ตอนที่ 989 ฉุดสาวมาแต่งงาน

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

ตอนที่ 989 ฉุดสาวมาแต่งงาน

 

หยางโปหันไปหาเฉียนกุ้ย และยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ หัวหน้าของพวกคุณกลับมากันเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ ? ”

 

เฉียนกุ้ยส่ายหน้า “ คุณหยาง ผมเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ตัวเล็กๆคนหนึ่งเท่านั้น คุณก็อย่าได้ทำให้ผมลำบากใจเลยนะ พวกเรากลับกันเถอะนะ ? ”

 

หยางโปจ้องหน้าเฉียนกุ้ย “ ที่น่ากลัวกว่าสัตว์ร้าย มันคืออะไร ? ”

 

เฉียนกุ้ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันมองไปรอบๆ เขากัดฟัน “ คุณหยาง พวกเราขึ้นรถ แล้วผมจะบอกคุณ ! ”

 

หยางโปพยักหน้า และตามเฉียนกุ้ยขึ้นรถ ทางด้านเหยียนหรูก็นั่งอยู่ด้านข้างคนขับ

 

หยางโปหันไปมองทางเฉียนกุ้ย จนเฉียนกุ้ยไม่มีทางเลือก ปล่อยให้ลุงคนขับรถทำหน้าที่ขับรถไป จากนั้นเขาก็เอ่ยปากอธิบาย “ สิ่งที่น่ากลัวกว่าสัตว์ร้ายคือใจคน ! ”

 

หยางโปจ้องมองเฉียนกุ้ยด้วยความนิ่งอึ้ง ไม่พูดไม่จา ประโยคนี้มันก็สมเหตุสมผลเอามากจริงๆ

 

“ ชาวบ้านที่นี่หัวโบราณ ผมกลัวว่าถ้าพวกเราอยู่ที่นี่นานไป กลัวว่าจะออกจากนี่ไม่ได้ ที่นี่ยังมีประเพณีฉุดสาวมาแต่งงาน คุณเหยียนสวยมาก ในชีวิตนี้ของผมก็ยังไม่เคยพบเจอผู้หญิงที่สวยแบบนี้มาก่อน ผมกลัวพวกเขาจะฉุดสาวมาแต่งงาน ! ” เฉียนกุ้ยอธิบาย

 

หยางโปรู้สึกยากที่จะเชื่อเรื่องนี้ “ ฉุดสาวมาแต่งงาน ไม่น่ามีหรอกมั้ง ? ”

 

“ คุณหยาง คุณมาจากเมืองใหญ่ บางทีอาจจะเป็นการยากที่คุณจะเข้าใจขนบธรรมเนียมประเพณีของที่นี่ แต่ผมไม่มีทางโกหกคุณแน่ ! ” เฉียนกุ้ยกล่าว

 

หยางโปพยักหน้า เขาเชื่อว่าอีกฝ่ายไม่มีทางโกหกตัวเองแน่ แต่กลางวันแสกๆแบบนี้ ถ้าอีกฝ่ายจะฉุดสาวมาแต่งงานจริงๆ จะไม่เกิดการต่อสู้กันเกิดขึ้นหรือไง ?

 

“ การฉุดสาวมาแต่งงานน่าจะผิดกฎหมายนะ ? ” หยางโปเอ่ยถามออกมาประโยคหนึ่ง

 

เมื่อเฉียนกุ้ยสัมผัสได้ว่ารถเคลื่อนตัวออกไปแล้ว ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเล็กน้อย “ ที่นี่มันสถานที่ห่างไกล ต่อให้ต้องมาดูแลกวดขัน ไปแจ้งความเข้าจริงก็วันที่สองแล้ว เรื่องที่ควรทำก็ทำไปแล้ว วันที่สองก็ปรับความเข้าใจกันได้แล้ว ถึงขั้นที่ว่าวันนั้นก็สามารถไปจดทะเบียนสมรสกันได้แล้ว เมื่อพบเจอเข้ากับสถานการณ์แบบนี้ คุณว่าควรจะทำยังไงต่อล่ะ ? ”

 

หยางโปเบิกตาโต กำลังจะเอ่ยปากพูดมากว่านี้ แต่กลับรู้สึกว่ารถเบรกอย่างกะทันหัน เขารีบมองไปทางด้านหน้า และเห็นว่าด้านหน้ารถมีคนจำนวนมากยืนขว้างหน้ารถอยู่ ไม่ยอมให้รถขับผ่านไป

 

“ เกิดอะไรขึ้น ? ” เฉียนกุ้ยใจตกไปอยู่ตาตุ่ม เปิดหน้าต่างรถมองออกไปด้านนอก

 

หัวหน้าที่อยู่ในที่เกิดเหตุเป็นคนแปลกหน้าคนหนึ่ง เขาหันมาหัวเราะฮ่าๆใส่เขา ” ฉุดมาให้ฉัน ! พาคนมาให้ฉัน ! ”

 

เฉียนกุ้ยตกใจมาก แต่เขารู้ดีว่าคนกลุ่มนี้ทำอะไรก็ได้ ถ้าทำให้คุณเหยียนหายตัวไปในที่นี่จริงๆ เกรงว่ากลับไปเขาคงไม่ต้องไปทำงานอีกแล้ว !

 

หยางโปเปิดประตูรถและเดินออกไป เขามองไปยังกลุ่มคนที่โอบล้อมอยู่รอบๆ พวกเขาถือกระบองเหล็กและแท่งไม้ไว้ในมือ วิ่งกรูกันเข้ามาทางด้านนี้ !

 

เฉียนกุ้ยปิดหน้าต่างรถและตะโกนเสียงดัง ” พวกเราไป ขับพุ่งออกไปเลย ! ”

 

“ คุณหยางออกไปแล้ว ! ” คนขับรถพูดด้วยเสียงอันดัง

 

เฉียนกุ้ยเพิ่งจะสังเกตเห็นสถานการณ์ของหยางโป เขาเหลือบมองไปทางหยางโป และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ จะอยู่ที่นี่ต่อเพื่ออะไร ? นี่คงออกไปกันไม่ได้แล้ว !

 

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉียนกุ้ยก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรไปในตัวตำบลทันที !

 

“ ลุย ลงมือเลย ! ” มีเสียงร้องตะโกนดังออกมาในที่เกิดเหตุ หยางโปได้ยินแม้กระทั่งว่าเสียงของอีกฝ่ายคือหลานชายของผู้ใหญ่จ้าว แต่ก็ไม่รู้ว่าไปหลบสั่งการอยู่ตรงมุมไหนในที่เกิดเหตุ

 

หยางโปขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงว่าคนในท้องถิ่นจะหัวโบราณกันได้ขนาดนี้ ในขณะที่กำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ กลุ่มของอีกฝ่ายก็วิ่งกรูกันเข้ามาแล้ว !

 

หยางโปเคลื่อนตัวเล็กน้อย มองเห็นการเคลื่อนไหวของเขาได้อย่างชัดเจน เห็นแต่ว่าเขาได้พุ่งเข้าไปในฝูงชนแล้ว

 

เฉียนกุ้ยตกตะลึงไปทันที เขารีบเปิดประตูรถ และลงจากรถ ถ้าหยางโปเกิดเป็นอะไรขึ้นมา

 

เขาคงไม่มีอะไรที่จะสามารถไปอธิบายให้หัวหน้าฟังได้ !

 

“ เหล่าจ้าว คนที่แซ่จ้าว ถ้าคุณกล้าที่จะฉุดสาวไปแต่งงาน ผมจะไม่มีทางปล่อยคุณไปแน่ ! ” เฉียนกุ้ยตะโกนดังลั่น

 

เฉียนกุ้ยตะโกนเสียงดัง และรีบวิ่งเข้าไปที่ฝูงชน ก่อนที่เขาจะวิ่งเข้าไปในฝูงชน ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง เพราะเขาเห็นเงาคนวาบผ่านฝูงชนราวกับถูกลมแรงพัด ทุกคนปลิวล้มลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว !

 

จากนั้น เฉียนกุ้ยก็เห็นหยางโปเดินกลับมาแล้ว หยางโปพยักหน้าให้เขา ” ขึ้นรถ พวกเราไปกันเถอะ ! ”

 

เฉียนกุ้ยนิ่งอึ้งชะงักไปครู่หนึ่ง และขานรับ ” อือ ! ”

 

เหยียนหรูหยูนั่งอยู่ในรถ มองออกไปข้างนอกอย่างเย็นชา ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ จู่ๆเธอก็ยื่นมือที่เรียวยาวออกมาแล้วชี้ไปที่หัวมุม “ นั่นอะไรน่ะ ? ”

 

หยางโปหันกลับไปมอง ก็เห็นหลานชายของผู้ใหญ่จ้าว กำลังเล็งปืนลูกซองมาทางด้านนี้ เมื่อหยางโปหันกลับไปมอง ชายกลุ่มนั้นก็ตื่นตระหนกพร้อมทั้งลั่นไกออกมาทันที !

 

เฉียนกุ้ยตกใจ หมอบลงบนพื้นทันที !

 

หยางโปมองดูกระสุนปืนลูกซองที่ผ่านข้างตัวไป เขาจึงหยิบเหรียญออกมาจากกระเป๋าแล้วโยนมันออกไป !

 

“ กริ๊ก ! ” เหรียญถูกโยนไปที่กึ่งกลางหน้าผากของคู่ต่อสู้ด้วยเสียงที่ดังคมชัด เหรียญติดอยู่ด้านบนและตกลงมาอีกครั้ง เหลือเพียงรอยเครื่องหมายวงกลมสีม่วงแดง จากนั้นคนคนนั้นก็ค่อยๆล้มลง

 

เฉียนกุ้ยหมอบคลานอยู่บนพื้น เมื่อไม่ได้ยินเสียงกระสุนนัดที่สองตามมา จึงเงยหน้าขึ้นมอง

 

แต่กลับไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อเห็นหยางโปกวักมือเรียกเขา เขาก็รีบขึ้นรถตามไปทันที

 

รถแล่นไปได้ซักพักก็ออกมาจากหมู่บ้าน !

 

หยางโปหันไปมองเฉียนกุ้ย ” ที่นี่เป็นแบบนี้ตลอดเลยเหรอ ? ”

 

เฉียนกุ้ยจนปัญญา “ คุณหยาง ที่นี่ไม่ดีเท่าในเมือง หลายคนไม่เคยไปโรงเรียนมาทั้งชีวิต พวกเขาไม่รู้กฎหมาย หัวโบราณ และถึงขั้นที่ป่าเถื่อนเลยก็ว่าได้ ! ”

 

หยางโปพยักหน้า และประหลาดใจมาก เขาเคยไปเฉียนโจวมาก่อน ประเพณีพื้นบ้านของที่นั่นก็เรียบง่ายกว่านี้ “ ทำไมพวกเขาถึงไม่จัดให้ชาวบ้านเพื่อออกไปค้นหาตามภูเขาหลังจากที่เด็กหายตัวไป ? ”

 

เฉียนกุ้ยชะงักไปครู่หนึ่ง “ ใช่ ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ร้อนใจเลย โดยเฉพาะพ่อแม่ของเด็กที่หายตัวไปก็ไม่โผล่หน้ามาตั้งแต่ต้นจนจบ ! ”

 

เฉียนกุ้ยดูเหมือนจะจับเบาะแสอะไรบางอย่างได้ เขาคิดอย่างรอบคอบโดยไม่รู้ตัว รถก็ขับกลับเข้ามาถึงในเมืองแล้ว ท้องฟ้าเองก็มืดสนิทแล้ว

 

มองผ่านไฟรถ หยางโปก็สังเกตเห็นเหลียงหรงยืนอยู่นอกรถ ดูเหมือนว่ากำลังจะขึ้นรถ ทันทีที่ไฟรถสาดส่อง เขาก็หยุดเคลื่อนไหวในที่เกิดเหตุมีคนมากกว่าสิบคนมาปิดล้อมไว้

 

เมื่อรถหยุดลงช้าๆ ประตูรถของหยางโปก็ถูกโอบล้อมไว้ จากนั้นก็มีชายวัยกลางคนร่างอ้วนคนหนึ่งมาเปิดประตู ” สวัสดีครับคุณหยาง ผมไป่ชูซินเลขานุการของหลงซูโกว ”

 

หยางโปเดินออกมาจับมือกับอีกฝ่าย “ สวัสดีครับ ! ”

 

“ ขอบคุณคุณหยางที่เดินทางมาไกล เพื่อมาแก้ปัญหาให้กับประชาชนของเรา ผมในนามตัวแทนของประชาชนหลงซูโกว ต้องกราบขอบพระคุณคุณมากจริงๆ ! ” ไป่ชูซินกล่าว

 

อีกฝ่ายพูดอย่างเคร่งขรึม หยางโปจึงต้องพยักหน้าและพูดตอบกลับไป “ คุณเกรงใจไปแล้ว ”

 

หยางโปพูดตอบกลับคนอื่นๆด้วยความเกรงใจติดต่อกันอีกหลายคน ในงานมีผู้นำจากตัวอำเภอและในเมือง ยังไงซะเหลียงหรงก็อยู่ที่นี่ สำหรับรัฐบาลท้องถิ่นแล้วเขาก็ถือว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ !

 

หลังจากพูดอย่างเกรงอกเกรงใจกันไปแล้ว หยางโปก็เดินตามพวกเขาเข้าไปร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน

 

นั่งอยู่ที่โต๊ะกินเลี้ยง ทันใดนั้นเหยียนหรูหยูก็กลายเป็นจุดสนใจของผู้คน ก่อนหน้านี้ที่อยู่ข้างนอก เธอสวมชุดสีขาว ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึง เมื่อมาอยู่ภายใต้แสงไฟ ก็ยิ่งดูดีขึ้นไปอีก

 

คนทั้งกลุ่มมารวมตัวกันอยู่ที่ด้านหน้าของเหยียนหรูหยู อยากที่จะมาชนแก้วด้วย แต่เหลียงหรง

 

กลับวางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะอย่างแรงเสียงดัง ” ปัง ” และเหลือบมองไปที่ทุกคน ” มันเป็นยังไง ? ”

 

คิดไม่ถึงว่าหลินซุนจะทำตามด้วย เขาตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดัง “ ไร้มารยาท ! ”