ฟังรู้ว่าเสียงของมายมิ้นท์อ่อนล้า คำพูดที่เดิมทีเปปเปอร์ต้องการพูดก็กลืนกลับเข้าไปจนหมด พลางถามขึ้นด้วยความร้อนใจว่า:“มายมิ้นท์ คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ”มายมิ้นท์ปิดตาลง น้ำเสียงยิ่งอ่อนลงมากขึ้นเรื่อยๆ
สีหน้าของเปปเปอร์ขรึมลง
น้ำเสียงอ่อนล้าถึงขนาดนี้แล้ว ยังจะบอกว่าไม่เป็นอะไรอีกเหรอ?
“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?”เปปเปอร์รีบถามขึ้น
ครั้งนี้มายมิ้นท์ไม่ได้ตอบกลับ โทรศัพท์หล่นลงจากมือ พลางร่วงหล่นบนพรมเสียงแหลมดังเพี้ยะ
ส่วนเธอนั้น กลับหัวเอียง ราวกับนอนหลับแล้ว
เปปเปอร์ได้ยินเสียงโทรศัพท์ร่วงลงมา ใจนั้นหนักอึ้ง จึงตะโกนเรียกชื่อออกมาสองคำว่ามายมิ้นท์
แต่ว่ามายมิ้นท์กลับไม่มีการตอบสนองกลับ
เปปเปอร์คาดเดาว่ามายมิ้นท์อาจจะเกิดเรื่อง เขาจึงวางสายลงอย่างประหม่า แล้วรีบเดินออกจากห้องทำงาน ไปยังแผนกเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัย
“เพื่อตรวจสอบว่าสัญญาณของหมายเลขโทรศัพท์นี้ว่าอยู่ที่ไหน”เปปเปอร์ยื่นโทรศัพท์ให้กับโปรแกรมเมอร์ พลางออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว
โปรแกรมเมอร์คนนี้เคยเจอประธานบริษัทที่ไหนกัน เมื่อเห็นออร่าของประธานบริษัทก็ตกใจเป็นอย่างมาก พลางรับโทรศัพท์มาอย่างตัวสั่น
ไม่กี่นาทีต่อมา โปรแกรมเมอร์ปุ่มเอ็นเทอร์พลางพูดขึ้นว่า:“เปป……ประธานเปปเปอร์ สัญญาณสุดท้ายของหมายเลขนี้อยู่ที่คอนโดพราวฟ้า”
คอนโดพราวฟ้า!
เมื่อทราบที่อยู่ของมายมิ้นท์ สีหน้าของเปปเปอร์ก็ดีขึ้นเล็กน้อย เขานำโทรศัพท์กลับมา ทิ้งประโยคที่บอกว่าจะให้โบนัสสองเท่าไว้ จากนั้นก็ไปจากแผนกเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัย
อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา เปปเปอร์ก็มาถึงยังหน้าประตูข้างนอกของคอนโดมายมิ้นท์ คนที่ตามมาข้างหลังคือช่างปลดล็อกประตู
เพราะว่ามายมิ้นท์ไม่แม้แต่จะวางสายและไร้ความเคลื่อนไหว เป็นไปได้มากว่าเธอจะเป็นลมสลบไป ในเมื่อเป็นลมสลบไปแล้ว แน่นอนว่าคงไม่สามารถออกมาเปิดประตูได้
“เปิดประตู”เปปเปอร์ให้ช่างปลดล็อกประตู รีบเปิดประตูออก
หลังจากที่ช่างปลดล็อกประตูรับคำแล้ว ก็รีบหยิบอุปกรณ์ออกมาแล้วเริ่มเปิดประตู
ไม่นาน รหัสประตูก็คลายออก
เปปเปอร์หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา หยิบธนบัตรสีแดงออกมาโยนใส่ในอ้อมกอดของช่าง จากนั้นก็รีบเข้าไปในคอนโด ช่างอยากจะบอกว่าเงินมากเกินไปแต่ก็บอกไม่ทัน
แต่ว่าสุดท้าย ช่างก็ยังคงรับเงินไว้ด้วยความดีอกดีใจแล้วจากไป
และอยากให้มีลูกค้ากระเป๋าหนักแบบนี้เยอะๆ
ภายในคอนโด เมื่อเปปเปอร์เข้าไป ก็มองเห็นมายมิ้นท์นอนสลบอยู่บนโซฟา
เขาก้าวขาสามก้าวก็มาถึงบริเวณหน้าโซฟา เขานั่งงองๆพลางเขย่าตัวเธอเล็กน้อย“มายมิ้นท์ ตื่น ตื่น!”
มายมิ้นท์ไม่มีการตอบสนองกลับ
เปปเปอร์ยื่นมือไปแตะที่หน้าผากของเธอ พบว่าเธอไม่มีไข้ อีกทั้งดูจากท่าทางของเธอแล้วก็ไม่เหมือนกับคนนอนหลับ
ในเมื่อไม่ใช่นอนหลับ และก็ไม่ใช่เป็นลมสลบเพราะมีไข้สูง เห็นได้ชัดว่าน่าจะเกิดจากสาเหตุอื่น
เปปเปอร์ไม่ได้ครุ่นคิดถึงสาเหตุมากนัก เขาอุ้มมายมิ้นท์ไว้ในอ้อมกอดแล้วออกจากคอนโดทันที
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ประจวบเหมาะกับที่การันต์เพิ่งส่งคนไข้คนหนึ่งออกจากลิฟต์ ก็เห็นเปปเปอร์อุ้มมายมิ้นท์อยู่ด้านหน้าลิฟต์ใบหน้าสงสัย จึงรีบถามขึ้นว่า:“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”
“ไม่ทราบเหมือนกัน เธอเป็นลมสลบไป”เปปเปอร์ก้มหน้ามองไปยังมายมิ้นท์ ใบหน้าไม่อาจปกปิดความร้อนใจและเป็นกังวลได้“รีบช่วยเธอเร็ว!”
“เตียงผู้ป่วย!”การันต์มองไปยังพยาบาลที่อยู่เบื้องหน้าพลางตะโกนออกไป
เตียงผู้ป่วยมาแล้วค่ะ เปปเปอร์วางมายมิ้นท์ลงบนเตียง
พยาบาลคนหนึ่งก็ขึ้นไป คร่อมลำตัวมายมิ้นท์ เพื่อทำการตรวจเช็กอย่างง่าย ส่วนบุคลากรทางการแพทย์ที่เหลือ ก็ลากเตียงมุ่งตรงไปยังห้องฉุกเฉิน
เปปเปอร์ก็ตามไปข้างๆ สายตาจับจ้องอยู่ที่มายมิ้นท์ กระทั่งถึงประตูทางเข้าห้องฉุกเฉิน
ในขณะเดียวกัน ภายในห้องพักผู้ป่วยวีไอพี คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ หิ้วกระติกเก็บความร้อนเข้าไปด้วย มองส้มเปรี้ยวที่ไร้ซึ่งการตอบสนอง ก้มหน้านั่งอยู่บนเตียง หล่อนวางกระติกเก็บความร้อนลงพลางพูดขึ้นว่า:“ส้มเปรี้ยว แม่จะบอกข่าวดีลูกข่าวหนึ่งดีไหม?”
ส้มเปรี้ยวก็ยังคงไม่มีการตอบสนองกลับ ราวกับหุ่นที่ไร้ซึ่งวิญญาณ ไร้ซึ่งอารมณ์ต่าง
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ทั้งรู้สึกสงสารและรู้สึกโกรธ
สงสารลูกสาวของตนที่ต้องกลายเป็นแบบนี้ หลังจากที่ออกมาจากศาล ก็ไม่พูดไม่จาเลยแม้แต่คำเดียว นั่งอยู่แบบนั้นมาโดยตลอด กระทั่งหล่อนสงสัยว่าลูกสาวของหล่อนเป็นโรคซึมเศร้าหรือโรคออทิซึมหรือเปล่า
แต่ว่าไม่ว่าจะใช่หรือไม่ใช่ ที่ส้มเปรี้ยวเป็นแบบนี้ก็เพราะมายมิ้นท์เป็นสาเหตุ หล่อนโมโหมากเพราะถึงยังไงมายมิ้นท์ก็ไม่ได้เป็นอะไร แต่ส้มเปรี้ยวกลับกลายเป็นแบบนี้!
แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่ต้องเองเห็น ในใจของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ก็รู้สึกดีไม่น้อย บางทีหากพูดออกมา ความรู้สึกของส้มเปรี้ยวก็อาจจะดีขึ้นก็ได้
ขณะที่คิดคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ก็คว้าส้มเปรี้ยวมาอยู่ในอ้อมกอด พลางพูดขึ้นอย่างมีความสุขว่า:“ส้มเปรี้ยว เมื่อกี้นี้ตอนที่แม่กลับมาจากข้างนอก เห็นมายมิ้นท์ถูกนำตัวส่งห้องฉุกเฉินด้วยนะ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ในที่สุดส้มเปรี้ยวก็มีการตอบสนองกลับ ร่างกายขยับเล็กน้อย
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ดีใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา “ดีจังเลย ในที่สุดส้มเปรี้ยวก็ขยับแล้ว ลูกทำให้แม่ต้องตกใจจริงๆเลย”
“แม่……มายมิ้นท์เป็นอะไรเหรอคะ?”ส้มเปรี้ยวเงยหน้ามองไปยังคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ เอ่ยปากพลางพูดขึ้น
แต่เสียงนั้นกลับแหบเป็นพิเศษ ราวกับไม่ได้พูดอะไรออกมา
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ยิ่งดีใจขึ้นไปอีก
ส้มเปรี้ยวสามารถพูดได้ แสดงว่าคงไม่ได้เป็นโรคออทิซึม ถ้าเป็นเช่นนั้นหล่อนก็วางใจ
“แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหล่อนเป็นอะไรกันแน่ แม่เห็นเพียงหล่อนถูกลากเข้าห้องฉุกเฉิน หากถูกเข้าไปรักษาตัวในห้องฉุกเฉิน นั้นก็หมายความว่าอาการค่อนข้างรุนแรง ไม่แน่อาจจะเป็นเพราะเธอไม่สามารถยอมรับได้ที่เห็นลูกถูกควบคุมความประพฤติ ดังนั้นก็เลยถูกกระตุ้นจนกลายเป็นแบบนี้ ถ้าจะให้แม่พูดนะ สนน้ำหน้าเธอ มันเป็นกรรมตามสนอง ใครใช้ให้เธอไม่ยอมให้อภัยล่ะ ”คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เบะปากพูดขึ้นอย่างนิสัยเสีย ไร้ซึ่งความสง่างามเหมือนผู้หญิงชั้นสูง และเหมือนพิศมัยเป็นอย่างมาก
บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเอสซีกรุ๊ปตกต่ำแล้ว จึงทำให้ท่าทีอันสูงส่งของเธอ ค่อยๆจางหายไปเช่นเดียวกัน
“เหรอคะ?”หลังจากส้มเปรี้ยวฟังคำพูดของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ สีหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก ดูไม่ออกเลยว่าดีใจหรือเสียใจ
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์มองดูหล่อน รู้สึกว่าตั้งแต่ที่หล่อนออกมาจากสถานกักกันหล่อนนั้นเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ยากที่คาดเดาความคิดหล่อนได้
……
นอกห้องฉุกเฉิน เปปเปอร์รอเกือบหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกเปิดออก
เขารีบลุกขึ้น แล้วเดินไปหาการันต์“มายมิ้นท์เป็นยังไงบ้าง?”
การันต์ถอดหน้ากากออก สู้หน้าไม่สู้ดีนัก
ใจของเปปเปอร์ดิ่งลงต่ำ กำหมัดแน่น “มายมิ้นท์เป็นอะไรกันแน่?”
“เธอได้รับพิษ!”การันต์ตอบกลับ
“อะไรนะ?ได้รับพิษ?”เปปเปอร์ตะลึงงัน จากนั้นคว้าคอเสื้อของเขาแน่นพลางถามขึ้น“เธอจะได้รับพิษได้ยังไง?เป็นพิษอะไร?”
เดิมทีเขาคิดว่ามายมิ้นท์ป่วยไม่สบายเป็นอะไร
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าผลลัพธ์จะแย่กว่าที่เขาคิดไว้ กลับกลายเป็นได้รับพิษ !
“เธอได้รับสารเคมีเป็นพิษชนิดหนึ่ง น่าจะเป็นการกินเข้าไป พิษนั้นไม่ได้ทำร้ายร่างกายเธอหนักมาก เพียงแต่ว่าช่วงนี้ร่างกายของเธออ่อนแอ แต่ ……”การันต์หยุดชะงัก
เปปเปอร์กัดฟันแน่น“แต่อะไร?”
เดิมทีเมื่อได้ยินการันต์พูดว่า พิษชนิดนี้ไม่ได้ทำร้ายร่างกายของมายมิ้นท์มากนัก เขาก็คลายความกังวลลงเล็กน้อย
แต่กลับบอกเขาว่า แต่ว่า!
อีกทั้งท่าทีของการันต์ก็ดูเคร่งเครียด คำว่าแต่ว่านี้ คงไม่ดีแน่
การันต์ขยับแว่นตาครู่หนึ่ง พลางมองไปยังเปปเปอร์และตอบกลับว่า:“แต่ว่าพิษชนิดนี้ มีผลต่อชีวิตของลูกในท้องเธอ หากดีหน่อยอาจทำให้ลูกในท้องเธอมีพัฒนาการผิดปกติ รุนแรงหน่อยก็จะทำให้ ทารกตายในครรภ์!”
“อะไรนะ?”จู่ๆเปปเปอร์ก็หดสายตาลง
พัฒนาการผิดปกติ ทารกตายในครรภ์……
“ดังนั้นพิษนี้ จงใจทำร้ายลูกในท้องของมายมิ้นท์โดยเฉพาะ?”สีหน้าเย็นชาของเปปเปอร์มองไปยังการันต์
การันต์พยักหน้า“ใช่ครับ ไม่ได้ทำร้ายแม่ แต่มีผลต่อลูกในท้อง ดังนั้น จากคำตอบจะเห็นได้ว่าคำวางยาต้องการกำจัดเด็กในท้องของมายมิ้นท์ ไม่ได้ต้องการทำร้ายมายมิ้นท์ อีกทั้งการตรวจสอบเมื่อสักครู่นี้พบว่าเด็กในท้องของมายมิ้นท์ เริ่มมีอาการผิดปกติแล้ว ซึ่งก็หมายความว่ายาพิษนี้เธอกินมาระยะหนึ่งแล้ว อย่างน้อยก็ครึ่งเดือนแล้ว”
ในใจของเปปเปอร์โมโหเป็นอย่างมาก กำหมัดแน่นส่งเสียงดังแกลบ ลมหายใจทั่วร่างกายยิ่งเย็นยะเยือก
ใคร?
ใครกันแน่ที่เป็นคนทำร้ายลูกของเขา?