้องชอบมากแน่” เธอแสร้งเอ่ยอย่างสบายๆ 

 

 

“ดีครับ ผมชอบทั้งสองอย่างเลย คุณแนะนำได้เยี่ยมมาก” เขาแสร้งเอ่ยเกินจริง ดวงตาเป็นประกาย 

 

 

“จริงสิ แล้วที่บริษัทเป็นยังไงบ้างคะ? เจนนี่ล่ะคะ? เธอยังทำงานที่นั่นหรือเปล่า?” เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ ถ้าเขาจะกลับเข้าองค์กรจริง แล้วบริษัทนิตยสารของเขาจะทำอย่างไร? 

 

 

เขาเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก “ผมหาคนไปดูแลแทนแล้วล่ะ รอให้ผมกลับไปก่อน ถึงตอนนั้นผมคงบริหารงานผ่านระบบออนไลน์ทั้งหมด ไหนๆ งานที่นั่นก็ไม่มีอะไรยากอยู่แล้ว ส่วนเจนนี่ก็เหมือนเดิม ได้ข่าวว่ามีแฟนแล้วนะครับ” 

 

 

“จริงเหรอคะ? เป็นใครเหรอคะ?” เธอสนใจมาก ความจริงเป็นเรื่องง่ายมากที่จะเอาชนะใจเจนนี่ แค่ทำอาหารเป็นก็พอแล้ว โดยเฉพาะอาหารจีน 

 

 

“เป็น…” ความผิดหวังในตอนแรกหายไปแล้ว คริสเองถือเป็นชายหนุ่มที่ใจกว้างมาก อาจเป็นเพราะเขาเป็นชาวต่างชาติที่เปิดเผยมากก็ได้ เพียงไม่นานเขาก็ลืมความผิดหวังไปจนสิ้น พูดคุยเรื่องซุบซิบกับเธออย่างออกรสออกชาติ คุยไปหัวเราะไปอย่างสนุกสนาน 

 

 

จนกระทั่งโทรศัพท์มือถือของเขาสั่น เขาชายตามองแวบหนึ่ง สีหน้าขรึมลงทันที “ขอโทษนะครับ ผมต้องไปแล้ว”