ฮูหยินหมิงชี้ไปด้านนอก ทั้งโมโหทั้งยิ้มขำว่า “ท่านแม่ ท่านดูสิ ข้าเพิ่งชมนางไปหมาดๆ กฎระเบียบที่นางเรียนมาสองปีนี้ล้วนสูญเปล่าแล้ว”
ฮูหยินผู้เฒ่าก็ยิ้มขำเช่นกัน “สองปีนี้นางมิได้เรียนไปโดยสูญเปล่า อยู่ด้านนอกค่อยเสแสร้งแกล้งทำก็ย่อมได้ กฎระเบียบมีไว้ให้คนนอกดูเท่านั้นล่ะ พอปิดประตูแล้ว ใครยังจะสนเรื่องกฎระเบียบอย่างเข้มงวดอีก กฎระเบียบที่เข้มงวดเกินไปก็น่าเบื่อ อนาคตนางมีครอบครัวสามีแล้ว ค่อยสร้างความโปรดปรานให้พ่อแม่สามี กุมหัวใจคนเป็นสามีได้ก็เพียงพอแล้ว” พูดจบ ก็กล่าวเพิ่มเติม “อีเอ๋อร์มีนิสัยขี้อ้อน บางครั้งนิสัยก็เป็นตัวตัดสินโชคชะตา ข้าว่าอนาคตนางมีวาสนามากกว่าซีเอ๋อร์”
ฮูหยินหมิงยิ้มพลางพยักหน้า “เด็กคนนี้เมื่อก่อนเห็นนางแล้วค่อนข้างติดสนุกเกินไป ตอนนี้เห็นแล้วก็ไม่น่าเป็นห่วงขนาดนั้นแล้ว รู้จักขอบเขต” พูดจบ นางก็ลุกขึ้นยืน “ท่านแม่พักผ่อนเถิด ข้าจะกลับไปเตรียมเสื้อผ้าสำหรับวันพรุ่งนี้”
“ไปเถอะ” ฮูหยินผู้เฒ่าโบกมือ
ฮูหยินหมิงออกจากห้องของฮูหยินผู้เฒ่า
เซี่ยอีคล้องแขนซื่อฮว่าเดินออกมาด้านนอก ครั้นมาถึงสถานที่ร้างผู้คนก็กระซิบถาม “ไฉนพี่ฟางหวาถึงจัดงานชมบุปผาได้ นางมิใช่คนชอบความคึกครื้นสักหน่อย”
ซื่อฮว่ายิ้มตอบ “หลังพระชายาน้อยแต่งงานก็มีอุปสรรคเกิดขึ้นไม่หยุด ยามนี้นางกับท่านอ๋องน้อยคืนดีกันแล้ว ในเมืองยังสงบสุขอยู่ คุณหนูจวนเสนาบดีฝ่ายซ้ายที่เป็นฮูหยินของคุณชายใหญ่ก็กลับจวนมาแล้วเช่นกัน ปีนี้พระชายายังมิได้จัดงานชมบุปผา พระชายาน้อยจึงถือโอกาสนี้เชิญพี่น้องมาร่วมสนุกกัน” พูดจบก็กระซิบกล่าว “พระชายาชอบความคึกครื้น อยากให้นางมีความสุขเช่นกัน”
เซี่ยอีมองซื่อฮว่าด้วยความสงสัย เนิ่นนานก็แค่นเสียงในลำคอแผ่วเบา “ข้าไม่เชื่อหรอก”
ซื่อฮว่าอึ้ง
“อีกอย่าง เช้านี้ข้าได้พบนาง นางดูคล้ายกับมีเรื่องสำคัญมากต้องจัดการ ตอนที่ท่านแม่มอบหมายหน้าที่ให้ข้าก็มีท่าทางเคร่งขรึมเช่นกัน ตอนนี้ยังวางตัวสบายใจได้อย่างไร หรือว่าจัดการเรื่องนั้นเสร็จแล้ว ไม่หรอกกระมัง หากจัดการเรียบร้อยแล้ว ท่านแม่กับพี่ฟางหวาก็คงไม่ดูมีเรื่องอึดอัดในใจเช่นนี้” เซี่ยอีกล่าวอีก
ซื่อฮว่าพูดไม่ออกชั่วขณะ ทำได้เพียงกล่าวว่า “คุณหนูแค่ให้บ่าวมาส่งเทียบเชิญ เชิญคุณหนูที่มีฐานะในเมืองมากลุ่มหนึ่ง บ่าวเองก็มิทราบว่าจัดการเรื่องนั้นได้หรือยัง หรือว่าคุณหนูมีแผนการอื่น”
เซี่ยอีได้ยินเช่นนั้นก็ชี้ตัวอักษรบนเทียบเชิญ “เจ้าดูสิ อักษรเชิญของพี่ฟางหวาใช้สัดส่วนที่หนากว่าเช่นนี้ จะต้องแฝงนัยยะบางอย่างเป็นแน่” พูดจบ ก็โบกมือปัด “ช่างเถอะ ข้าไม่กดดันเจ้าหรอก ถึงอย่างไรได้ไปชมดอกไม้ในจวนอิงชินอ๋อง ได้พบพี่ฟางหวา เท่านี้ข้าก็ดีใจมากแล้ว”
ซื่อฮว่ายิ้มพลางพยักหน้า
เซี่ยอีมาส่งนางที่ประตูจวน ก่อนเดินกลับไปยังเรือนของเซี่ยซี
ครั้นซื่อฮว่ากลับมาถึงจวนอิงชินอ๋อง ก็รายงานผลที่ไปยังจวนเรือนหกกับเซี่ยฟางหวาก่อน และย่อมบอกเรื่องที่เซี่ยอีซักถามตนด้วย
เซี่ยฟางหวาฟังจบก็ยิ้มกล่าว “เซี่ยอีฉลาด มีความคิดละเอียด ท่านอาสะใภ้หกสั่งสอนบุตรีได้ถูกทางแล้ว หากเทียบนางกับคุณหนูทั้งหมดในตระกูลเซี่ยแล้ว มิได้กลบนิสัยที่บุตรีตระกูลเซี่ยพึงมีจนมิด”
“นางไปถามคุณหนูเซี่ยซีแล้ว ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้คุณหนูเซี่ยซีจะมาที่จวนกับฮูหยินหมิงและคุณหนูอีหรือไม่” ซื่อฮว่ากล่าวอีก
เซี่ยฟางหวากล่าวอย่างตามใจชอบ “บุตรีในตระกูลมิอาจเติบโตมาแต่ในหอนอนได้ มิฉะนั้นจะมีสายตาคับแคบ การสวดมนต์ก็กดกร่อนนิสัย เป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่ง พูดตามตรงแล้ว น่าเสียดายเซี่ยซีนัก”
“เมื่อครู่หลังกลับมาถึงข้าได้ลองสอบถามดูแล้ว เทียบเชิญที่ส่งไปยังแต่ละจวนล้วนได้รับการตอบตกลง จวนเสนาบดีฝ่ายขวาตอบมาว่า พรุ่งนี้ฮูหยินเสนาบดีฝ่ายขวากับคุณหนูจะมาชมดอกไม้ที่จวนด้วยกันเจ้าค่ะ” ซื่อฮว่ากล่าวอีก
เซี่ยฟางหวาชะงัก เอ่ยขึ้นทันใด “ตกลงโดยไม่อ้อมค้อม”
“ฟังว่าตรงไปตรงมาอย่างยิ่งเจ้าค่ะ” ซื่อฮว่าตอบ
เซี่ยฟางหวาครุ่นคิด แล้วยิ้มกล่าว “หากคนมีใจจะออกบวชก็คงไม่ตอบรับเทียบเชิญมาร่วมงานชม
บุปผาในวันพรุ่งนี้ ดูท่าทางหลี่หรูปี้คงล้มเลิกความคิดที่จะออกบวชแล้ว”
“บ่าวก็คิดเช่นนี้เจ้าค่ะ” ซื่อฮว่าผงกศีรษะ
“เจ้าไปบอกพระชายาที่เรือนหลักหรือยัง” เซี่ยฟางหวาถามอีก
“บ่าวยังมิได้ไปบอกเจ้าค่ะ มารายงานท่านก่อน แล้วค่อยไปบอกพระชายา” ซื่อฮว่าตอบ
เซี่ยฟางหวาโบกมือไล่
ซื่อฮว่าออกจากเรือนลั่วเหมย ไปยังเรือนหลัก
ภายในเรือนหลัก พระชายาอิงชินอ๋องกำลังจับมือหลูเสวี่ยอิ๋งพลางพูดคุยกัน ชายารองหลิวก็อยู่ด้วย ทว่านางซึ่งเป็นแม่สามีแท้ๆ กลับมิได้เอาใจใส่อย่างอ่อนโยนน่าคบหาเหมือนแม่สามีอย่างพระชายาอิงชินอ๋องที่เป็นภรรยาหลวง
เวลานานถึงเพียงนี้ หลูเสวี่ยอิ๋งรักษาตัวที่จวนเสนาบดีฝ่ายซ้ายจนหายดีแล้ว เมื่อกลับมาร่างกายก็ดูมีน้ำมีนวลขึ้น สีหน้ายอดเยี่ยมมาก หลังจากนั่งคุยกันพักหนึ่ง นางก็เอ่ยถึงเรื่องรับอนุมาให้ฉินห้าวกับพระชายา บอกว่าลำพังแค่นางคงปรนนิบัติเหล่าบุรุษไม่ไหว ควรรับอนุมาให้เขา ขอให้พระชายาหาฤกษ์ยาม รับอนุภรรยาแปดบ้านเข้ามาพร้อมกัน
พระชายาอิงชินอ๋องฟังแล้วก็สะดุ้งโหยง “เด็กน้อย ตั้งแต่เจ้ากลับจวนเสนาบดีฝ่ายซ้ายไป ฉินห้าวก็ไม่แตะต้องเรื่องโลกีย์เลยแม้แต่น้อย ในเรือนของเจ้ายามนี้ไม่มีแม้แต่สาวใช้สักคน มีเพียงเด็กรับใช้ไม่กี่คนเท่านั้น สุภาษิตว่าทำผิดแล้วกลับใจยังมีค่ามากกว่าทอง ข้าสังเกตพฤติกรรมเขา หลายวันนี้เปลี่ยนไปในทางที่ดีไม่น้อย ดูท่าเขาคงปรับปรุงตัวได้แล้วจริงๆ เรื่องในเรือนหอคงไม่ทำกับเจ้าอย่างก่อนหน้านี้แล้ว ก่อนที่เขาจะไปรับเจ้ากลับมา ก็ได้รับปากข้ากับท่านอ๋อง พร้อมทั้งให้สัตย์สาบานแล้วเช่นกัน ตอนนี้หากรับอนุแปดบ้านเข้ามาทีเดียว ไม่แน่ว่าอาจกระทบกับความสัมพันธ์ของพวกเจ้า เจ้าต้องไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนก่อน”
“ข้าคิดดีแล้ว ความสัมพันธ์ดีหรือร้าย มิได้ขึ้นอยู่กับว่าเรือนหลังมีสตรีมากน้อยเท่าไร หากคนอื่นกุมหัวใจเขาได้ ข้าเองก็เต็มใจที่จะเป็นนายหญิงผู้ชอบธรรม ท่านแม่เองก็อนุญาตแล้วด้วย” หลูเสวี่ยอิ๋งยิ้มกล่าว
พระชายาอิงชินอ๋องเห็นว่านางราวกับตัดสินใจมาดีแล้ว จึงถามว่า “เรื่องรับอนุเข้ามา เจ้าได้คุยกับคุณชายใหญ่หรือยัง นี่เป็นผลลัพธ์หลังพวกเจ้าหารือกันหรือ”
หลูเสวี่ยอิ๋งส่ายหน้า “เขามิได้ตกลง แต่ข้าขอให้ท่านอ๋องกับพระชายาตัดสินใจให้ข้า มิใช่เขา”
พระชายาอิงชินอ๋องได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมา “นับแต่โบราณมาล้วนเป็นบุรุษที่อยากรับอนุเข้ามา ขนาดคุณชายใหญ่ของเรายามนี้ยังเปลี่ยนไปแล้ว” พูดจบ นางก็มองชายารองหลิว ถามความเห็นของนาง “เจ้าคิดว่าอย่างไร”
ชายารองหลิวนึกถึงตัวเอง ที่ผ่านมาตนก็มิได้ครองหัวใจท่านอ๋องเช่นกัน การได้ใจของบุรุษมิได้เกี่ยวข้องกับการมีสตรีในเรือนหลังมากน้อยเท่าไร นางถอนหายใจออกมา พยักหน้าเห็นด้วย “ท่านพี่ ข้าคิดว่าแล้วแต่เสวี่ยอิ๋งเถิด ตอนนี้ข้าเพียงหวังว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้แล้วจริงๆ เดินบนทางที่ถูกต้อง อย่าได้เดินทางผิดอีก หากเขาปรับปรุงตัวได้แล้วจริงๆ เรือนหลังจะมีสตรีเข้ามามากน้อยก็ไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ในทางกลับกันแล้ว หากปรับปรุงมิได้ หากเอ่ยถ้อยคำที่ไม่สมควร เช่นนั้นเสวี่ยอิ๋งก็จะได้สบายกายขึ้น เป็นสตรีมิง่าย”
“ย่อมได้ ในเมื่อเจ้าเองก็เห็นด้วย ตอนเย็นหากท่านอ๋องกลับมาแล้ว ข้าจะลองคุยกับท่านอ๋องดู”
พระชายาอิงชินอ๋องพยักหน้ารับ
หลูเสวี่ยอิ๋งกล่าวขอบคุณพระชายาอิงชินอ๋อง
ทั้งสามเพิ่งตกลงกันเสร็จสรรพ ซื่อฮว่าก็เข้ามาในเรือนหลัก ทำความเคารพพระชายา ชายารองหลิว และหลูเสวี่ยอิ๋ง หลังจากนั้นก็เอ่ยถึงความตั้งใจของเซี่ยฟางหวาในวันพรุ่งนี้ ทั้งกล่าวอีกว่าทราบว่าพระชายาต้องเห็นด้วยเป็นแน่ จวนของเรามิได้คึกครื้นมานานแล้ว ดอกไม้ในฤดูร้อนของปีนี้ล้วนบานผ่านไปแล้ว แต่งานชมบุปผาในจวนยังมิได้จัดขึ้นเลยสักครั้ง พระชายาน้อยจึงถือโอกาสวันที่พี่สะใภ้ใหญ่กลับจวนมา ตัดสินใจส่งเทียบเชิญออกไป
พระชายาอิงชินอ๋องได้ยินเช่นนั้นก็นัยน์ตาเป็นประกาย ยิ้มพลางพยักหน้า “จวนของเรามิได้คึกครื้นมานานแล้ว เสวี่ยอิ๋งกลับมาทั้งทีควรสร้างความครื้นเครงหน่อย หวาเอ๋อร์ทำถูกแล้ว” พูดจบก็สั่งงานชุนหลัน “ไปเตรียมงานเถอะ จัดตามรูปแบบเดิมอย่างปีที่ผ่านๆ มา”
ชุนหลันยิ้มพลางพยักหน้ารับ “เจ้าค่ะ พระชายา”