บทที่ 485 ถูกไล่ออกจากหมู่บ้าน

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 485 ถูกไล่ออกจากหมู่บ้าน
หญิงสาวคายสิ่งที่อยู่ในปากดังถุยอยู่หลายที นางไม่รู้ว่าบ้วนปากไปแล้วตั้งกี่รอบ แต่ก็ยังรู้สึกถึงกลิ่นของขี้ไก่อยู่ดี

โตมาจนป่านนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่นางกินขี้ไก่

ดวงซวยจริงๆเลย

จอมมารมองไก่ย่างที่ถูกโยนทิ้งไว้บนพื้น สีหน้าไม่น่าดูสักนิด”ทำไมจึงได้น่าคลื่นไส้อย่างนี้ ทำไมไก่จึงมีขี้ไก่”

แหะ……

ขอเพียงเป็นสิ่งที่มีชีวิต ตัวไหนบ้างที่ไม่ขี้

จอมมารยังคงยืนยันหนักแน่น “เมื่อก่อนเสวียซาให้ข้ากินไก่ ก็ไม่มีขี้ไก่นี่นา”

“เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ นั่นมันถูกพ่อครัวจัดการทำความสะอาดก่อนแล้ว ย่อมไม่มีขี้แน่นอน”

“น่าคลื่นไส้จริงๆ วันหน้าข้าจะไม่กินไก่อีกแล้ว”

“……”

เขาเพิ่งจะรู้สึกคลื่นไส้ตอนนี้หรือ

นางรู้สึกคลื่นไส้กว่า ชีวิตนี้เพิ่งกินขี้ไก่ครั้งแรก

น่าอายเสียจนอยากจะมุดดินหนี

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ตบที่หน้าอกเล็กๆของตนอย่างรู้สึกกลัว

ยังดียังดี ยังดีที่เมื่อครู่มันฉลาด ไม่กินไก่ย่างไหม้ๆตัวนั้น ไม่เช่นนั้นมันก็คงได้กินขี้ไก่เช่นกัน

เดิมทีกู้ชูหน่วนนั้นรู้สึกหิว แต่พอเจอเรื่องนี้เข้า เขาไม่รู้สึกอยากอาหารเลยสักนิด ยิ่งไม่อยากจะย่างเนื้อหมูป่าให้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กินด้วย

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์โกรธจอมมารอย่างเงียบๆอยู่ในใจ

ตลอดทั้งคืน จอมมารทำท่าทีราวกับเด็กที่ทำผิด กู้ชูหน่วนเดินหนึ่งก้าว เขาก็ก้าวตามหนึ่งก้าว

ที่นี่รายล้อมด้วยภูเขา กู้ชูหน่วนเดินไปทางตะวันออกที่พระอาทิตย์ขึ้น เดินลงเขาตามทิศทางนั้น เดินอยู่ครึ่งค่อนวันก็ออกจากภูเขาไม่ได้ แต่กลับเหนื่อยจนหายใจหอบ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เหนื่อยเกินไปหรือไม่ เอาแต่นอนหลับตลอดทาง ไม่ว่ากู้ชูหน่วนจะร้องเรียกอย่างไรก็ไม่เคลื่อนไหว

จอมมารเอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “พี่สาว เจ้าเหนื่อยแล้วกระมัง เอาอย่างนี้ ข้าจะใช้วิชาตัวเบาพาเจ้าลงไป”

“ไม่ต้อง เจ้าอยู่ห่างจากข้าหน่อย”กู้ชูหน่วนพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“พี่สาว เจ้าอย่าโกรธเลย ข้าย่างไก่ครั้งแรก ยังมีประสบการณ์ไม่มากพอ ครั้งหน้าข้าก็รู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร”

ยังมีครั้งหน้าอีกหรือ

ตอนนี้นางก็แทบอยากจะตัดขาดความเกี่ยวข้องกับเขาแล้ว

“พี่สาว นี่เป็นผลไม้ป่าที่ข้าเก็บจากบนภูเขา หวานมาก เจ้าชิมดู”

“ไม่มีอารมณ์กิน”

นางเกรงว่าจะกินถูกพิษจนตาย

เดินต่อจนถึงตอนเย็น ก็ยังหาทางออกไม่พบ

ในขณะที่กู้ชูหน่วนกำลังหงุดหงิดมาก จอมมารก็พูดขึ้นอย่างกะทันหัน “พี่สาว ที่นั่นเหมือนจะมีหมู่บ้านอยู่ พวกเราลองไปถามเส้นทางกันดู”

กู้ชูหน่วนเขย่งปลายเท้าขึ้น ใช้วิชาตัวเบามุ่งไปทางสถานที่ที่มีควันไฟพวยพุ่งอยู่

ในที่สุด……

พวกเขามาถึงหน้าหมู่บ้าน

หน้าหมู่บ้านมีป้ายหินวางอยู่ก้อนหนึ่ง หมู่บ้านหิมะ

ในหมู่บ้านผู้คนขวักไขว่ ผู้หญิงซักผ้าทอผ้า ผู้ชายทำไร่ทำนา คนแก่จับกลุ่มคุยเล่นกัน เด็กๆต่างก็รวมตัวกันเล่นอย่างสนุกสนาน

กู้ชูหน่วนพูดว่า “เจ้ารอข้าอยู่นอกหมู่บ้านก็พอ”

พอนางเข้าไปในหมู่บ้าน ทุกคนต่างก็มองมาที่นางอย่างพร้อมเพรียงกัน ราวกับว่าคนในหมู่บ้านได้พบปะคนแปลกหน้ามานานแล้ว

กู้ชูหน่วนเผยรอยยิ้มที่อบอุ่นออกมา “ท่านผู้เฒ่า ข้าหลงทางในป่า ขอถามได้หรือไม่ จะเดินลงเขาได้อย่างไร ”

“หลงทางหรือ ที่นี่มันป่าลึกรกร้าง เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร”ชาวบ้านต่างก็รู้สึกระแวงอยู่หลายส่วน

บรรพบุรุษพาพวกเขามาหลบซ่อนอาศัยอยู่ที่นี่ ก็เพราะไม่อยากจะติดต่อกับโลกภายนอก

หลายปีมานี้ก็ไม่เคยมีคนนอกมาที่นี่เลย

“เดิมทีอยากจะไปเยี่ยมญาติคนหนึ่งที่อยู่ในหุบเขาลึก แต่ว่าป่าของที่นี่เหมือนกันหมด เดินไปเดินมาก็หลงทางซะแล้ว ข้าเดินวนอยู่แถวนี้มาหลายวันแล้ว ยังหาทางเดินลงจากเขาไม่ได้ ขอวท่านผู้เฒ่าเมตตาทำความดีสักครั้ง ชี้แนะให้หน่อยเถอะ”

นางหน้าตาเรียบร้อย ดวงหน้าสวยงาม และเป็นหญิงสาวที่ดูอ่อนแอคนหนึ่ง และนางดูไม่มีเจตนาร้ายอะไรเลย มีแต่เพียงความร้อนใจเท่านั้น

หัวใจที่บีบแน่นของชาวบ้านจึงผ่อนคลายลง

“แม่นาง จากตรงนี้เดินตรงไปเรื่อยๆก็สามารถลงจากเขาได้ เพียงแต่ระยะทางไกลอยู่บ้าง ถ้าไม่ใช้เวลาสิบวันถึงครึ่งเดือน เกรงว่าจะลงจากเขาไม่ได้”

“หา ……สิบวันถึงครึ่งเดือน”

กู้ชูหน่วนตาค้างทันที

ตอนที่พวกเขาเข้ามา ก็ไม่ได้ใช้เวลานานขนาดนั้นนี่นา