ตอนที่ 249 ลูกสาวเทียบไม่ได้กับลูกชาย + ตอนที่ 250 หนูไม่รู้จักผิด โดย Ink Stone_Romance
ตอนที่ 249 ลูกสาวเทียบไม่ได้กับลูกชาย
เหอปี้อวิ๋นโดนอู่เหมยย้อนจนพูดไม่ออก อันที่จริงแล้วเธอไม่ใช่คนฝีปากล้ำเลิศ ยิ่งไม่มีลิ้นที่พ่นออกมาเป็นดอกบัวเหมือนอย่างตี๋ชิวเยวี่ย อีกทั้งบวกกับห่วงว่าอู่เจิ้งซือจะโมโห ด้วยเหตุนี้จึงไม่กล้าด่าอู่เหมยเหมือนในยามปกติ ทำได้เพียงแต่แกล้งใบ้
ท้ายสุดอู่เจิ้งซือก็ยังคงเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของอู่เหมย กลิ่นตัวบนร่างกายของอู่เยวี่ยอันที่จริงแล้วก็ถือว่าค่อนข้างรุนแรง เขาเองยังรับไม่ไหว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่อยู่ห้องเดียวกับอู่เยวี่ย เหมยเหมยเสนอเรื่องแยกห้องขึ้นมา ก็ถือว่าสมเหตุสมผล
สิ่งที่สำคัญแน่นอนว่าคือการที่ระยะนี้อู่เหมยทำได้ดีมากเป็นพิเศษ แน่นอนว่าทำให้อู่เจิ้งซือพูดคุยได้ง่ายกว่าเดิม
เมื่อครอบครัวเห็นด้วย เหอปี้อวิ๋นต่อให้ไม่พอใจแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ในใจยิ่งอึดอัดสับสน และยิ่งไม่อยากอาหารเข้าไปใหญ่
หลังกินข้าวเสร็จ ตอนแรกอู่เจิ้งซือคิดอยากจะช่วยอู่เหมยย้ายเตียง แต่จังหวะนั้นพ่อของเขาโทรศัพท์มา น้ำ เสียงในโทรศัพท์นั้นจริงจังเป็นอย่างมาก ให้ครอบครัวของอู่เจิ้งซือไปที่บ้านท่านสักหน่อย เดี๋ยวนี้ ทันที
พูดได้แค่เพียงว่าเรื่องซุบซิบข้างนอกไปไกลกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก ละครตลกของตระกูลอู่ไม่เพียงแต่แพร่กระจายแค่ในโรงเรียนอีกต่อไป แม้กระทั่งท่านผู้เฒ่าอู่ที่อยู่ตรงนั้นยังได้รับรู้แล้ว นับตั้งแต่หลังวันไหว้ครู ครอบครัวของอู่เจิ้งซือก็ไม่ได้ไปอีก เรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านผู้เฒ่าทั้งสองต่างไม่รับรู้ พอได้ยินก็โกรธจนผมตั้งชันฉับพลัน
หลานสาวคนโตที่พวกเขาภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้เป็นโรคประสาทและเธอยังมีกลิ่นตัวที่ถึงกับทำให้ฟ้าสะเทือน ผีสางเทวดายังต้องกรีดร้อง แม้กระทั่งสอบยังสอบได้ที่สิบสองอีก ตัวพวกเขาเองแม้แต่จะเชื่อยังไม่กล้าที่จะเชื่อ
ที่คู่สามีภรรยายิ่งโกรธโมโหก็คือ ข้างนอกยังพูดกันอีกว่าเหอปี้อวิ๋นปฏิบัติต่ออู่เหมยอย่างโหดร้าย ข้าวไม่ให้กิน เสื้อไม่ให้ใส่ อีกทั้งงานบ้านที่ทำเท่าไรก็ไม่เสร็จ โดนตีไม่หยุด สู้แม่เลี้ยงยังไม่ได้เลย
คำพูดพวกนี้คุณย่าอู่ได้ยินตอนไปจ่ายกับข้าว ไม่กล้าที่จะเชื่อหูของตัวเองเลยจริงๆ แค่สองเดือนไม่เจอกัน เรื่องของครอบครัวของลูกชายตั้งแต่ต้นจนจบน่าชมกว่าละครทีวีอีก ที่แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่!
“เจิ้งซือ ที่ข้างนอกเขาพูดกันเป็นเรื่องจริงไหม?” คุณปู่อู่ถามหน้านิ่ง
ครอบครัวของอู่เจิ้งซือและอู่เจิ้งหงต่างก็อยู่ครบ วันนี้คุณย่าทำเกี๊ยว จึงได้เรียกลูกหลานมากิน อู่เจิ้งซือไม่มีอารมณ์ไปกินก็เลยปฏิเสธไป
หัวใจของอู่เจิ้งซือตกแล้วตกอีก ในที่สุดพ่อแม่ก็รู้แล้ว เดิมทีเขายังคิดอยากจะปิดบังไว้นานอีกสักหน่อย เฮ้อ!
“พ่อแม่ เป็นผมเองที่เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ไม่ได้เรื่อง” อู่เจิ้งซือไม่ได้ปฏิเสธ
คุณปู่อู่สีหน้าอึมครึม ดูแล้วแบบนี้พวกข่าวลือพวกนั้นคงจะจริง คุณปู่อู่มองอู่เยวี่ยอย่างผิดหวัง ลูกสาวยังไงก็สู้ลูกชายไม่ได้จริงๆ แม้ตอนประถมหรือมัธยมต้นจะมีคะแนนดีมาก แต่พอถึงมัธยมปลายก็เริ่มมีระยะห่างแล้ว ในตอนแรกเขายังคิดว่าอู่เยวี่ยเป็นข้อยกเว้น แต่ตอนนี้ดูแล้วคงข้ามไปไม่ได้เหมือนเดิม!
อู่เยวี่ยโดนสายตาที่ผิดหวังของคุณปู่มองจนรู้สึกแสบร้อน ปวดใจจนไม่กล้าหายใจ เธออดทนบังคับอาการปวดใจให้เป็นยิ้มน้อยๆ ตลอดเวลา
“คุณพ่อ สอบครั้งนี้เยวี่ยเยวี่ยสอบได้ไม่ดี ทั้งหมดให้โทษฉัน เป็นฉัน…”
เหอปี้อวิ๋นรีบร้อนอธิบาย คุณปู่อู่ถลึงตาใส่เธอด้วยความรังเกียจหนึ่งที ดุด่าเสียงดังว่า “ฉันไม่ได้ถามเธอ หุบปากเดี๋ยวนี้ ไม่มีการศึกษาเลยสักนิด!”
แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่พอใจลูกสะใภ้รองคนนี้มาตลอด ฐานะทางสังคมต่ำต้อย วุฒิการศึกษาก็ต่ำ นอกจากหน้าตาสวยนิดหน่อยแล้ว ก็ไม่มีฝีมืออะไรติดตัวเลยสักนิด เพียงแต่ว่าตอนนั้นลูกชายคนรองต้องการจะแต่งให้ได้ พวกเขาก็หมดหนทาง ตอนนี้ดูแล้วเวลานั้นยอมเป็นคนชั่วยังจะดีกว่า!
สู้ลูกสะใภ้คนโตไม่ได้โดยสิ้นเชิง คนหนึ่งฟ้าคนหนึ่งดิน
เหอปี้อวิ๋นหน้าเขียวหน้าแดง เป็นครั้งแรกที่คุณปู่ไม่ไว้หน้าเธอต่อหน้าคนเยอะๆ ขนาดนี้ เธออับอายจนแม้แต่ใบหน้าก็ไม่กล้าเงยขึ้นมาเลย
คุณย่าก็ไม่พอเหอปี้อวิ๋นเป็นอย่างมาก ยิ่งปวดใจกับอู่เยวี่ย หลานสาวที่อยู่ดีๆ ก็โดนเหอปี้อวิ๋นเลี้ยงดูจนเสียหมด เธอดึงอู่เยวี่ยมาอยู่ข้างกาย ปลอบโยนเสียงเบา ใบหน้าแผ่รังสีเมตตาอ่อนโยนไปทั้งหน้า แต่กับอู่เหมยเธอไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก
จุดนี้เธอเหมือนกับเหอปี้อวิ๋นมาก กับอู่เหมยให้ความรักไม่ได้ รักไม่ลง แต่ให้ความสนใจและความรักใคร่โปรดปรานกับอู่เยวี่ย
………………………………………………………….
ตอนที่ 250 หนูไม่รู้จักผิด
อู่เยวี่ยตาแดงซุกอยู่ในอ้อมกอดของคุณย่า ร้องไห้ไม่มีเสียงเบาๆ คุณย่ากระซิบเสียงเบาปลอบโยนเธอ เหอปี้อวิ๋นแอบผ่อนลมหายใจ ยังดีที่มีคุณย่าอยู่ เยวี่ยเยวี่ยน่าจะไม่กลายเป็นคนไม่เป็นที่โปรดปราน
อู่เหมยที่สังเกตการณ์อย่างเงียบๆ มาตลอดยกมุมปากเยาะเย้ย ตั้งแต่เข้ามาจนถึงตอนนี้ ไม่มีใครเป็นห่วงหรือสนใจเธอสักประโยค ทั้งที่รอยแผลบนใบหน้าเธอเห็นได้ชัดขนาดนี้ แม้แต่คนตาบอดมาจับยังดูออกเลย
“ทำไมอาสะใภ้สองถึงตีเธอล่ะ?”
อู่เชาดึงเสื้อของอู่เหมยเบาๆ ถามเธอเสียงเบา บนหน้ามีความเห็นใจและกังวลใจ
อู่เหมยพูดอย่างไม่สนใจว่า “ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน บางทีอาจจะเพราะบ้ามั้ง”
เธอไม่ระงับอารมณ์รังเกียจเลยแม้แต่น้อย ทำให้คนอื่นตกใจมาก ตี๋ชิวเยวี่ยอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว อู่เหมยตอนนี้กับคนที่กลัวหัวหดเมื่อสองเดือนก่อนไม่เหมือนกันเลยแม้แต่นิดเดียว ดูเข้มแข็งขึ้นมาก แต่ว่าดูทัศนคติและท่าทางที่เธอมีต่อเหอปี้อวิ๋นแล้ว เกรงว่าจะรู้สึกผิดหวังกับแม่คนนี้แล้วล่ะ
พี่น้องของเธอคนนี้เลอะเลือนเหลือเกินจริงๆ ลูกสาวที่ให้กำเนิดเองแท้ๆ กลับไม่เอาแต่ผลักออกนอกบ้าน วันหลังจะต้องมีตอนที่เธอได้รู้สึกเสียใจในภายหลัง
“เหมยเหมย พ่อแม่ต่างก็รักใคร่ลูกกันทั้งนั้นแหละ แต่บางทีวิธีการอาจจะรุนแรงไปหน่อย เธออย่าคิดมากเลย” ตี๋ชิวเยวี่ยพูดจาโน้มน้าวอย่างนุ่มนวล
อู่เหมยพูดเอื่อยๆ ว่า “หนูไม่ได้คิดมากค่ะ ถ้าคนอื่นจะทำกับหนู หนูก็จะทำแบบนั้นกับคนอื่นเหมือนกัน ไม่มีอะไรให้ต้องเครียด”
ถ้ามีวันหนึ่งที่เหอปี้อวิ๋นด่าไม่ไหวตีไม่ไหว เธอจะรับผิดชอบตามที่กฎหมายกำหนด แต่อย่าคิดว่าเธอจะมอบความจริงใจให้แม้แต่น้อยนิด
ตี๋ชิงเยวี่ยถอนหายใจ ไม่ได้พูดอะไรอีก
อู่เจิ้งหงกลับซ่อนความรู้สึกยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่นไว้ไม่ไหว คนที่เธอเกลียดที่สุดในบ้านสองคนกำลังโดนติเตียน ช่างสาแก่ใจจริงๆ!
“ให้ฉันพูดนะการที่คะแนนของเยวี่ยเยวี่ยตกลงเนี่ยเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก แต่ก่อนฉันก็เคยพูดแล้ว เด็กผู้หญิงยิ่งขึ้นสูง คะแนนก็ยิ่งไม่มั่นคงแน่นอน พวกคุณยังไม่เชื่อฉัน เชอะ!”
อู่เจิ้งหงพูดประชดประชัน เหอปี้อวิ๋นโมโหจนหน้าขาวไปหมด ทนไม่ไหวตอกกลับว่า “เจิ้งหงเธอพูดแบบนี้ ก็เอาเหวินจิ้งนับเข้าไปด้วยสิ!”
“เยวี่ยเยวี่ยจะมาเทียบกับเหวินจิ้งบ้านฉันได้ยังไง? ฉันกับเจี้ยนโปต่างก็เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ไม่ว่าเหวินจิ้งจะเหมือนใคร คะแนนก็คงไม่สามารถแย่ได้ถึงขนาดนั้น เยวี่ยเยวี่ยนั้นไม่เหมือนกัน เหมือนพี่รองของฉันยังดี แต่ถ้าเหมือนคุณพี่สะใภ้รองล่ะก็ โอโห! คะแนนดีได้สิถึงจะแปลก!”
อู่เจิ้งหงเองก็แค้น ตอกกลับอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย เหอะ! เรียนไม่จบมัธยมปลายด้วยซ้ำ ยังจะมีหน้ามาแข่งกับเธอ?
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเธอก็เป็นถึงนักศึกษาอนุปริญญานะ!
เหอปี้อวิ๋นโดนเบรกจนพูดไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว วุฒิการศึกษาต่ำเป็นจุดอ่อนของเธอ ข้อนี้เธอไม่สามารถโต้แย้งได้
“แค่กๆ”
คุณปู่อู่ส่งเสียงไอหนักๆ สองคนหุบปากทันที กระทั่งหายใจยังไม่กล้าหายใจแรง
หลังจากอบรมสั่งสอนภรรยาของอู่เจิ้งซือเสร็จ สายตาของคุณปู่อู่ก็เปลี่ยนไปอยู่ที่อู่เหมย มองเธออย่างดุเดือด ไม่พูดออกมาสักประโยค
นานมาก
“อู่เหมยรู้ไหมว่าผิด?” คุณปู่อู่ถาม
“ไม่รู้ค่ะ” อู่เหมยพูดออกมาตรงๆ ไม่อ้อมค้อม จ้องมองกับคุณปู่อู่อย่างกล้าหาญ
คุณปู่อู่ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ รู้สึกไม่พอใจมากที่อู่เหมยปากแข็งไม่ยอมรับว่าตัวเองผิด พูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ล้วนเข้มงวดถมึงทึงว่า “แม่เธอเป็นผู้ใหญ่ ต่อให้แม่เธอทำไม่ดีแค่ไหน เธอจะไปส่งเสียงเอะอะโวยวายให้คนเขารู้กันไปทั่วได้ยังไง? ขายขี้หน้าตระกูลอู่หมด!”
อู่เหมยยิ้มเยาะนิดๆ แล้วพูดคร่ำครวญตอบกลับไปว่า “หรือว่าเพื่อรักษาหน้าของตระกูลอู่ หนูจะต้องอดทนรับความโหดร้ายทารุณเหรอ? คุณปู่อยากจะเห็นหนูโดนตีจนตายเหรอคะ?”
เหอปี้อวิ๋นโมโหจนเต้นเร่าออกมา “พูดจาไร้สาระ ตีเบาๆ ไม่กี่ครั้งจะตายแล้ว? แกเป็นเต้าหูหรือไง!”
อู่เหมยเงยหน้าบวมๆ ครึ่งหน้าของเธอขึ้นมา ชี้แล้วพูดว่า “แม่ พละกำลังของแม่ออกจะเยอะขนาดนี้ ตีเบาๆ กี่ครั้งก็มีอานุภาพขนาดนี้แล้ว!”
“น้องสะใภ้รองหยุดพูด” ตี๋ชิวเยวี่ยดึงเหอปี้อวิ๋นกลับมา เป็นคนที่โง่คนหนึ่งจริงๆ กระโดดตัวออกไปในตอนนี้ได้อย่างไร เรื่องยังวุ่นวายไม่มากพอใช่ไหม!
………………………………………………………….