บทที่ 368 ตบหน้าแรงๆ

The king of War

โดยเฉพราะหวางเยี่ยน เธอรู้สึกตื้นตันใจมากกว่าใคร

ในเวลานี้ เธอก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาทันที

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่ามีคนเข้าใจตัวเอง

และฉินยีที่ยืนอยู่ข้างหยางเฉิน ดวงตาดั่งไข่มุกของเธอก็เต็มไปด้วยความชื่นชม

ผู้ชายคนนี้คือพี่เขยของฉัน!

ถังคุนกับสวุเจียเริ่มรู้สึกละอายใจ และรู้สึกว่าทุกคนมองดูพวกเขาด้วยสายตาประชดประชัน

“เก็บมัน แล้วขอโทษ!”

สายตาที่เฉียบคมของหยางเฉินจับจ้องไปที่ถังคุนอีกครั้ง

“รีบเก็บมันแล้วขอโทษเดี๋ยวนี้!”

“คิดว่ามีเงินหน่อยแล้วเก่งนักเหรอ? บ้านกูรวยนับหมื่นล้านแต่ไม่เคยทำตัวเหมือนคนอย่างมึง!”

“คนรวยอะไรกัน? ดูก็รู้ว่าของก็อปเกรดเอทั้งตัว ใส่ชุดดอาร์มานี่ก็อปเกรดเอ นาฬิกาก็ก็อปเกรดเอด้วยซ้ำ!”

ผู้คนรอบข้างเริ่มทนไม่ไหวแล้วเริ่มคอมเมนต์ถังคุน

ถังคุนเองก็เริ่มรู้สึกกลัว เพราะคนที่สามารถเข้ามาใช้จ่ายในเมืองเทียนฝู่แห่งนี้ จะมีสักกี่คนที่ไม่ใช่เศรษฐี?

ส่วนเขาก็แค่ลมปาก ทุกอย่างในตัวเขาล้วนสร้างขึ้นด้วยคำโกหกเท่านั้น!

ในเวลานี้ แม้แต่เสื้อผ้าของเขายังถูกคนอื่นจับได้ว่าเป็นของก็อปเกรดเอ และเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ

“ขอโทษครับ!”

ถังคุนรีบก้มเก็บบัตรธนาคารของเขาแล้วยื่นให้กับหวางเยี่ยนและพยักหน้าเพื่อแสดงความขอโทษ

ในตอนนี้ เขาเพียงอยากจะรีบจ่ายค่าขวดพอร์ซเลนแล้วรีบออกไปจากที่นี่

ส่วนสวุเจียก็รู้สึกเสียหน้าและกัดฟันพูดกับหยางเฉินด้วยความโกรธ “ไอ้กระจอกอย่างแก มีสิทธิ์อะไรมาสั่งผู้ชายของฉัน?”

“แกรู้ไหมว่าสามีของฉันเป็นใคร? เขาเป็นถึงรองผู้จัดการของต้าเหอกรุ๊ปเฉียวนะ รายได้หลายล้านต่อปี ทรัพย์สินของครอบครัวนับพันล้าน อีกอย่าง ฉันอยากได้อะไร เขาก็ซื้อให้ฉันได้ทุกอย่าง!”

“แล้วก็เธอด้วย ฉินยี! วิสัยทัศน์ของเธอมันแย่จริงๆ ผู้ชายดีๆ ไม่เลือก แต่กลับเลือกไอ้คนจนกระจอกแบบนี้เป็นแฟน ชีวิตของเธอมันถูกกำหนดให้ฉันเหยียบย่ำเท่านั้น”

“อยากเหนือกว่าฉันเหรอ ชาตินี้ก็ไม่มีวันหรอก! สามีของฉันมีทั้งเงิน มีทั้งตำแหน่ง ต่อให้ทั้งชาติ พวกเธอก็ไม่มีวันเทียบกับเราได้หรอก!”

หลังจากต่อว่าหยางเฉินเสร็จ สวุเจียก็พูดจาเสียดสีฉินยีต่อ

ส่วนหยางเฉินกับฉินยีไม่ได้ตอบสนองใดๆ แต่กลับมองสวุเจียด้วยแววตาที่น่าสงสารเธอ

“คุณผู้ชายคะ ยอดเงินของคุณไม่เพียงพอค่ะ!”

ในขณะที่สวุเจียยังคงอวดถึงความรวยของถังคุนอยู่ ทันใดนั้นหวางเยี่ยนก็เดิมกลับมาพร้อมกับบัตรธนาคารของเขาและด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเหลือทน

“เป็นไปได้ไง?”

ถังคุนถึงกับระเบิดอารมณ์ออกมา “บัตรผมยังมีตั้งสองล้านกว่า ก็แค่ขวดพอร์ซเลนเน่าๆ ขวดหนึ่ง แล้วเงินจะไม่พอได้ไง?”

“ถ้าคุณผู้ชายแน่ใจว่าในบัตรยังเหลือสองล้านกว่าจริงๆ หนูต้องเสียใจด้วยนะคะ เพราะยอดเงินเท่านี้ไม่เพียงพอจริงๆ ค่ะ!”

หวางเยี่ยนยังคงพูดอย่างสุภาพ เธอไม่แสดงอารมณ์ใดๆ และไม่ได้แสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมใดๆ

จนกระทั่งเวลานี้ ถังคุนถึงตระหนักได้ว่าขวดพอร์ซเลนที่สวุเจียทำแตกนั้น มูลค่าของมันจะมากกว่าเงินสองล้านที่เขามี

ทันใดนั้น เขารู้สึกตื่นตระหนกและน้ำเสียงก็อ่อนลงเล็กน้อย “แล้วขวดพอร์ซเลนขวดนั้นราคาเท่าไหร่?”

“นี่เป็นขวดพอร์ซเลนจากเมืองจิงเต๋อเจิ้นในยุคของราชวงศ์หมิงกับราชวงศ์ชิง ราคาจะอยู่ที่สิบสองล้านสามแสนหยวนค่ะ!” หวางเยี่ยนพูด

“คุณบอกว่าเท่าไหร่นะ?”

ดวงตาของถังคุนเบิกกว้างขึ้นทันที

ในเวลาเดียวกัน ความกลัวที่รุนแรงก็แผ่กระจายไปทั่วร่างกายของเขา

“สิบสองล้านสามแสนหยวนค่ะ!” หวางเยี่ยนพูดอีกครั้ง

“ตูม!”

ถังคุนรู้สึกเพียงเสียงสะท้อนที่ดังขึ้นในหัว และเขาก็หยุดนิ่งไป

เดิมที่เขาคิดว่าขวดพอร์ซเลนที่สวุเจียทำแตกนั้น มูลค่าจะอยู่ที่หนึ่งถึงสองล้านเท่านั้น

เขาแค่ขวักเงินที่มีก็สามารถชดใช้ได้แล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าขวดเน่าๆ นี้จะเป็นวัตถุโบราณ และยังมีมูลค่าถึงสิบสองล้านสามแสนหยวนอีกด้วย

เขาจะเอาเงินก้อนใหญ่ขนาดนี้มาจากไหน?

“ที่รัก คุณหยิบบัตรธนาคารผิดหรือเปล่าคะ?”

สวุเจียไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติของถังคุน ทันใดนั้นเธอเหมือนนึกอะไรได้ จากนั้นเธอดึงบัตรธนาคารจากมือของหวางเยี่ยนแล้วพูดอย่างได้ใจว่า “ที่รัก เงินสองล้านนี้คุณตั้งใจจะเอาให้ฉันเป็นเงินติดตัวใช่ไหม?”

“เห็นแล้วยัง? สามีฉันให้เงินค่าขนมเป็นล้านๆ แล้วเธอล่ะ? คงไม่เคยได้รับของขวัญที่มีมูลค่ามากกว่าพันหยวนเลยด้วยซ้ำ ใช่ไหม?”

สวุเจียพูดกับฉินยีอย่างเหน็บแนม

ฉินยีรู้สึกขำมาก เธอเห็นสีหน้าของถังคุนที่เต็มไปด้วยความกังวล แต่ผู้หญิงโง่คนนี้กลับพูดจาโอ้อวดอย่างไม่หยุด

“เธอยิ้มอะไร?”

สวุเจียตะคอกถามฉินยีด้วยความโกรธ

ฉินยียิ้มตอบอย่างเย้ยหยันว่า “การ์ดใบนี้เป็นเงินก้อนสุดท้ายของแฟนเธอ? หรือว่าเป็นเงินค่าขนมที่แฟนเธอจะให้เธอ ฉันว่าเธอควรถามให้ชัดเจนก่อนจะดีกว่านะ!”

“นี่เธอกล้าดูถูกฉันเหรอ? ฉันจะบอกเธอนะ ทรัพย์สินที่บ้านของสามีฉันมีถึงหลักพันล้าน แค่ขวดเน่าๆ ขวดนี้มันไม่ทำให้สามีฉันถึงกับขนหน้าแข้งร่วงหรอก!”

สวุเจียพูดอย่างโกรธเคืองแล้วพูดต่ออย่างรีบเร่ง “ที่รัก พวกเขากล้าดูถูกพวกเรา ยังบอกว่าเงินสองล้านกว่าในการ์ดใบนี้เป็นเงินก้อนสุดท้ายของคุณ แล้วคุณว่าพวกมันตั้งใจจะตบหน้าคุณไหมล่ะ?”

“รีบหยิบมาสเตอร์การ์ดของคุณออกมาสิ เราจ่ายเงินสิบสองล้านกว่า ค่าขวดเน่า ๆ ขวดนั้นก่อน แล้วเอาเงินฟาดหน้าพวกมัน!”

ถังคุนเงียบไปสักพัก จากนั้นพูดขึ้นว่า “เอาการ์ดมาให้ผม!”

“หา?”

สวุเจียทำหน้างุนงง “นี่ไม่ใช่เงินค่าขนมที่คุณจะให้ฉันเหรอ?”

“ผมบอกว่า เอาการ์ดมาให้ผม!”

น้ำเสียงของถังคุนเริ่มผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด

สวุเจียกลอกตาแล้วพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “ที่รัก คุณอย่าบอกนะว่าเงินสองล้านกว่านี้มันน้อยไป คุณจะเปลี่ยนบัตรที่มีเงินเยอะกว่านี้ให้ฉัน?”

ถังคุนไม่ได้พูดอะไรและแย่งบัตรคืนจากมือของสวุเจีย

สวุเจียยังคงรอบัตรธนาคารจากถังคุน แต่ถังคุนกลับมองไปที่หวางเยี่ยนแล้วพูดว่า “ทุกๆ ความอยุติธรรมย่อมมีเหตุ ทุกๆ หนี้ก็ย่อมมีเจ้าของ กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง ใครเป็นคนทำเสีย พวกคุณก็ไปตามที่เขานะ แล้วก็ จากนี้ไป ผู้หญิงคนนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับผม!”

เมื่อพูดจบ เขาก็หันเดินออกไป

หวางเยี่ยนถึงกับตกตะลึง!

ผู้คนรอบๆ ต่างก็ตกตะลึง!

ส่วนสวุเจียก็ยิ่งตกใจ!

“ผมอยากรู้จริงๆ ว่าใครกล้ามาก่อกวนในพื้นที่ของตระกูลเฉินของผม!”

ในขณะนั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงโกรธเสียงหนึ่งดังขึ้น ทุกคนเห็นชายหนุ่มร่างหนึ่งที่เดินเข้ามา

เขาก็คือเฉินอิงเหาที่ได้ข่าวแล้วรีบมาที่นี่อย่างเร่งรีบ

เขาเพิ่งได้ข่าวว่าหยางเฉินมาที่เมืองเทียนฝู่ ดังนั้นเขาจึงรีบมาที่นี่โดยเร็วที่สุด

แต่ไม่คิดเลยว่าจะเจอเรื่องแบบนี้

“คุณ……คุณชายเหา!”

ถังคุนจำเฉินอิงเหาได้ทันที และสีหน้าของเขาก็แสดงอาการตกใจกลัวอย่างรุนแรง

เขาเป็นชาวเมืองโจวเฉิงแท้ๆ จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเฉินอิงเหาคือใคร?

“ถังคุน!”

ในเวลานี้ สวุเจียเพิ่งตั้งสติได้ เธอจึงรีบเข้าไปหาถังคุนแล้วตะโกนด้วยความโกรธ “คุณหมายความว่าไง?”

เมื่อกี้ถังคุนพูดกับหวางเยี่ยนว่า เขากับสวุเจียไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ อีก สวุเจียยังคิดว่าเธอหูฝาดไป

จนกระทั่งถังคุนกำลังจะทิ้งเธอไป เธอถึงรู้ตัวว่าเธอไม่ได้หูฝาด

เธอถูกถังคุนทอดทิ้งต่อหน้าทุกคน โดยเฉพาะฉินยี ในเวลานี้ เธอรู้สึกว่าใบหน้าของเธอเหมือนถูกฉินยีกระทืบอย่างจัง

“ไสหัวไปให้พ้น!”

ถังคุนผลักสวุเจียออกไปแล้วพูดด้วยความโกรธ “ไอ้ผู้หญิงเลว วันๆ จ้องจะไถเงินผม ผมจะมีเงินเท่าไหร่ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณไหม?”

“ไม่ดูสภาพตัวเอง ยังคิดจะเอาเงินสองล้านเป็นค่าขนมเหรอ? คุณคิดว่าผมเป็นตู้เอทีเอ็มงั้นเหรอ?”

“ผู้หญิงหน้าเงินอย่างคุณ มันคุ้มที่จะให้ผมเสียเงินเยอะขนาดนั้นไหม?”

“จริงด้วย หยกเจ้าแม่กวนอิมที่คุณสวมอยู่ที่คอ แหวนเพชรที่มือคุณ แล้วก็กำไลหยกที่คุณทำแตก มันล้วนเป็นของก็อปเกรดเอที่ผมจ้างคนอื่นทำ ราคาก็แค่ไม่กี่ร้อยเท่านั้น!”

“คนโง่เท่านั้นถึงจะยอมเสียเงินเป็นล้านๆ เพื่อผู้หญิงอย่างคุณ!”

ถังคุนพูดความในใจออกมาต่อหน้าผู้คนมากมายโดยไร้ความปรานี

สวุเจียถึงกับทนรับไม่ได้ สองขาของเธออ่อนแรงและนั่งลงกับพื้นทันที

ในขณะนี้ เธอรู้สึกว่าฟ้าดินของเธอได้พังทลายลงแล้ว