ไม่ว่าจะแผนกไหนก็ตาม ทุกคนที่มีตำแหน่งสูงๆในค่ายต่างถูกเรียกมากลางดึกกันหมด แต่ละคนถูกลากออกมาด้วยสภาพชุดนอน หัวยุ่ง หน้าตางัวเงีย…
ทุกคนที่ถูกเรียกมามีความใกล้ชิดกับการพัฒนาของค่ายเขี้ยวหมาป่าทั้งนั้น ทุกคนได้รับเอกสารที่อัดแน่นไปด้วยข้อมูลแน่นปึกกันหมด ไม่มีใครรู้ว่าชูฮันเกิดบ้าอะไรขึ้นมากลางดึกแบบนี้หากทุกคนก็ต้องทำตามคำสั่ง จำเนื้อหาทั้งหมดให้ได้แล้วไปย่อยข้อมูลตีความเอาเองทีหลัง ซึ่งข้อมูลที่ทุกคนได้คือการพัฒนาเกี่ยวกับแต่ละแผนกในอีกหกเดือนข้างหน้านั่นเอง!
และแน่นอนว่าชูฮันจากไปแล้วหลังจากเรียกทุกคนมาครบ เช้าวันถัดมาเมื่อแสงอาทิตย์สาดส่อง ชูฮันก็ไม่ได้อยู่ในค่ายเขี้ยวหมาป่าอีกต่อไป
สองวันต่อมา หลูอี๋ที่กำลังหลับอยู่ลืมตาตื่น จู่ๆก็รู้สึกประหลาดใจขณะเตรียมพร้อมจะกำลังบิดตัวคลายความเมื่อย แขนที่กำลังจะบิดหยุดชะงักทันที หลูอี๋กำลังตะลึงค้างกับภาพที่ได้เห็นตรงหน้า
ภายในห้องนอนของหลูอี๋มืดสลัว มันมีโต๊ะยาวตรงหน้าเขา ร่างกายถูกมัดไปทั้งตัว
นี้มันที่ไหน?
นี้มันไม่ใช่ห้องนอนเขา!
ท่ามกลางความกลัวที่ผุดขึ้นในใจของหลูอี๋ มันก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากมุมห้อง “เฮ้ย! ตื่นแล้วเหรอ?”
หลูอี๋นิ่งค้าง เขาตกใจมากที่ได้เห็นคนหลายคนที่ปรากฏตรงหน้า ทุกคนส่งยิ้มกว้างมาให้เขา แววตาเป็นประกายวาวอย่างถูกใจ
หลูอี๋รีบถามทันที “พวกแกอยากได้อะไร เงินใช่มั้ย?”
“ไม่ต้องรีบร้อน!” หลิวยู่ติงดึงเก้าอี้ตัวหนึ่งออกมานั่งตรงหน้าหลูอี๋ “ไม่สงสัยหน่อยเหรอว่าเราเป็นใคร?”
“ใคร?” หลูอี๋พยายามบังคับตัวเองให้นิ่ง ทั้งๆที่ความจริงเขากลัวอย่างมาก หัวใจเต้นรัว เขาล้มเลิกความพยายามที่จะดิ้นรนจากเชือกที่มัดไว้แล้วเพราะเขารู้ว่าเขาไม่มีสามารถผ่านคนมากมายที่เฝ้าอยู่ในห้องไปได้ ดูจากที่คนพวกนี้สามารถพาตัวเขาออกมาจากค่ายเจียนอี๋ที่มีเจ้าหน้าคุ้มกันรักษาอย่างแน่นหนาแถมเขาไม่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเลย มันก็ชัดเจนแล้วว่าคนพวกนี้มีฝีมือมากไหน หลูอี๋รู้สึกกลัวกับพลังของคนพวกนี้
“ไม่รู้จักฉันเหรอ? ที่จริงเราเคยเจอกันมาก่อนแล้วเมื่อตอนที่พวกเราสามร้อยคนมาที่ค่ายของคุณในฐานะแขกไง”
หลิวยู่จิงยิ้มและชี้ไปที่ซูเฟิงที่มุมห้อง “จำฉันไม่ได้มันเป็นเรื่องปกติ แต่จำเขาไม่ได้เหรอไง?”
หลูอี๋มองตามมือของหลิวยู่ติงไป ความทรงจำในหัวก็เริ่มย้อนกลับเข้าไปนี้มันวิวัฒนาการระยะ 6 ที่ทำให้ลูกน้องของเขานิ่งกันหมดแค่มันปล่อยพลังผันผวนออกมาใช่มั้ย?
“คนของชูฮัน!” หลูอี๋ที่จำได้แล้ว ความโกรธปะทุขึ้นมาสุมอก
“หึหึ!” หลิวยู่ติงหัวเราะ “งั้นฉันจะแนะนำตัวฉันก่อนละกัน ฉันชื่อหลิวยู่ติง เป็นหัวหน้าแผนกกฏระเบียบทหารของค่ายเขี้ยวหมาป่า ค่ายเจียนอี๋ของคุณอยู่ในขอบเขตพื้นที่อำนาจของค่ายเขี้ยวหมาป่า แสดงว่าฉันมีอำนาจเหนือคุณ คุณน่าจะรู้ความผิดของตัวเองดีใช่มั้ย?”
“เหอะ!” หน้าของหลูอี๋แดงก่ำอย่างโมโหจัด เขาตะคอกเสียงใส่ “ไอ้ชูฮัน ปล่อยฉันออกไป! อย่ามาแอบหลบข้างหลัง ไอ้ขี้ขลาด!”
“ท่านหัวหน้าไม่ได้อยู่ที่นี่!” หลิวยู่ติงตะตอกกลับอย่างไม่พอใจ “ท่านไปไกลจากเมืองอันลูแล้ว”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น หลูอี๋ก็ชะงักกึกทันที ความกลัวเริ่มกลับมาอีกครั้ง หากเขาก็ยังคงอวดดีแล้วก็ต่อปากต่อคำต่อ “ถ้าไอ้ชูฮันไม่อยู่นี่ แล้วพวกแกจะจับฉันมาทำไม?!”
“ฟู่ ~” เมื่อได้ยินคำพูดของหลูอี๋ หลูเหวินเฉิงก็พ่นน้ำออกจากปากอย่างตกใจ
หลิวยู่ติงเองก็ไม่คิดว่าหลูอี๋จะกล้าพูดจาแบบนี้ถึงหัวหน้าชูฮัน เขากระพริบตาปริบๆ “หลูอี๋ คุณโดนท่านหัวหน้าวางกับดักหลอกไปตั้งเยอะ โกรธสินะ?”
สีหน้าของหลูอี๋เปลี่ยนเป็นดำคล้ำราวกับก้นหม้อ ความเงียบภายในห้องเกิดขึ้น ขณะที่หลูอี๋กำลังคิดถึงเรื่องที่ผ่านมา ทั้งเรื่องเหลียงชูซิน แล้วก็ชูฮันหลอกเขา แล้วไหนจะเข้าหน้าที่ที่ถูกส่งมาจากซางจิง…
“หยุด!” กูเหลียงเฉินลุกขึ้นยืนเพื่อห้ามสถานการณ์ เขาปรายตามองไปที่หลูอี๋เงียบๆ ยิ้มบางๆก่อนจะพูดขึ้น “คุณก็เห็นสถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้ดี ฉันจะพูดตรบงๆ คุณมีสองทางเลือก ตายหรือสัญญาว่าจะทำตามเงื่อนไขของเรา”
สีหน้าของยิ่งคล้ำเข้าไปอีก ความโมโหและเคียดแค้นสุมแน่นอยู่ในอก!
แต่สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็คือ…
“นี่มันสุดยอด แม้แต่คำพูดทุกคำยังตรงกันหมด!” หยวนหมินที่พึ่งมาถึงพร้อมกำกับกระดาษในมือ ท่าทางตื่นเต้นและประหลาดใจ “หัวหน้าชูฮันรั้นเกินไป ถูกเดาทางได้ง่ายๆ ไอ้ผู้ชายที่ชื่อหลูอี๋นั้น หัวหน้ารู้ได้ยังไงว่ามันจะทำอะไรบ้าง มันตรงตามที่หัวหน้าบอกไว้หมดเลย ดูนี่สิ!”
“แน่นอน” เฉินช่าวเย่ตอบพร้อมยิ้มกว้าง “หัวหน้าไม่เคยทำผิดพลาด”
หลูอี๋ที่ได้ยินบทสนทนาก็อึ้งค้างนี้มันอะไรกัน?!
“ไม่ทันแล้วละ มันเปล่าประโยชน์ คุณก็ได้ยินแล้ว มันไม่สำคัญว่าคุณจะใช้วิธีการอะไร พวกเรามีหนทางรับมือไว้หมดแล้ว” กูเหลียงเฉินยิ้ม “การเคลื่อนไหวทุกทางของคุณ แม้แต่วิธีการคิด ทุกอย่างถูกหัวหน้าชูฮันคาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าหมดแล้ว แม้ท่านจะไม่อยู่ที่นี้ แต่ก็ทิ้งข้อมูลไว้ให้พวกเรา คุณคงไม่อยากทำให้เราเสียเวลาหรอกใช่มั้ย?”
หลูอี๋ตะลึงค้างกับสิ่งที่ได้รู้ ลำคอแห้งผากอย่างพูดอะไรไม่ออก ความกลัวที่เจอวันนี้มันมากเกินไปกว่าที่เขาจะรับได้ มันน่าตกใจเกินกว่าจะปรับตัวทำความเข้าใจได้ทัน สมองว่างเปล่าอย่างคิดอะไรไม่ออก
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ หลูอี๋ก็เปิดปากพูด “เงื่อนไขอะไร?”
“ดูนี่” หลูเหวินเฉิงหยิบเอกสารออกมาวางลงตรงหน้าหลูอี๋ทันที
จากนั้นซูเฟิงก็หยิบตราตำแหน่งของหลูอี๋ออกมาประทับตราตรงเอกสาทันที
หลูอี๋ช็อคค้าง เขาไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็น นี่มันตราตำแหน่งของเขา เขาซ่อนมันไว้ในตู้เซฟอย่างดีแล้ว มันมาอยู่นี่ได้ยังไง?!
“บอกฉันมาสิว่าเงื่อนไขมันคืออะไร! พวกแกไม่แม้แต่จะให้โอกาสฉันได้เจรจาเลยสินะ?” หลูอี๋ที่หมดหนทางทำอะไรไม่ได้นอกจากแหกปากอย่างโมโห
“จะเจรจาทำไมละ? ถึงอย่างไร ถ้าคุณไม่ตกลง เราก็แค่ฆ่าคุณ!” หลิวยู่ติงตบไหล่หลูอี๋เบาๆ
“แกเขียนอะไรลงไปในนั้นให้ฉัน!” หลูอี๋แทบจะหมดสติ “มันเป็นสัญญาที่เอาเปรียบฉันใช่มั้ย?”
ตอนนั้นซูเฟิงส่งเอกสารให้หลูอี๋อ่าน ท่าทางดูสุภาพหากมันแฝงไปด้วยท่าทางข่มขู่อย่างชัดเจน “ขอโทษทีฉันเป็นคนเปิดตู้เซฟของคุณเอง ฉันเป็นคนจน ฉันยังติดเงินหัวหน้าชูฮันหมื่นเหรียญล่มสลาย ต้องขอโทษทีที่ต้องทำแบบนี้”
หลูอี๋ “…”
ตู้เซฟของหลูอี๋นั้นทำมาจากวัสดุพิเศษที่ไม่สามารถเปิดได้ง่ายๆ