ตอนที่ 391 เกิดเรื่องแล้ว / ตอนที่ 392 หาไม่พบ

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ตอนที่ 391 เกิดเรื่องแล้ว 

 

 

จำได้ว่าก่อนที่จะไปเมืองตะวันตก เป็นเพราะเรื่องของเถ้าแก่เฉียนทำให้นางเกิดความสงสัยในตัวอนุรอง จึงได้ส่งพวกเขาไปตามสืบ แต่มาถึงตอนนี้แล้วก็ยังไม่มีข่าวคราวแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะสืบได้ความว่าอย่างไรบ้าง 

 

 

และเมื่อนางกลับมา อนุรองก็ยังสู้อุตส่าห์ลากนางและเจาเอ๋อร์ลงน้ำโดยไม่เสียดายแรงเลยแม้แต่น้อย แต่ไม่คิดว่าจะไม่เพียงไม่สามารถโค่นนางได้ แต่เถ้าแก่หวังยังไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ไม่เท่ากับทำเสียเรื่องเปล่าหรอกหรือ 

 

 

ต่อมาอนุรองยังใช้อนุสามมาดูนางว่าป่วยจริงหรือแกล้งป่วย ดังนั้นนางจึงใช้แผนซ้อนแผน หลังจากเกิดเรื่องแล้วก็บั่นคอหมอชาวบ้านแล้วส่งให้อนุรอง คงจะทำให้นางตกใจเสียแทบตายเลยกระมัง 

 

 

เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในสองวันนี้ ในที่สุดนางก็ได้หยุดพักเสียที 

 

 

หลังจากนางถอนหายใจยาว อวี้อาเหราก็รู้สึกหนักศีรษะขึ้นมา ยังดีที่มีเมี่ยวอวี้คอยประคอง นางจึงไม่ล้มลงไป 

 

 

“คุณหนู วันนี้ท่านควรจะพักผ่อน แต่ก็ถูกรบกวนอยู่เสมอ ร่างกายคงทนไม่ไหว ท่านพักผ่อนเถิด เรื่องที่พวกชิงอวิ๋นไปตรวจสอบนั้น วันหลังค่อยว่ากันเถิดเจ้าค่ะ วันนี้พักผ่อนร่างกายให้แข็งแรงก่อน มิเช่นนั้นหากป่วยหนักขึ้น จะเยียวยาก็คงสายเกินแก้แล้ว” 

 

 

เมี่ยวอวี้เห็นนางเหนื่อยล้าเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก 

 

 

“ไม่เป็นไร ข้าเป็นไข้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก” อวี้อาเหราส่ายหน้า พยายามฝืนอาการเซื่องซึมช้าๆ ของตัวเองด้วยรอยยิ้มฝืดฝืนเต็มทน “คงเป็นเพราะลมหนาวพัดมาเมื่อครู่นี้ ดังนั้นจึงไม่ค่อยสบายเล็กน้อย เจ้าพยุงข้าไปนอนที่เตียงหน่อยเถิด” 

 

 

อวี้อาเหราพยักหน้า 

 

 

เอนตัวลงนอนบนเตียง ระหว่างที่อวี้อาเหรายังคงอยู่ในอาการมึนงงอยู่นั้น นางก็ค่อยๆ จมเข้าสู่ห้วงนิทรา 

 

 

ในกลางดึก ทันใดนั้นก็มีเงาร่างร่างหนึ่งพุ่งเข้ามา เมื่อพิศมองอย่างละเอียด ก็เห็นว่าเป็นฉู่เกอนั่นเอง นางรีบวิ่งเข้ามาในห้อง แต่ถูกเมี่ยวอวี้ที่คุมกันอยู่หน้าประตูเห็นเข้า จึงเอ่ยถามอย่างแปลกใจ “ท่านหญิงน้อย ดึกถึงเพียงนี้แล้วยังไม่พักผ่อนอีกหรือ” 

 

 

“ยัง ข้ามีเรื่องด่วนที่ต้องการจะถามคุณหนูของเจ้า” ฉู่เกอขี้เกียจพูดให้มากความ ระหว่างที่พูดก็ดึงม่านไข่มุกออกไปด้วย 

 

 

เมี่ยวอวี้ชะงัก แล้วรีบเดินตามไปทันที “ท่านหญิงน้อย ช้าก่อนเจ้าค่ะ คุณหนูของบ่าวยังป่วยอยู่ วันนี้มีทั้งท่านหญิง เซิ่นซื่อจื่อ และยังองค์รัชทายาทรบกวนมาทั้งวัน เพิ่งจะได้นอนเมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อน หากท่านหญิงมีเรื่องอะไร ก็เอ่ยกับบ่าวเถิดเจ้าค่ะ” 

 

 

“พี่ชายของข้ามาจริงๆ หรือ” หูของฉู่เหอได้รับข่าวสำคัญ ทำเอาชะงักฝีเท้า 

 

 

“เจ้าค่ะ เมื่อองค์รัชทายาทเสด็จกลับ เซิ่นซื่อจื่อก็มาทันที เพิ่งกลับไปเมื่อตอนฟ้าเริ่มมืดนี้เอง เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ” เมี่ยวอวี้พยักหน้ารับรองอย่างจริงจัง เมื่อเห็นท่าทีร้อนรนของฉู่เกอ ในใจของนางก็เกิดกระวนกระวายขึ้นมา 

 

 

“คือว่า…” 

 

 

“ใครอยู่ด้านนอก เข้ามาสิ” 

 

 

ยามที่ฉู่เกอกำลังจะพูด อวี้อาเหราที่อยู่ด้านในก็ตื่นขึ้นเพราะเสียงโวยวายด้านนอก 

 

 

ฉู่เกอไม่อยู่เฉย ก้าวเข้าไปด้านใน “เป็นข้าเอง พี่เหราเอ๋อร์” 

 

 

“เจ้ามาทำไมอีก” อวี้อาเหราเปิดเปลือกตาขึ้นมองนางอย่างสำรวจตรวจตรา เมื่อครู่นี้สาวใช้ได้จุดเทียนสว่างแสบตาจนนางแทบจะลืมไม่ขึ้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำให้สายตาเคยคุ้นกับแสงสว่าง แล้วจึงมองฉู่เกออย่างเข้มงวด 

 

 

“ก่อนที่ฟ้าจะมืด ฉู่ฉู่ได้มาหาท่านที่นี่ครั้งหนึ่งใช่หรือไม่” ฉู่เกอรีบเอ่ยถามขึ้นมาทันที 

 

 

“ใช่” อวี้อาเหราตอบรับ จากนั้นก็เอ่ยถามอย่างสงสัย “หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากัน” 

 

 

“ตอนนี้ก็ผ่านมาหลายชั่วยามแล้ว ตั้งแต่เขาออกมาก็ยังไม่เห็นกลับไปเลย ตอนนี้เขาไร้ลมปราณเชิงยุทธ์ ยังไม่ได้พาพวกหานสือไปด้วย ร่างกายก็ยังป่วยอยู่…ข้ากลัวว่าเขาจะเกิดเรื่องขึ้น ดังนั้นจึงอยากจะมาดูว่าเขาอยู่ที่นี่หรือไม่” ฉู่เกอตอบมาอย่างเร่งร้อน 

 

 

ยังไม่กลับหรือ ถ้าอย่างนั้นเขาไปไหนกัน ในใจของอวี้อาเหรานึกสงสัยขึ้นมา 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 392 หาไม่พบ 

 

 

เมี่ยวอวี้ตอบ “ตอบท่านหญิงน้อย เมื่อครู่นี้หลังจากที่เซิ่นซื่อจื่อมาที่นี่เพื่อพูดคุยกับคุณหนูสักพักก็กลับไป ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่นี่เจ้าค่ะ” 

 

 

“ในเมื่อไม่ได้อยู่ที่นี่ แล้วเขาไปไหนกัน” ฉู่เกอกระวนกระวาย 

 

 

อวี้อาเหราเองก็นิ่งไป แต่ไหนแต่ไรมาฉู่ป๋ายไม่ใช่คนที่จะยอมให้ผู้อื่นมากังวลเรื่องของตัวเอง ตอนนี้ไม่เห็นเขาแม้แต่เงา จะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ แต่เขาเป็นอะไรไป ทำไมผ่านไปครึ่งค่อนคืนแล้วยังไม่กลับไปอีกเล่า 

 

 

“ท่านหญิงน้อย ลองไปหาที่อื่นก่อนดีหรือไม่ ไม่แน่เซิ่นซื่อจื่ออาจจะกลับไปแล้วก็ได้นะเจ้าคะ” เมี่ยวอวี้ลองเสนอความเห็น 

 

 

อวี้อาเหรารีบคล้อยตาม “ข้าจะออกไปตามหากับเจ้า” 

 

 

“คุณหนู ท่านอย่าไปเลย ตอนนี้ท่านยังไม่แข็งแรง ยิ่งตอนกลางคืนน้ำค้างลงแรง ไข้จะกลับเอานะเจ้าคะ” เมี่ยวอวี้ไม่เห็นด้วย เมื่อเห็นสีหน้าเป็นทุกข์ของนาง จึงจำต้องพูดต่อว่า “เอาอย่างนี้ดีกว่า ข้าจะส่งองครักษ์หญิงสองสามคนออกไปตามหาให้ทั่ว จวนเซิ่นอ๋องเองก็คงส่งคนออกตามหามากอยู่ แม้ท่านจะออกไปตามหาก็ไม่แน่ว่าจะพบ ซ้ำร้ายจะทำให้อาการไข้หนักขึ้น คอยฟังข่าวอยู่ในห้องดีกว่าเจ้าค่ะ” 

 

 

“ที่เมี่ยวอวี้พูดก็มีเหตุผล ตอนนี้สุขภาพของพี่เหราเอ๋อร์ไม่ค่อยดีนัก รอฟังข่าวอยู่ที่นี่ดีกว่า พี่ชายของข้าอาจจะมาหาท่านก็เป็นได้” ฉู่เกอพยักหน้าสนับสนุน 

 

 

“ก็ได้ พวกเจ้าระวังตัวหน่อยล่ะ” อวี้อาเหราจำต้องยอมทำตาม 

 

 

ในใจเกิดความกังวลราวกับคลื่นโหมซัด คิดไม่ออกว่าทำไมดึกถึงป่านนี้แล้วฉู่ป๋ายจึงยังไม่กลับอีก แม้แต่หานสือก็ยังไม่พาตัวไปด้วย อาจจะเกิดเรื่องขึ้นระหว่างทางที่กลับจวนเซิ่นอ๋อง หรือไม่เขาก็เพียงแวะไปที่ใดก่อนจึงยังไม่กลับก็เท่านั้น แต่นางก็ยังหวัง ว่าสุดท้าย ผลจะออกมาเป็นอย่างหลัง 

 

 

เมี่ยวอวี้เห็นนางทำสีหน้าเคร่งเครียด ก็ปลอบขึ้นมาว่า “คุณหนู อย่ากังวลใจไปแล้วเจ้าค่ะ เซิ่นซื่อจื่อมีวรยุทธ์แข็งแกร่ง แน่นอนว่าต่างจากคนอื่นทั่วไป คงจะไม่เป็นอะไรเป็นแน่” 

 

 

วรยุทธ์แข็งแกร่งหรือ แต่เป็นเพราะช่วยนาง เขาจึงสูญเสียลมปราณเชิงยุทธ์ไปเสียหมดแล้ว ไหนเลยจะมีกำลังปกป้องตัวเองได้เล่า 

 

 

เมื่อคิดเช่นนี้ ในใจของอวี้อาเหราก็ไม่อาจปล่อยผ่านเลย ก่อนหน้านี้ได้ยินจากหานสือมาว่าเพราะเหตุใดโรคกระหายโลหิตของเขากำเริบขึ้นมา นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดในใจมากยิ่งขึ้น ร่างกายของเขาไม่ได้ปลอดภัยเหมือนที่ตาเห็น แล้วยังพานพบความเสี่ยงมาตั้งมากมาย คนที่อยู่ในความมืดเหล่านั้นคงจะต้องลากเขาลงจากหลังม้าเป็นแน่ 

 

 

ยิ่งคิด ใจของนางก็ยิ่งเป็นกังวล แต่นางไม่สามารถออกไปไหนได้ จึงได้แต่นอนรอฟังข่าวอยู่บนเตียง 

 

 

ดึกถึงเพียงนี้แล้ว แต่นางกลับไม่ง่วงเลยสักนิด และเมื่อเมี่ยวอวี้เห็นนางนอนไม่หลับ จึงคอยยืนอยู่เป็นเพื่อน 

 

 

ฉู่ป๋ายหายตัวไป ใครเล่าจะนอนหลับลงได้ในสถานการณ์เช่นนี้ 

 

 

“คุณหนู” ยามนี้มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากภายนอก 

 

 

“สืบได้ความว่าอย่างไร” อวี้อาเหราส่งสายตามา จึงเห็นว่าเป็นองครักษ์สิบคนเดินเข้ามา 

 

 

ทั้งหมดหยุดอยู่ที่ภายนอกม่านไข่มุก หลังจากมองหน้ากันแล้ว ต้าเว่ยก็รายงาน “เรียนคุณหนู เรื่องทรัพย์สินส่วนตัวของอนุรองนั้น ไม่สามารถสืบได้ความอะไรขอรับ” 

 

 

“ไม่มีเลยหรือ” อวี้อาเหราไม่พอใจเล็กน้อย “พวกเจ้าเป็นองครักษ์ที่เสด็จพ่อทุ่มเทฝึกฝน ทำไมเพียงเรื่องทรัพย์สินของอนุเพียงคนเดียวจึงสืบไม่ได้” 

 

 

“คุณหนูโปรดอภัย บ่าวได้ตรวจสอบจนหมดแล้ว รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก ราวกับมีอำนาจอะไรบางอย่างคอยคุ้มครองนางอยู่ข้างหลัง ยามที่บ่าวคิดว่ากำลังจะสืบได้ความ ก็พบแต่เพียงความว่างเปล่า ดังนั้นตอนนี้จึงสืบอะไรไม่ได้ความเลยขอรับ” 

 

 

“อำนาจบางอย่างหรือ” ดวงตาของอวี้อาเหรานิ่งงัน ในใจเกิดพินิจขึ้นเงียบๆ  

 

 

เมื่อก่อน อนุรองเองก็เป็นนางกำนัลข้างกายของฮ่องเต้ แน่นอนว่าจะต้องมีพื้นเพความเป็นมาที่แข็งแกร่งอยู่บ้าง แต่เป็นอำนาจชนิดใดกันที่คุ้มครองนางอยู่ จนทำให้พวกของต้าเว่ยที่เป็นองครักษ์แนวหน้าสืบหาอะไรไม่พบทั้งๆ ที่เป็นเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้