ราชันเร้นลับ 470 : ชื่อ

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ 470 : ชื่อ โดย Ink Stone_Fantasy

ด้านนอกคฤหาสน์กุหลาบแดง ไคลน์เดินออกจากรถม้าพร้อมด้วยไม้ค้ำในมือซ้าย

ชายหนุ่มหลับตาลงเพื่อสงบจิตใจ ก่อนจะลืมตาจ้องทหารองครักษ์ชุดแดงผู้ยืนประจำการหน้าประตูหลัก

ในเมื่อสมบัติปิดผนึก 0-08 คอยสร้างความบังเอิญมิให้เราได้พบกับหญิงสาวปริศนาเจ้าของแหวนพลอยสีฟ้ามาตลอด คราวนี้ก็คงไม่มีข้อยกเว้น… เราไม่น่าจะโชคร้ายบังเอิญพบเธอในคฤหาสน์ ฉะนั้น ขอเพียงเราอาศัยมารยาตีหน้าเศร้าให้องค์ชายเชื่อว่าเราอ่อนแอ ทุกสิ่งจะผ่านไปอย่างราบรื่น…

ไคลน์รีบวางแผนพลางเดินเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่

หลังจากถูกค้นตัวและยึดปืนกับซองปืนไปเก็บชั่วคราว ชายหนุ่มเดินตามบุรุษรับใช้ไปตามแนวถนนหินสีเทา ผ่านน้ำพุซึ่งกำลังพ่นละอองของเหลวสีใสตลอดเวลา จนกระทั่งเข้ามาในตัวอาคารหลัก

เพียงไม่นาน ชายหนุ่มขึ้นมายังชั้นสองและหยุดยืนหน้าห้องซึ่งน่าจะเป็นห้องกระจกสำหรับอ่านหนังสือ

ตลอดการเดิน ไคลน์ปิดปากเงียบสนิท ด้วยความกังวลว่าอาจมีสถานการณ์ไม่ปรกติเกิดขึ้น จนส่งผลให้ตนถอนตัวกลับไม่ทัน

ก็อก. ก็อก. ก็อก.

บุรุษรับใช้เคาะประตูห้องสามครั้ง ตามด้วยการโน้มตัวเข้าไปใกล้และเปล่งเสียง

“นักสืบเชอร์ล็อกขอรับ”

ความเงียบงันผ่านนานไปสิบวินาทีเต็ม จึงค่อยมีเสียงทุ้มดังเล็ดลอดมาจากด้านใน

“เข้ามาได้ เขาเป็นแขกขององค์ชาย”

เมื่อบานประตูเปิดแง้ม สายลมอบอุ่นพลันพรั่งพรูปะทะใบหน้าไคลน์ อากาศเบาสบายกว่าภายในโถงทางเดินยาวค่อนข้างมาก

หลังจากผ่านการตรวจตราอย่างละเอียดโดยองครักษ์ร่างใหญ่สองคน ไคลน์ย่างกรายเข้าไปในห้องซึ่งมีพรมสีเหลืองผืนหนา

มันเดินอ้อมตู้แสดงสมบัติ ผ่านฉากกั้นกึ่งกลางห้องและได้พบกับองค์ชายเอ็ดซัคนั่งอยู่ริมหน้าต่าง ท่าทางคล้ายกำลังดื่มด่ำแสงแดดอันหายากในฤดูหนาว

ใบหน้ากลมกลึง ผิวพรรณสะอาดสะอ้านสมกับเป็นเชื้อพระวงศ์ เอ็ดซัคกำลังเงียบขรึมและไม่เผยรอยยิ้มใด บรรยากาศภายในห้องจึงค่อนข้างอึมครึมและอึดอัด

ด้วยอุณหภูมิจากเตาผิงหรูหราและท่อแก๊สผสมผสานเข้าด้วยกัน อากาศด้านใจจึงอบอุ่นไม่ต่างจากช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ

องค์ชายสามมิได้สวมโค้ท เพียงสวมเชิ้ตสีขาวพับแขน และทับด้วยกั๊กสีเหลืองหรูหรา

เห็นเช่นนั้น ไคลน์ผ่อนคลายตัวเองทันที เนื่องจากภายในห้องไม่มีหญิงสาวปริศนาเจ้าของแหวนพลอยสีฟ้าอยู่ด้วย

ชายหนุ่มรีบก้าวขาไปข้างหน้าและคำนับ

เอ็ดซัค·ออกัสตัสกำลังถือถ้วยชาดำหอมกรุ่นและมีควันลอยอยู่ด้านบน บรรยากาศรอบตัวยังคงเงียบขรึม มิได้เชื้อเชิญให้ไคลน์นั่งลงตามมารยาท

เอ็ดซัคกล่าวด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเย็นชา

“มีความคืบหน้าบ้างไหม”

“ไม่ขอรับ ทั้งการทำนาย การสื่อวิญญาณ การสอบปากคำ และการสอบสวนทั้งหมด ผลลัพธ์ล้วนตรงกันระบุว่าทาลิมเสียชีวิตเนื่องจากภาวะหัวใจล้มเหลว” ไคลน์กล่าวด้วยสีหน้าสำนึกผิดและตำหนิตัวเองอย่างหนัก “กระหม่อมอ่อนแอเกินไปในทุกด้าน องค์ชาย ท่านควรจ้างใครสักคน ผู้มีพลังและความชาญฉลาดมากกว่ากระหม่อม”

ระดับองค์ชายน่าจะหาได้ไม่ยาก…

มันกลืนคำสุดท้ายลงคอ

ขณะเดียวกัน องค์ชายเอ็ดซัคเริ่มตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ นักสืบหนุ่มผู้นี้แก่ชราลงอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าอิดโรยประหนึ่งอดหลับอดนอนติดต่อกันเป็นเวลานาน

นี่มิใช่ภาพลวงตาหรือการคิดไปเอง แต่เป็นเพราะไคลน์ใช้พลังผู้ไร้หน้า เปลี่ยนให้ผิวหนังของตนแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น เปลี่ยนให้หนวดเครารกรุงรัง และเปลี่ยนให้ถุงใต้ตามีลักษณะคล้ำจนเด่นชัด

องค์ชายสามเงียบงันครู่ใหญ่ ก่อนจะวางแก้วกระเบื้องเคลือบเลี่ยมทองลง

“เข้าใจแล้ว เราคงฝืนเจ้าเกินไป ไม่ต่างอะไรกับการใช้เข็มหมุดอุดหลุมใหญ่… ตกลง เราจะให้คนอื่นตามสืบเรื่องนี้ต่อ รบกวนเตรียมเอกสารรายงานอย่างละเอียดไว้ด้วย อย่าให้ขาดตกบกพร่องเป็นอันขาด”

ต้องอย่างนั้น!

ไคลน์กระหยิ่มยิ้มย่องในใจ ตามด้วยการล้วงหยิบกระดาษปึกหนึ่งออกจากกระเป๋า

“องค์ชายไม่จำเป็นต้องรอ กระหม่อมมีนิสัยชอบจดบันทึกเป็นกิจวัตร”

หลังจากส่งสัญญาณให้คนสนิทหยิบกระดาษแทนตน เอ็ดซัค·ออกัสตัสเปิดอ่านหลายวินาทีจะวางลงบนโต๊ะ

“เจ้าต้องการสิ่งใดเพิ่มเติมหรือไม่”

“ไม่ขอรับ องค์ชาย ขอเพียงอนุญาตให้กระหม่อมลาพักร้อนก็พอ เอ่อ… กระหม่อมวางแผนจะลาพักร้อนทางใต้สักพัก ร่างกายต้องการแสงแดดเพื่อช่วยเยียวยาหัวใจอันเจ็บปวด”

ไคลน์ถอนหายใจ

“ฉลองปีใหม่สินะ วัฒนธรรมปรกติของชาวโลเอ็น” เอ็ดซัคพยักหน้าเล็กน้อยพลางหันไปมองฟังเกล พ่อบ้านแก่ชรา และออกคำสั่ง “ส่งนักสืบเชอร์ล็อกกลับไปด้วยรถม้า”

จากคฤหาสน์กุหลาบแดง เมืองใกล้สุดอยู่ห่างประมาณสิบห้าถึงยี่สิบนาทีด้วยการเดินเท้า ถ้าไปถึงจะมีรถม้าคอยให้บริการ

“ขอรับ องค์ชาย” พ่อบ้านชราโค้งคำนับ

ไคลน์ยังไม่ลดความระแวงลงขณะเดินกลับออกจากคฤหาสน์

มันตามหลังพ่อบ้านชราจนกระทั่งถึงหน้าทางเข้า และรับปืนกับซองปืนกลับคืนมา

ไม่ถึงสิบนาที ไคลน์ขึ้นไปนั่งรถม้าประจำคฤหาสน์กุหลาบแดงอย่างผ่อนคลาย

มันเอนหลังอิงเบาะพลางจ้องมองภาพคฤหาสน์ด้านหลังเล็กลงทุกขณะ

จนกระทั่งลับสายตา จึงค่อยถอนหายใจยาวด้วยสีหน้าโล่งอก หัวใจกลับมาสุขุมเยือกเย็นและปราศจากอาการตื่นเต้นได้อีกครั้ง

ไคลน์มั่นใจ ตอนนี้ตนออกจาก ‘เวที’ เรียบร้อยแล้ว

ขั้นตอนต่อไปคือ เราต้องบอกลาเบ็คลันด์และเดินทางลงใต้ ปิดม่านการแสดงลงอย่างสมบูรณ์… จากนั้นค่อยเปลี่ยนหน้าตาและย้อนกลับเข้าใหม่มาอย่างเงียบเชียบ…

ชายหนุ่มเริ่มวางแผนล่วงหน้า

ทันใดนั้น พลังวิญญาณไคลน์พลันสั่นกระเพื่อมรุนแรง มุมสายตาเหลือบเห็นประตูรถม้าเปิดแง้มชั่วครู่ และปิดสนิทอย่างเงียบงันภายในเวลาไม่กี่วินาที!

ยังไม่ทันได้ตอบสนอง มันมองเห็นสตรีผู้หนึ่งกำลังนั่งบนเบาะฝั่งตรงข้าม สวมเดรสสีดำหรูหรารุงรัง และมีแหวนพลอยสีฟ้าเม็ดใหญ่อยู่บนมือ

แหวนพลอยสีฟ้า!

ฉากตรงหน้าทำให้ไคลน์ ผู้คิดไม่ทันว่าตนควรหลบหนีหรือโจมตีกลับ ทำได้เพียงหรี่ตาลงและนั่งนิ่งโดยไม่กล้าบุ่มบ่าม

สตรีปริศนาผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น เธอคือเจ้าของสมบัติปิดผนึกระดับ 0 หรือไม่ก็เป็นครึ่งเทพในระดับใกล้เคียงกัน!

นี่มัน…

เคยมีคำกล่าวว่า ยิ่งพยายามหลีกหนีสิ่งใด โชคชะตาก็ยิ่งนำพาสิ่งนั้นให้เข้ามาหา!

ทำไมคราวนี้ 0-08 หรืออะไรทำนองนั้น ถึงไม่ยอมสร้างความบังเอิญให้เธอคลาดกับเรา!

ทั้งจิตใจและวิญญาณไคลน์พลันหดเกร็ง ทำได้เพียงประสานสายตากับบุคคลตรงหน้าอย่างเงียบงัน

อายุจริงของหญิงสาวไม่สอดคล้องกับลักษณะการแต่งกาย หน้าตาประมาณสิบแปดสิบเก้า ใบหน้ากลมกลึง ดวงตาเรียวคม แผ่กลิ่นอายอ่อนโยนและสง่างาม

ลึกลงไป ไคลน์พบว่าสตรีผู้นี้มีรูปโฉมอ่อนหวานและงดงามจนน่าตกตะลึง

นี่มัน…!

ชายหนุ่มพลันถูกสะกด แต่เพียงไม่นานก็โพล่งขึ้นหลังจากจดจำอีกฝ่ายได้

“ทริสซี่!”

เป็นใครไปไม่ได้นอกจากอดีตนักกระตุ้น ทริส ผู้กลายเป็นแม่มด ทริสซี่ในตอนหลัง!

จากคนร้ายในประกาศจับ หล่อนกลายมาเป็นผู้หญิงข้างกายองค์ชายเอ็ดซัคได้ยังไง…

ทำไมสมาชิกของนิกายแม่มด ถึงมาเป็นคนรักขององค์ชายสามแห่งราชวงศ์ออกัสตัสได้!

แถมยังเป็นผู้ถือครองสมบัติปิดผนึกระดับ 0 หรือไม่ก็ใกล้เคียง!

เมื่อจ้องมองอีกครั้ง ไคลน์พบว่ามีบางจุดแตกต่างไปจากทริสซี่คนเดิม สำหรับปัจจุบัน ไม่เพียงใบหน้าจะงดงาม แต่ยังเปี่ยมด้วยความอ่อนละมุนและตึงกระชับ เมื่อรวมทุกองค์ประกอบเข้าด้วยกัน ทั้งหมดส่งเสริมให้เธอกลายเป็นบุคคลซึ่งบุรุษยากจะเบือนสายตาหนีไปทางอื่น

หลังจากได้ยินไคลน์โพล่ง ตรงข้ามกับอาการตื่นกลัว ทริสซี่พลันยินดีปรีดาอย่างออกนอกหน้า

“คุณรู้จักฉัน… คิดไว้แล้วเชียว! นักสืบผู้มีพลังพิเศษย่อมสามารถจดจำใบหน้าคนร้ายบนประกาศจับได้แม่นยำ!”

เห…? เอ่อ… ทำไมเธอถึงดีใจ?

ไคลน์ซักถามด้วยสีหน้างุนงง

“คุณต้องการอะไร”

ชายหนุ่มยังจำได้แม่นยำว่า หญิงสาวตรงหน้าไม่ใช่คนดีนัก ทริสเคยสร้างโศกนาฏกรรมร้ายแรงบนเรืออัลฟาฟ่าด้วยตัวตนเดียว และทริสซี่ก็เคยทำให้ชาวเมืองทิงเก็นจำนวนมากต้องตาย

ทริสซี่เม้มปาก พลางเผยรอยยิ้ม

“ง่ายมาก รีบรายงานเรื่องของฉันให้เหยี่ยวราตรี ทูตพิพากษา หรือจิตแห่งจักรกลทราบโดยด่วน! เรียกให้พวกเขามาจับฉัน!”

เรียกตำรวจให้มาจับตัวเอง?

กะเทย— เอ่อ… ผู้หญิงคนนี้ต้องเสียสติไปแล้วแน่…

ไคลน์พูดไม่ออกไปพักใหญ่

แต่เพียงไม่นาน เมื่อลองไตร่ตรอง มันเริ่มพบความนัยแฝง :

ทริสซียอมถูกขังหลังประตูยานิส มากกว่าต้องอยู่ในคฤหาสน์กุหลาบแดงต่อ เธอกำลังหาทางหลบหนีออกจากตรงนั้น…

สรุปโดยสั้น ทริสซี่เชื่อว่าการถูกหน่วยพิเศษของทางการจับตัว มีความทรมานน้อยกว่าต้องทนทุกข์ในคฤหาสน์กับองค์ชาย…

ไคลน์พยายามควบคุมสีหน้า

“คุณกำลังหนีจากสิ่งใด”

ทริสซี่เงียบงันหลายวินาที ก่อนจะมอบคำตอบด้วยดวงตาเหม่อลอย

“ใครบางคนกำลังบงการชีวิตฉัน รอบตัวฉันมักเกิดความบังเอิญติดต่อกันหนแล้วหนเล่าจนแทบจะกลายเป็นบ้า ฉันเป็นตัวเองน้อยลงทุกที”

กล่าวถึงตรงนี้ หญิงสาวยกมุมปากจืดชืด

“คุณพอจะจินตนาการออกหรือไม่ ในอดีตเคยหลงรักบรรดาสาวใช้ขี้อายและน่าทะนุถนอม แต่แล้ววันหนึ่ง คุณกลับตื่นขึ้นมาและพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในอ้อมกอดของบุรุษเปลือยกาย”

พอแค่นั้นแหละ! นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงไม่อยากเข้าใกล้นักลอบสังหารหรือแม่มด…

ไคลน์อดนึกภาพตามไม่ได้ และนั่นทำให้ชายหนุ่มเกิดอยากอาเจียน

ทริสซี่เล่าต่อด้วยรอยยิ้มขื่นขม

“ฉันเข้าใจเอาเองว่า การเลื่อนลำดับกลายเป็น ‘สุขสม’ จะทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากภาวะดังกล่าว จึงพยายามหาคนช่วยรวบรวมวัตถุดิบหลักของโอสถแทน แต่ผลลัพธ์กลับเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม ในบางครั้ง สมองของฉันว่างเปล่าอย่างกะทันหัน โดยมีหลายสิ่งเกิดขึ้นในระหว่างนั้น ฉันพยายามกล้ำกลืนความน่าขยะแขยงและล่อลวงทาลิม ให้เขาพาฉันออกไปจากคฤหาสน์ แต่ใครจะไปรู้ว่า ฉันดันสาปทาลิมเข้าโดยไม่รู้ตัว… คุณเชื่อคำพูดฉันไหม ฮะฮะ…! บ้าบอสิ้นดี พวกมันเปลี่ยนแม้กระทั่งชื่อของฉัน พยายามทำให้ฉันละทิ้งอดีตและกลายเป็นคนอื่นโดยสมบูรณ์… ไม่ยอมเด็ดขาด! แต่เรื่องน่าสนุกก็คือ พวกมันดันเชื่อว่า ฉันสามารถเอาชนะความบังเอิญได้แค่ไม่กี่ครั้ง ก่อนจะกลับไปอยู่ในลู่ทางปรกติ แต่ความจริงคืออะไรรู้ไหม ฉันแค่แสร้งทำให้พวกมันเข้าใจแบบนั้น! หากต้องการ ฉันสามารถหลุดพ้นจากความบังเอิญได้ตามใจชอบ เหมือนกับตอนนี้ยังไงล่ะ คุณนักสืบ”

สุขสม… แม่มด… วัตถุดิบหลัก…

ไคลน์พลันหวนนึกถึงเหตุการณ์ในชุมนุมลับของเนตรแห่งปัญญา มันยังจำได้ว่า ชายคนหนึ่งพยายามซื้อวัตถุดิบหลักของโอสถแม่มดสุขสมกลับไป แม้ว่าไคลน์จะทราบสูตรโอสถ แต่มันตระหนักถึงความอันตรายและตัดสินใจไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว

ผู้ช่วยของทริสซี่นี่เอง… ตอนนั้นเธออยู่กับองค์ชายเอ็ดซัคแล้วหรือ… ชิ! ทำไมรอยยิ้มของหล่อนถึงได้เจิดจ้าและน่าหลงใหลเช่นนี้!

เส้นทางแม่มดน่ารังเกียจชะมัด…

ไคลน์สูดลมหายใจยาว

หลังจากเรียบเรียงความคิดตัวเองเสร็จ ชายหนุ่มซักถามอย่างเป็นกันเอง

“พวกมันเปลี่ยนชื่อคุณเป็นอะไร”

ทริสซี่ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว พลางมอบคำตอบด้วยสีหน้าเหม่อลอย

“ทริสซี่·ชีค”

ทริสซี่·ชีค…

ชีค…?

ไคลน์เริ่มชาไปทั้งตัว ดวงตาจ้องมองหญิงสาวฝั่งตรงข้ามด้วยร่างกายแข็งทื่อประหนึ่งรูปปั้นแกะสลัก

สมองนึกทบทวนไดอารีของจักรพรรดิโรซายล์หน้าหนึ่ง ซึ่งมีข้อความลงท้ายว่า :

“5 มิถุนายน เราค้นพบหนังสือโบราณกล่าวถึงนามของแม่มดบรรพกาล…เธอชื่อว่า ‘ชีค’ …”

……………………