ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาเลย!
เมื่อสักครู่นี้ยังลนลานอยู่เลย แต่ไม่นานก็สามารถสงบสติอารมณ์ได้
มากกว่าการสงบสติอารมณ์ก็คือ สมองยังไวอีกด้วย ระยะเวลาสั้นๆเพียงสิบกว่าวินาทีก็สามารถคิดเหตุผลที่ตนไม่มีไฝแดงออก อีกทั้งสาเหตุนี้ก็สมเหตุสมผลเป็นอย่างมาก ทำให้คนรู้สึกว่าไม่มีอะไรที่ผิดปกติ
คนที่เฉลียวฉลาดขนาดนี่ มายมิ้นท์กับทามทอยจะสามารถควบคุมหล่อนได้จริงเหรอ?
ต้องรู้ว่าหากคนเหล่านี้หักหลัง ผลที่ตามมาคงคาดไม่ถึงเป็นอย่างแน่!
ขณะที่คิด เปปเปอร์ก็ถือโทรศัพท์ออกมา เดินไปที่ลิฟต์พลางโทรศัพท์หาผู้ช่วยเหมันตร์
“ประธานเปปเปอร์”เสียงของผู้ช่วยเหมันตร์ลอดเข้ามา
เปปเปอร์เม้มริมฝีปากพลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า:“หาคนจับตาดูเจินเจิน ถ้ามีพฤติกรรมผิดปกติให้รีบแจ้งผมทันที”
เขาจะไม่ยอมให้คนแบบนี้ข่มขู่มายมิ้นท์เด็ดขาด
หากคนแบบนี้กล้ามีความคิดในสิ่งที่ไม่ควร เขาจะทำลายมันก่อนที่จะเกิดขึ้น
แม้ว่าผู้ช่วยเหมันตร์จะไม่รู้สาเหตุที่เปปเปอร์ทำเช่นนี้ แต่เขาก็พยักหน้ารับคำ“ผมทราบแล้วครับ ประธานเปปเปอร์ ยังมีอะไรให้ผมรับใช้อีกไหมครับ?”
“ไม่มีแล้ว”เปปเปอร์วางสายโทรศัพท์ลง
อีกทางด้านหนึ่ง มายมิ้นท์ขับรถมายังศาล
ราเม็งและลาเต้รอเธออยู่ที่หน้าประตูศาลแล้ว เมื่อเห็นเธอลงจากรถ ทั้งสองก็เดินเข้ามา
“พี่”
“ที่รัก!”
มายมิ้นท์ปิดประตูรถ“พวกคุณมานานเท่าไหร่แล้ว?”
“มาสักพักหนึ่งแล้ว แต่ว่ายังไม่ถึงเวลา ก็เลยยังไม่เข้าไป ทำได้เพียงรออยู่ข้างนอก”ราเม็งยื่นชานมให้กับเธอ
มายมิ้นท์รับชานมพลางพูดขึ้นว่า“ขอบคุณนะราเม็ง”
“ไม่ต้องเกรงใจ”ราเม็งยิ้มอย่างอ่อนโยน
ลาเต้ชี้ไปที่ฝั่งตรงข้าม“ที่รักนักข่าวพวกนั้นกำลังมองคุณอยู่”
มายมิ้นท์ดื่มชาพลางมองไปทางที่เขาชี้ มีนักข่าวกลุ่มหนึ่งกำลังถ่ายรูปของเธอ
เธอคิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะตำรวจติดอาวุธที่ประจำการอยู่นอกศาล นักข่าวพวกนี้ต้องกรูกันเข้ามาแล้ว
เพราะถึงยังไงการพิจารณาครั้งนี้ก็เกี่ยวข้องกับชะตากรรมของส้มเปรี้ยว นักข่าวพวกนี้ต่างต้องการทราบความรู้สึกของเธอในตอนนี้
“พี่ ไม่ต้องสนใจพวกเขา กระทบความรู้สึกเปล่าๆ”ราเม็งเหลือบมองกลุ่มนักข่าวเหล่านั้นอย่างเรียบเฉย
มายมิ้นท์ อึม หนึ่งที“แน่นอนว่าฉันคงไม่ใส่ใจพวกเขา แต่คุณต่างหาก คุณไม่กลัวเหรอว่าพวกเขาจะรู้ว่าคุณเป็นใคร?”
แม้ว่าเขาจะใส่หมวกและหน้ากาก แต่ความสูงของเขาและรูปร่างของเขาก็ดึงดูดผู้คนได้มากพอสมควร ขอแค่มองดูนานหน่อย ก็ต้องดูออกอย่างแน่นอน
ราเม็งยักไหล่“ดูออกก็ดูออกไปสิ ผมไม่แคร์”
“มันจะส่งผลต่อหน้าที่การงานของคุณนะ”มายมิ้นท์พูดขึ้น
แววตาของราเม็งขรึมลง“ไม่เป็นไร อาชีพนี้ ผมอาจจะไม่ได้ทำแล้ว”
“หมายความว่ายังไง?”มายมิ้นท์กับลาเต้ประสานสายตากันครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองมาที่เขา
“เจ้าหนุ่ม คุณคงจะไม่วางแผนที่จะลาออกจากวงการหรอกนะ?”ลาเต้วางมือไว้ที่ไหล่ของราเม็ง
ราเม็งไหล่สั่นและผลักมือของเขาออก พลางยิ้มให้กับมายมิ้นท์“มีความคิดนี้ แต่ว่ากำลังครุ่นคิดอยู่”
“ทำไมถึงได้มีความคิดแบบนี้ล่ะ?”มายมิ้นท์ขมวดคิ้ว“กลายเป็นนายแบบชั้นนำระดับโลกเป็นความฝันของคุณไม่ใช่เหรอ?ราเม็งเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
ไม่งั้นจะอธิบายยังไงว่า เขาอยากที่จะละทิ้งความฝันของตนเอง?
แววตาของราเม็งเป็นประกาย“เปล่า เพียงแค่รู้สึกเหนื่อย อยากพักผ่อนสักพักหนึ่ง”
“จริงเหรอ?”มายมิ้นท์หรี่ตา แสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ
ราเม็งยิ้มพลางโบกมือ“พอได้แล้วพี่ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ประตูเปิดแล้ว พวกเราเข้าไปเถอะ”
มายมิ้นท์หันศีรษะมองไปยังหน้าประตูศาลด้านหลัง พบว่าประตูเปิดออกแล้วจริงๆ จึงพยักหน้า“โอเค เข้าไปกันเถอะ”
ทั้งสามเข้าไปในศาล คนที่ได้รับคำสั่งจากศาลก็ค่อยๆ ทยอยเข้าไป
หลังจากเข้าไปไม่นาน เยี่ยมบุญสองสามีภรรยาก็มาถึง
มายมิ้นท์กับสองเยี่ยมบุญสองสามีภรรยาประสานสายตากัน มองดูสายตาของเยี่ยมบุญสองสามีภรรยาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและเย็นชา เธอไม่เพียงแต่ไม่กลัว แต่กลับยิ้มให้เขาแทน ทำให้เยี่ยมบุญสองสามีภรรยาโมโหไม่น้อย
การเปิดศาลพิจารณาคดีในครั้งนี้ ใช้วิธีการออกอากาศสด ซึ่งก็หมายความว่า ชาวเน็ตก็จะได้ชมอย่างแน่นอน
ไม่นาน ส้มเปรี้ยวก็ถูกนำตัวออกมา
หลายวันมานี้ เธอถูกคุมขังในสถานกักกัน ไม่ได้กินนอนหลับสบาย ประกอบกับความเครียดที่อยู่ในใจ ทำให้เธอผอมซูบไปหลายกิโล
หากไม่ได้เป็นเพราะผิวขาวของหล่อน มายมิ้นท์ก็คงคิดว่าตนเองได้พบเจินเจินเสียแล้ว
สรุปก็คือ ตอนนี้ส้มเปรี้ยวก็ดูเหมือนเจินเจินที่เพิ่งมาจากบ้านนอก ท่าทางขาดสารอาหาร เพียงลมพัดมาก็คงจะล้มลงแล้ว
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เห็นสภาพเช่นนี้ของส้มเปรี้ยว มือกุมริมฝีปากพลางร้องได้ออกมา
ช่วงเวลานี้แม้ว่าเยี่ยมบุญจะโกรธเกลียดส้มเปรี้ยวเป็นอย่างมาก แต่ว่าตอนนี้ก็เกลียดไม่ลงแล้ว ทำได้เพียงส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา
เพี้ยะ!
แม้ว่าผู้พิพากษาจะตีค้อนแล้วและการพิจารณาคดีเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
ที่จริงแล้วการเปิดศาลพิจารณาคดีในครั้งนี้ไม่ได้มีความหมายอะไรมากนัก เพราะหลักฐานที่ส้มเปรี้ยวทำร้ายมายมิ้นท์นั้นคนทั้งโลกก็ต่างได้เห็นแล้ว ดังนั้นการเปิดศาลพิจารณาคดีในครั้งนี้ ก็เป็นเพียงขั้นตอนขั้นตอนหนึ่งเท่านั้น
ลาเต้กำลังมองทนายของส้มเปรี้ยวที่กำลังโต้เถียงกับทนายของมายมิ้นท์ จู่ๆก็นึกถึงอะไรบางอย่าง พลางเอียงศีรษะและพูดขึ้นกับ มายมิ้นท์ว่า:“ที่รัก มีข่าวไม่ดีข่าวหนึ่ง ผมอยากจะบอกคุณ”
“อะไรเหรอ?”มายมิ้นท์มองไปที่เขา
ราเม็งรู้ประมาณหนึ่งว่าลาเต้กำลังจะพูดอะไร แววตาเย็นชา“สิ่งที่เขาจะพูดน่าจะเป็นคำพูดที่ทนายความได้พูดกับพวกเขาก่อนหน้านี้”
“เป็นเรื่องอะไรกันแน่?”มายมิ้นท์เห็นใบหน้าของเขาทั้งสองคนเคร่งขรึม จึงได้รู้สึกเคร่งเครียด
ลาเต้นวดที่หว่างคิ้ว“เป็นแบบนี้ ตอนที่คุณยังไม่มา ผมได้ถามทนายความของคุณ ทนายความของคุณบอกกับพวกเราว่า บทลงโทษของส้มเปรี้ยวอาจจะไม่เหมือนกับที่พวกเราคิดไว้ ที่ว่าหล่อนจะถูกจับเข้าคุกทันที สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือ อาจจะถูกควบคุมความประพฤติ ”
“ควบคุมความประพฤติ?”มายมิ้นท์บีบฝ่ามือแน่น เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับผลลัพธ์เท่าไหร่นัก
เธอต้องการให้ส้มเปรี้ยวถูกจับเข้าคุก ไม่ใช่เพียงแค่การถูกควบคุมความประพฤติ
แน่นอนว่าลาเต้ก็รู้ในจุดจุดนี้ดี ดังนั้นจึงพูดว่านี่ไม่ใช่ข่าวดี
“ใช่ ควบคุมความประพฤติ ทนายความบอกว่า การที่ส้มเปรี้ยวทำร้ายคุณนั้นเป็นความจริงก็จริง แต่ว่าคุณไม่ได้ถูกทำร้ายจริงๆ ดังนั้นสิ่งที่หล่อนจงใจทำร้าย จึงการเป็นเพียงการพยายามฆ่า แน่นอนว่าบทลงโทษจึงไม่หนักมากนัก”
“ในเมื่อมีเรื่องแบบนี้!”ใบหน้าของมายมิ้นท์โกรธจนแดงก่ำ
ลาเต้ถอนหายใจ“ใช่ครับ ทนายยังพูดอีกว่าแม้ว่าหล่อนจะใส่ร้ายคุณลับหลัง ผลก็ยังเป็นเช่นเดิม สาเหตุที่สำคัญที่สุดก็คือ ร่างกายของหล่อนในตอนนี้ หล่อนอาจถูกพิพากษาให้ดำเนินคดีนอกคุก และการถูกพิพากษาดำเนินคดีนอกคุกสุดท้ายแล้วก็จะกลายเป็นเพียงการควบคุมความประพฤติ ดังนั้นทนายความจึงพูดว่าสุดท้ายแล้วโทษของส้มเปรี้ยวก็คือการควบคุมความประพฤติ”
มายมิ้นท์กัดริมฝีปากแน่น ไม่พูดไม่จาออกมา
ควบคุมความประพฤติ?
เย้ยหยันมากเกินไปแล้ว!
ใจเธออยากผลักส้มเปรี้ยวเข้าคุกมาโดยตลอด เดิมทีคิดว่าครั้งนี้จะสามารถส่งส้มเปรี้ยวเข้าคุกได้สำเร็จ
แต่สุดท้ายกลับบอกกับเธอว่า ผลอาจเป็นเพียงการควบคุมความประพฤติ?
ยังมีผลลัพธ์อะไรที่แย่ไปกว่านี้ ที่ทำให้คนผิดหวังมากขนาดนี้ ?
ช่วงเวลานั้น ในใจของมายมิ้นท์รู้สึกหนักใจเป็นอย่างมาก ลมหายใจรอบตัวกดทับเป็นอย่างมาก
ลาเต้และราเม็งรู้ว่าทำไมเธอถึงเป็นเช่นนี้
ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขาก็ไม่พอใจเช่นเดียวกัน แต่ว่ากฎหมายของประเทศนั้นเป็นเช่นนี้ แม่คนหนึ่งฆ่าลูกของตนเองก็ติดคุกเพียงห้าปี ดังนั้นการพิจารณาคดีในบางครั้ง ก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบอย่างที่คิด
เมื่อเวลาผ่านไป การพิจารณาคดีสิ้นสุดลง
ผลการพิจารณาคดีของส้มเปรี้ยวออกมาแล้ว เป็นไปตามที่ทนายความได้บอกไว้แต่แรก คือการควบคุมความประพฤติห้าปี
ห้าปีมานี้ ส้มเปรี้ยวไม่สามารถไปจากเมืองเดอะซีได้ ยังจำเป็นต้องใส่กุญแจมือ และถูกตำรวจจับตาดูความประพฤติตลอดเวลา หากพบว่าส้มเปรี้ยวยังทำเรื่องเลวร้ายอีกก็จะถูกจับเข้าคุก
แต่ถ้าหากว่าส้มเปรี้ยวเป็นพลเมืองดี แน่นอนว่าคงไม่มีเรื่องอะไร หากกล้ายืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้องไม่แน่อาจถูกลดโทษ
นั้นก็หมายความว่า แม้ว่าส้มเปรี้ยวจะถูกกำกับดูแลตลอดเวลา แต่ว่าหล่อนก็ยังเป็นอิสระ เมื่อก่อนเคยใช้ชีวิตยังไง ต่อไปก็ใช่อย่างนั้น เพียงแต่ว่าอย่าทำเรื่องเลวร้ายก็เท่านั้น
ผลลัพธ์เช่นนี้ มายมิ้นท์ไม่สามารถยอมรับได้ อยากที่จะอุทธรณ์ แต่ถูกทนายความห้ามไว้