อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 483 นำไปผิดทางอีกแล้ว
จอมมารเอ่ยอย่างลำบากใจ “ทั้งๆที่ในแผนที่ก็เขียนว่าเป็นเส้นทางนี้ ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่ามันจะพาเราเดินวนอยู่อย่างนี้”

สีหน้าของกู้ชูหน่วนพูดไม่ออกรู้สึกหดหู่มาก

เขาพาพวกนางเดินวนไปมาราวกับเป็นคนโง่ เขายังจะทำหน้าลำบากใจอีก

ใครกันแน่ที่ควรลำบากใจ

“เอาอย่างนี้ เจ้าพาข้าลงเขาก่อน แค่ลงเขาเท่านั้น ข้าก็รู้เส้นทางแล้ว”

“พวกเราเดินวนอยู่ที่นี่หนึ่งวันหนึ่งคืน ก็เพื่อจะลงเขาเท่านั้นหรือ”

“ใช่แล้ว แน่นอนว่าต้องลงเขาก่อน ถ้าหากแม้แต่ลงเขายังลงไปไม่ได้ แล้วพวกเราจะไปหุบเขาตันหุยได้อย่างไร”

กู้ชูหน่วนคิดว่า นางจะถูกเขาทำให้โกรธตายอยู่แล้ว “เจ้าจะลงเขาทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก”

“เจ้าไม่ได้ถามข้านี่นา”

“ให้ตาย……เดินลงด้านล่างไปเรื่อยๆ ก็ลงจากเขาได้แล้วมิใช่หรือ ไหนเลยจะต้องมาเดินวนไปเวียนมาเช่นนี้”

จอมมารกระจ่างขึ้นมาทันที “ใช่แล้ว ทำไมข้าถึงคิดไม่ออก เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เดินตรงไปข้างหน้าเรื่อยๆ พวกเราจะลงจากเขา”

แม้แต่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ยังส่งสายตาดูแคลนให้กับจอมมาร

ด้วยสติปัญญาแค่นี้ ไม่รู้จริงๆว่าเขาเป็นถึงจอมมารได้อย่างไร

กู้ชูหน่วนกล้ำกลืนความโมโหไว้เต็มอก

เมื่อมั่นใจในเส้นทางแล้ว เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็พาพวกเขาลงเขาอย่างรวดเร็ว

กู้ชูหน่วนถามว่า “ตอนนี้ก็ลงเขาแล้ว ต่อไปพวกเราจะไปทางไหน”

“ไปทางนี้ ทิศตะวันออกเฉียงใต้”จอมมารชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง

กู้ชูหน่วนกุมขมับ “นั่นมันทิศตะวันตกเฉียงเหนือ”

“จริงหรือ เช่นนั้นข้าก็จำผิด น่าจะเป็นทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ”

“เจ้าบอกกับข้าเองมิใช่หรือ ที่หุบเขาตันหุย เขียวชอุ่มอยู่ตลอดปี อยู่ท่ามกลางภูเขาสูงมิใช่หรือ ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือมีแต่ทะเลทราย ไม่มีต้นไม้ที่เขียวชอุ่มเลยสักนิด”

“เช่นนั้นก็น่าจะเป็นทางนี้ ทิศตะวันออกเฉียงใต้”

ถ้าหากอดไม่ได้จะตบหน้าเขาสักฉาด เพื่อทำให้เขามีสติขึ้นมา

“ไปทางไหนกันแน่ ซือโม่เฟย ล้อข้าเล่นสนุกนักหรือ”

จอมมารหน้าเสีย เอ่ยอย่างน้อยใจว่า “พี่สาว ไม่เคยมีใครกล้าดุข้าเช่นนี้มาก่อน เจ้าเป็นคนแรก”

“……”

ไม่ได้ดุเท่านั้น นางยังอยากจะสั่งสอนเขาด้วย

“ก็ได้ก็ได้ เจ้าอย่าโกรธเลย เดินไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งนี้ไม่ผิดแน่นอน ”

“ทิศตะวันออกตะวันตก หรือทิศตะวันออกเฉียงใต้”

“ทิศตะวันออกเฉียงใต้”

“แล้วเมื่อครู่เจ้าบอกว่าตะวันออกตะวันตก”

“จริงหรือ ที่ข้าพูดคือทิศตะวันออกเฉียงใต้ตลอดนี่นา”

“……”

กู้ชูหน่วนเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “ถ้าหากเจ้าพาไปผิดทางอีก หลังจากนี้ก็ไม่ต้องตามข้าไปไหนอีก”

“รู้แล้ว”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ออกตัวเสียงดังฟิ้ว ไปยังทิศทางที่จอมมารชี้ให้ด้วยความเร็วราวกับสายลม

จอมมารจู่ๆก็ชี้ไปทางด้านนี้ จู่ๆก็ชี้ไปทางด้านนั้น วนเวียนไปมาท่ามกลางภูเขาลูกแล้วลูกเล่า

ทำเอากู้ชูหน่วนรู้สึกเวียนหัว

ในความคลุมเครือไม่มั่นใจ นางรู้สึกภูเขาหลายลูกพวกเขาเคยผ่านมาแล้วลูกหลายรอบ

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็ถูกชี้นำจนมึนงงไปหมด มันอยากจะรีบพาเจ้านายไปยังหุบเขาตันหุย แต่จอมมารเอาแต่ชี้ทิศทางอย่างมั่วซั่ว ทำให้มันเสียพลังไปหมด หอบหายใจแรง

แล้วก็ผ่านไปอีกหนึ่งวันหนึ่งคืน พวกเขายังคงวนเวียนอยู่ในหุบเขาที่สลับซับซ้อน

ไฟโทสะของกู้ชูหน่วนพวยพุ่งขึ้นเรื่อยๆ

สุดท้ายก็ระเบิดออกมาอย่างรุนแรง

“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ หยุดเดี๋ยวนี้”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์หยุดลงอย่างเชื่อฟัง หอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า เห็นได้ชัดว่าเหนื่อยแทบขาดใจ

“ซือโม่เฟย ที่นี่คือที่ไหน”

“ทางไปหุบเขาตันหุยอย่างไรเล่า”

“หุบเขาตันหุยอยู่ที่ไหน”

“เรื่องนี้……ก็อยู่ในภูเขาไง”

“เสียเวลาไปสองวันสองคืนเต็มๆ เจ้าพาข้าวนเวียนอยู่ในป่ามาสองวันสองคืนแล้ว ข้าขอถามหน่อย ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนจึงจะไปถึงหุบเขาตันหุย”

ห่างจากคืนเดือนเต็มของเดือนหน้า เหลือเวลาแค่เก้าวันเท่านั้น

เวลายิ่งกระชั้นชิด นางก็ยิ่งร้อนใจ

นางไม่กลัวคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจดุจเทพ แต่กลัวเพื่อนร่วมกลุ่มที่โง่เหมือนหมู

“เพราะเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ช้าเกินไป เรื่องนี้จะโทษข้าไม่ได้”

“เจ้าดูเจ้าทำให้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เหนื่อยจนมีสภาพเช่นนี้ ทั้งวันทั้งคืน มันใช้พลังทั้งหมดที่มี เจ้ายังโทษมันอีก”

จอมมารมองไปตามสายตาของกู้ชูหน่วน ก็เห็นว่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์นั้นดูเหน็ดเหนื่อยมาก หอบหายใจแรง มองเขาด้วยสายตาน้อยใจ

มันเหนื่อยจนแม้แต่เคลื่อนไหวเพียงนิดเดียวก็ลำบากมาก

เอ่อ……

คือ……

เอาเถอะ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์นั้นพยายามสุดความสามารถแล้วจริงๆ ตลอดทางมันไม่ได้ลดความเร็วลงเลย เอาแต่ใช้ความเร็วสูงสุดมุ่งตรงไปข้างหน้า

มองดูเทือกเขาที่เรียงตัวกันต่อเนื่องอย่างไม่สิ้นสุด จอมมารได้แต่ยอมรับผิดเหมือนเด็กที่ทำผิด

“ข้า……หลงทาง……”

กู้ชูหน่วนโมโหจนต้องกุมขมับไม่หยุด

นางรู้อยู่แล้ว ซือโม่เฟยเชื่อใจไม่ได้

ต้องโทษที่นางกระหายความสำเร็จมากเกินไป ถึงกับเชื่อคนที่ไม่น่าเชื่อถือคนนี้เข้า

“พี่สาว แล้วตอนนี้พวกเราจะไปต่ออย่างไร”

“แผนที่ของหุบเขาตันหุยเจ้ายังจำได้มากแค่ไหน วาดออกมา ข้าจะหาทางเอง”

“คือว่า……แผนที่ของหุบเขาตันหุยซับซ้อนเกินไป พอข้าร้อนใจ ก็ลืมไปหมดแล้ว”

สีหน้าของกู้ชูหน่วนดำคล้ำไม่น่าดู

“พูดเช่นนี้ แสดงว่าเจ้าไม่รู้อะไรเลย แต่ชี้ให้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์พาพวกเราวิ่งไปเรื่อยเปื่อยตามใจ พาข้าวนเวียนไปมาอย่างนั้นหรือ ”

“คือว่า……ข้าก็อยากจะศึกษาลักษณะพื้นที่ บางทีอาจจะจำขึ้นมาได้บ้าง แต่ว่าภูเขาพวกนี้วกวนจนข้าก็เวียนหัวแล้ว”

“ไป ไสหัวไป”

กู้ชูหน่วนโมโหจนต้องเอ่ยออกมาอย่างหยาบคาย

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็ทำเสียงขู่ฟ่อ ดวงตากลมโตของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จ้องมองเขาอย่างไม่เป็นมิตร

จอมมารซึมลงทันที

เขาทำให้แผนที่เลือนรางไม่ชัดเจน ได้แต่คิดจะชดเชยความผิดอย่างจริงจังเท่านั้น

แม้ว่าเขาจะพาหลงทางไปชั่วขณะ พี่สาวก็ไม่เห็นต้องโมโหมากขนาดนี้นี่นา

“ฟ่อๆๆ……”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ให้กู้ชูหน่วนลงมา มันจะพานางลงจากเขาก่อน

ท้องฟ้ามืดแล้ว ตอนนี้ยากที่จะแยกแยะว่าทิศไหนเป็นทิศไหน บวกกับไม่ได้กินไม่ได้ดื่มอะไรมาเป็นเวลาสองวันสองคืนเต็มๆ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เหนื่อยมากจริงๆ

กู้ชูหน่วนถอนหายใจ

“ช่างมันเถอะ พักผ่อนกันก่อน ข้าจะไปล่าสัตว์ ให้เจ้าได้อิ่มท้อง”

พอได้ยินว่ามีของกินอร่อย เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันที ล้อมรอบตัวกู้ชูหน่วนหมุนไปมาไม่หยุด  

ดวงตาของจอมมารสว่างขึ้น “ล่าสัตว์ ล่าสัตว์ป่า ข้าเองข้าไปเอง”

จอมมารสะบัดแขนเสื้อที่กว้างขวาง ที่ไกลออกไปมีเสียงร้องดังขึ้น จากนั้นมือขวาของเขาทำท่าดูด ก็ดูดเอาไก่ป่า และนกเข้ามาหาไม่น้อย

จอมมารถือนกไก่ป่าและนกไว้เต็มมือ เอ่ยอย่างประจบว่า “พี่สาว ข้ารู้ว่าข้าไม่ควรพาหลงทาง เจ้าอย่างโกรธอีกเลย ข้าจะย่างไก่ป่าให้เจ้ากิน”

“……”

สายตาของจอมมารแฝงแววสำนึกผิดมากพอๆกับสิ่งที่เขาพูดออกมา พูดอย่างรู้สึกน้อยใจแค่ไหนก็ดูน้อยใจมากเท่านั้น

กู้ชูหน่วนมีแต่ความโกรธอยู่เต็มอก

แต่เมื่อคิดว่าเขาที่เป็นถึงจอมมาร เพื่อนางแล้ว ไม่เพียงแต่จะเอาตัวเองมาเสี่ยงภัย ไม่สนใจกฎระเบียบของบรรพบุรุษเข้าไปยังสถานที่ต้องห้าม นำกุญแจรูปดาวมามอบให้นาง ยังพานางมาค้นหาเส้นทางที่จะไปยังหุบเขาตันหุยด้วย

แม้ว่าจะนำทางผิดไป แต่เขาก็ช่วยเหลืออยู่สองวันสองคืน

เขาที่เป็นถึงจอมมาร ไม่จำเป็นต้องมาลำบากเช่นนี้ และไม่จำเป็นต้องพานางไปยังหุบเขาตันหุยด้วย แต่เขาก็ยังทำอย่างเต็มอกเต็มใจ

ความโกรธของกู้ชูหน่วนก็สลายหายไปบางส่วน

“ช่างเถอะ เจ้าไปย่างเถอะ”

“พี่สาววางใจได้ ข้าจะทำไก่ย่างที่หอมและอร่อยที่สุด”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์คัดค้านอย่างลำบากใจ

“เจ้านาย ไก่ย่างนกย่างไม่กี่ตัว เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กินไม่อิ่ม”

กู้ชูหน่วนหาสถานที่ที่ดูน่าสบายนั่งลง เอ่ยอย่างรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้างว่า “อดทนไปก่อน ประเดี๋ยวข้าจะให้ซือโม่เฟยไปล่าหมูป่ามาให้”

“ข้าจะเอาสิบตัว”

“ประเดี๋ยวให้เขาไปล่า”

“จอมมารย่างเป็นหรือ”

“น่าจะเป็นกระมัง”