ตอนที่ 811 บรรยากาศแปลกประหลาด / ตอนที่ 812 ซูเฟยผู้หยาบคาย

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ

ตอนที่ 811 บรรยากาศแปลกประหลาด

 

 

ภายนอกห้องทรงอักษรเหลือขันทีกับทหารอารักขาจำนวนหนึ่ง คนเหล่านี้ต่างมิกล้าเข้าใกล้ตัวซูเฟยจึงทำได้เพียงแค่ขอร้องอ้อนวอนนางเท่านั้น

 

 

“หลบไป! ข้ารับใช้อย่างพวกเจ้ากล้ามาขวางข้าหรือ!” บนใบหน้าของซูเฟยเซียวเซวียนเอ๋อร์เต็มไปด้วยความโกรธ นางเงื้อมือขึ้นก่อนจะให้ฝ่ามือแก่ขันทีที่เข้ามาขวางนางไปหนึ่งที

 

 

“เพี๊ยะ!” เสียงดังกังวานทำเอาเหล่าชาววังที่อยู่รอบบริเวณนั้นตัวสั่นเทาอย่างช่วยมิได้

 

 

“ซูหลี! นางคนชั้นต่ำ ไสหัวเจ้าออกมาเดี๋ยวนี้นะ!” เซียวเซวียนเอ๋อร์ไม่สามารถบุกเข้าไปได้จึงทำได้เพียงส่งเสียงร้องด่ากระทบอยู่ทางด้านนอก

 

 

เซียวเซวียนเอ๋อร์เป็นหลานสาวคนโตของหัวหน้าสภาขุนนาง เซียวเก๋อเหล่า อยู่ที่บ้านนางเป็นหัวแก้วหัวแหวนของบ้าน เมื่อเข้าวังก็ได้ตำแหน่งสนมสูงสุดในหกตำหนัก

 

 

น่าเสียดายที่หลังจากนางเข้าวังมาแล้วกลับไม่ได้รับความโปรดปรานจากองค์ฮ่องเต้มาโดยตลอด

 

 

ในหนึ่งเดือนจะมาเจอนางบ้างเดือนละครั้งเป็นครั้งคราว ทุกครั้งยังจำเป็นต้องดับไฟแล้วทำแบบกำปั้นทุบดิน

 

 

เมื่อนางได้ยินว่าซูหลีมั่วกันกับฝ่าบาทอยู่ในห้องทรงอักษรตลอดทั้งวัน หัวใจดวงนี้จะไม่โกรธได้อย่างไร

 

 

“นางคนชั้นต่ำ เจ้ากล้าทำเหตุใดจึงไม่กล้าออกมาเล่า ทั้งยังเป็นถึงเซ่าซือ มิสู้ให้ฝ่าบาทเอาเจ้าเข้ามาอยู่ในวังหลังเลยเถิด เรื่องมิดีมิงามไร้ยางอายเช่นนี้เจ้ายังทำออกมาได้! เจ้ามันแค่โสเภณีคนหนึ่ง…”

 

 

“พรูด!” ซูหลีที่อยู่ด้านในมิทันได้กลืนน้ำซุปลงไป เกือบจะพ่นมันออกมาแล้ว

 

 

นางรีบหยิบผ้าเช็ดปากที่นางข้าหลวงข้างกายยื่นมาให้มาเช็ดที่มุมปากของตนเอง

 

 

สีหน้าที่แสดงออกบนใบหน้าดูยากที่จะอธิบาย

 

 

คนที่อยู่ด้านนอกนี้เป็นผู้ใดกัน ด่าทอผู้อื่นได้ไม่น่าฟังเสียยิ่งกว่าหญิงปากร้ายเสียอีก นางดูท่าทีแล้วก็คงเป็นนางสนมผู้หนึ่ง เหตุใดถึงมีนางสนมแบบนี้อยู่ด้วย?

 

 

ซูหลีเหลือบมองไปทางฉินเย่หานที่อยู่เบื้องหน้าอย่างอดไม่ได้ พลางบีบกดความรู้สึกแปลกประหลาดภายในใจเอาไว้

 

 

อย่าได้กล่าวไป เมื่อได้ยินสตรีผู้หนึ่งต่อว่านางเช่นนี้แล้ว ภายในใจของนางก็รู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีผู้นี้ยังเป็นถึงภรรยาที่แท้จริงของฉินเย่หานด้วย…

 

 

เมื่อซูหลีนึกถึงสิ่งนี้สีหน้าที่แสดงออกบนใบหน้าก็เปลี่ยนเมินเฉยเย็นชาไปเล็กน้อย

 

 

“เคร้ง!” ฉินเย่หานโยนตะเกียบลง บนใบหน้าดูเย็นชาจนน่ากลัวพลางเอ่ยว่า: “ผู้ใดอยู่ด้านนอก”

 

 

“ฝ่าบาทเป็นซูเฟยเหนียงเหนียงพ่ะย่ะค่ะ” หวงเผยซานโค้งคำนับพลางกล่าวทูลกลับไป

 

 

หากเป็นผู้อื่นก็คงจะไม่เป็นไร แต่ซูเฟยผู้นี้ยโสโอหังวางอำนาจบาตรใหญ่เป็นที่สุด ประกอบกับสถานะตำแหน่งสูงสุด คนธรรมดาต่างมิกล้าเข้าไปยั่วยุนาง

 

 

“ให้นางเข้ามา!” ฉินเย่หานกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา ตอนที่เขาพูดยังกวาดสายตามามองซูหลีปราดหนึ่ง แต่กลับเห็นซูหลีเอาแต่ก้มหน้าก้มตาตั้งใจกินอย่างเดียวราวกับว่ามิได้สังเกตเห็นการกระทำเหล่านี้เลย

 

 

สีหน้าของฉินเย่หานเปลี่ยนเป็นไม่น่ามองขึ้นมาในทันที

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ!” หวงเผยซานเหลือบมองนายทั้งสองปราดหนึ่งและพบว่าบรรยากาศระหว่างทั้งสองดูแปลกๆ เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้นอกจากลูบๆ จมูกของตนเองและให้คนที่อยู่ด้านนอกปล่อยให้ซูเฟยเข้ามา

 

 

“ซูหลีเล่า? เรียกนางคนชั้นต่ำผู้นั้นออกมาให้ข้า!” เซียวเซวียนเอ๋อร์พรวดพราดเข้าไปอย่างโมโหโกรธา เมื่ออ้าปากก็มีแต่คำพูดที่ไม่น่าฟัง

 

 

“เพล้ง!” แต่ทว่าสิ่งที่ตอบกลับนางกลับเป็นเสียงคมชัดของเครื่องเคลือบดินเผาตกลงพื้นแตกกระจายเปล่งออกมา

 

 

เซียวเซวียนเอ๋อร์ถอยหลังกลับไปสองสามก้าวอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นฉินเย่หานจ้องมองนางด้วยแววตาเคร่งขรึม สายตานั้นจ้องมองจนทำให้หัวใจเริ่มสั่นเครือ

 

 

และเครื่องลายครามที่อยู่ตรงหน้าของนางก็คือชามที่ฉินเย่หานใช้อยู่เมื่อครู่นี้…

 

 

“เซียวเซวียนเอ๋อร์ มารยาทของเจ้าเล่า?” เสียงของฉินเย่หานเยือกเย็นเข้าไปถึงกระดูก

 

 

เซียวเซวียนเอ๋อร์ตัวสั่นในทันใด นางมิได้พบหน้าฮ่องเต้มานานถึงเดือนกว่าแล้ว กระทั่งเกือบจะลืมโทสะขององค์ฮ่องเต้ไปเสียแล้ว

 

 

“มะ…หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท!” ทันใดนั้นพลังอำนาจในตัวของนางก็พลันหายไป นางตัวสั่นคุกเข่าลง แม้กระทั่งจะหายใจแรงก็ยังมิกล้า

 

 

ซูหลีเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกประหลาดใจ ที่แท้มิได้มีแค่นางเพียงคนเดียวที่หวาดกลัวฉินเย่หานถึงเพียงนี้!

 

 

แม้กระทั่งซูเฟยเหนียงเหนียงผู้นี้ยังเป็นเหมือนกัน!

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 812 ซูเฟยผู้หยาบคาย

 

 

“ปกติปู่ของเจ้าสั่งสอนเจ้าอย่างไร” ทางด้านหวงเผยซานเร่งชงชาอย่างรีบร้อนก่อนจะยื่นให้ฉินเย่หาน

 

 

ฉินเย่หานรับมันไป แต่ทว่าเสียงของเขายังคงเยือกเย็นจนทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน

 

 

“มะ..หม่อนฉันรู้ผิดแล้วเพคะ!” เพลานี้เซียวเซวียนเอ๋อร์ตื่นตระหนกจนไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไรแล้ว จึงทำได้เพียงตะกุกตะกักยอมรับความผิดพลาด

 

 

“ซูเฟยประพฤติผิดพิธีการลงโทษริบเงินเดือนสามเดือน บ่าวรับใช้ในตำหนักเสวียนอวี่ทุกคนรับโทษโบยยี่สิบที!” ใครจะรู้ว่าฉินเย่หานจะปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร้ซึ่งความอดทนโดยสิ้นเชิงและให้บทลงโทษในทันที

 

 

“ฝ่าบาทโปรดทรงอภัยโทษให้กระหม่อมด้วย!” บ่าวรับใช้นางข้าหลวงหลายคนนำโดยชุนหงคุกเข่าลงทั้งหมด เนื้อตัวสั่นเทา

 

 

“ครั้งต่อไปหากยังดูแลนายของเจ้าไม่ดีอีกจะต้องโทษประหารเสีย!” ฉินเย่หานใบหน้าเย็นชาไร้ความปรานี ซูหลีเหลือบมองไปด้านข้างอย่างอดไม่ได้

 

 

กล่าวตามตรง นางรู้จักฉินเย่หานมานานถึงเพียงนี้ยังมิเคยได้เห็นด้านที่ไร้ความปรานีเช่นนี้มาก่อนเลย ทว่านางก็รู้เช่นกันว่าฉินเย่หานมิใช่บุคคลใจอ่อน มิเช่นนั้นตอนที่เขาเพิ่งจะขึ้นครองบัลลังก์คงจะไม่สั่งประหารชีวิตคนจำนวนไม่น้อยเช่นนั้น

 

 

“ฝ่าบาท! ฝ่าบาทโปรดทรงอภัยโทษให้หม่อมฉันด้วย หม่อมฉันเพียงแค่มิได้พบหน้าฝ่าบาทนานเกินไปถึงได้ยั้งสติมิได้เช่นนี้ หม่อมฉัน…” เซียวเซวียนเอ๋อร์ทำท่าทีเหมือนกำลังจะร้องห่มร้องไห้ คาดไม่ถึงว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นมองจะเห็นว่าซูหลีกำลังสวมใส่ชุดกงจวง[1]จึงเลิกคิ้วจ้องมองไปที่นาง

 

 

สีหน้าของเซียวเซวียนเอ๋อร์เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

 

 

ต่อให้นางโง่แค่ไหนนางก็รู้ว่าซูหลีเป็นเพียงขุนนางนอกผู้หนึ่ง จะสามารถสวมใส่ชุดกงจวงได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่าเสื้อผ้าถูกเปลี่ยนขณะที่อยู่ภายในพระราชวังนี้ ทำสิ่งใดถึงจำเป็นต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า! ?

 

 

“ฝ่าบาท!” ทันใดนั้นไฟโกรธและความอิจฉาริษยาของนางก็พุ่งพรวดขึ้นสมอง ไม่ได้สนใจอะไรอีก ร้องกล่าวเสียงสูงว่า: “ซูหลีเป็นเพียงขุนนางนอกผู้หนึ่ง เหตุใดจึงสามารถสวมใส่ชุดกงจวงที่มีเพียงนางสนมในพระราชวังถึงจะได้สวมใส่ด้วยเล่า! ?”

 

 

ทั้งยังเป็นชุดนี้อีกด้วย!

 

 

ชุดนี้เซียวเซวียนเอ๋อร์เคยเห็นมันมาก่อน

 

 

ก่อนหน้านี้กรมวังได้ให้คนจัดเตรียมไว้นานแล้ว เป็นชุดกงจวงที่ทำจากผ้าซาตินเนื้อนุ่มสีแดงสด ใช้ช่างเย็บปักกว่าหลายสิบคนเย็บปักหมู่ดอกไม้ไว้บนนั้น เพียงเสื้อนอกตัวเดียวก็ใช้เวลาไปกว่าหลายต่อหลายเดือน

 

 

ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงทั้งชุดนี้เลย!

 

 

เมื่อแรกที่เริ่มทำชุดกงจวงนี้ต่างก็ลือก้องไปทั่วทั้งพระราชวัง เพราะเสื้อผ้าชุดนี้เป็นสีแดง ภายในพระราชวังสตรีนางใดเล่าที่จะมีคุณสมบัติพอที่จะได้สวมใส่สีแดงเช่นนี้?

 

 

นั่นต้องเป็นฮองเฮาแห่งวังกลางเพียงเท่านั้น!

 

 

เซียวเซวียนเอ๋อร์เฝ้ารอมานานผลกลับปรากฏว่ามิได้ยินข่าวคราวของชุดนี้มาระยะหนึ่งแล้ว ทว่าวันนี้กลับได้มาเห็นซูหลีสวมใส่มันไว้บนตัวของนางเช่นนี้!

 

 

นางจะไม่เกรี้ยวโกรธได้อย่างไร!

 

 

“ใต้เท้าซูก็เช่นกัน หากอยากจะเป็นพี่น้องร่วมกับข้าจริงๆ ก็สามารถร้องขอให้ฮ่องเต้รับเข้าวังมาเสียเลย เหตุใดต้องไปเป็นเซ่าซืออะไรด้วยเล่า หลายปีที่ผ่านมาราชวงศ์ต้าโจวมิเคยมีเซ่าซือคนใดที่ปีนป่ายขึ้นเตียงมังกรเยี่ยงนี้!”

 

 

ใบหน้าของซูหลีไม่สบอารมณ์

 

 

อย่าว่าไป ซูเฟยผู้นี้เป็นคนยโสโอหังไร้ซึ่งเหตุผล วางอำนาจบาตรใหญ่เป็นที่สุด

 

 

คนเช่นนี้ เมื่อได้พูดออกมาเมื่อใดก็แสนจะไม่น่าฟังเกินบรรยายจริงๆ

 

 

แต่เดิมภายในใจของนางก็ไม่ค่อยสบายใจ เพลานี้ยิ่งมาโดนนางว่ากล่าวเช่นนี้สีหน้ายิ่งเคร่งขรึมขึ้นไปอีก

 

 

“เซียวเซวียนเอ๋อร์!” สีหน้าของฉินเย่หานเยือกเย็นลงพลางตหวาดเสียงเย็น

 

 

เซียวเซวียนเอ๋อร์ถูกฉินเย่หานตะคอกใส่ทั่วทั้งตัวพลันแข็งทื่อในทันที แต่เมื่อเห็นเสื้อผ้าบนตัวของซูหลีแล้ว นางยิ่งรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจซึ่งมันสามารถลบล้างความกลัวลงไปได้บ้าง

 

 

ในพระราชวังนางพูดจาเช่นนี้มาโดยตลอดมิเคยเห็นผู้ใดอยู่ในสายตา

 

 

แม้จะเป็นป๋ายถานก็ตาม

 

 

ท้ายที่สุดแล้วในสายตาของนาง ถึงเป็นสตรีเก่งเป็นที่หนึ่งแล้วอย่างไร มิได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ป๋ายถานผู้นั้นก็เป็นได้เพียงสาวแก่ไปตลอดชีวิต

 

 

แต่ทว่า…

 

 

เห็นได้ชัดว่าเซียวเซวียนเอ๋อร์หาเรื่องผิดคนแล้ว

 

 

ซูหลีเป็นใคร

 

 

นางผู้นี้มิเคยเกรงกลัวเรื่องใดทั้งสิ้น!

 

 

“ซูเฟยเหนียงเหนียงที่พูดอยู่นี้เป็นคำพูดแบบไหนกัน กระหม่อมคิดมาเสมอว่าเหล่าเหนียงเหนียงในพระราชวังต่างเป็นแบบอย่างสตรีผู้สูงศักดิ์ของทั่วทั้งเมืองหลวง ดูเหมือนว่าจะหาใช่เช่นนั้นไม่!”

 

 

 

 

——

 

 

[1] ชุดกงจวง ‘宫装’หรือชุดฝ่ายใน เป็นชุดสำหรับพระสนมเอก หรือองค์หญิงที่ไม่เป็นทางการ