ตอนที่ 385 ดี๊ด๊า / ตอนที่ 386 เป็นแบบนี้ไปแล้ว

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 385 ดี๊ด๊า

 

 

ตั้งแต่เหยียนเค่อรู้ว่าหลี่หมิงฉวีบังเอิญเจอกับซย่าเสี่ยวมั่วแล้ว ก็ส่งบอดี้การ์ดห้าคนมาคอยคุ้มกันรอบๆ ห้องพักผู้ป่วย กลัวว่าแขกที่ไม่ได้รับเชิญจะเข้ามารบกวนซย่าเสี่ยวมั่ว

 

 

ทุกครั้งที่ฉินซื่อหลานเข้ามาก็จะถูกบอดี้การ์ดหลายคนนั้นใช้สายตาแปลกๆ มองสำรวจ

 

 

หลายวันมานี้ซย่าเสี่ยวมั่วไม่ได้ออกจากห้องพักผู้ป่วยเลย และไม่รู้ว่าข้างนอกมีคนคอยเฝ้าอยู่ กำลังคิดว่าจะสารภาพกับคุณแม่ซย่าอย่างไรถึงจะไม่ให้เกิดสงครามในครอบครัวได้

 

 

“นี่ เธอไม่ลองพิจารณาเหยียนเค่อดูหน่อยเหรอ”

 

 

ฉินซื่อหลานได้ยินสวีอันหรานเล่าเรื่องเมื่อก่อนให้ฟัง ในฐานะเพื่อน พวกเขาก็หวังว่าทุกคนจะเจอคู่ครองของตัวเอง

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องนี้อีกทำไม และเธอก็รู้สึกได้ว่าคนรอบกายต่างก็อยากให้เธอกับ

 

 

เหยียนเค่อเป็นคู่กัน แต่ความจริงเป็นอย่างไรก็มีแต่พวกเขาเท่านั้นที่รู้ ความรู้สึกแบบนี้มันช่างฝืนทน อย่างน้อยเธอก็รู้สึกแย่เอามากๆ

 

 

ฉินซื่อหลานก็พูดอะไรมากไม่ได้ ความจริงพวกเขาก็พูดไปหมดแล้ว เพียงแต่คนหนึ่งแกล้งโง่ส่วนอีกคนก็ไม่แสดงออก พวกเขารู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้น เหยียนเค่อยังไม่มีคำอธิบายที่แน่ชัดให้กับเรื่องของสวีอิ๋งอิ๋งได้เลย

 

 

“ฉันคิดว่า…” ซย่าเสี่ยวมั่ววาดไปได้ครึ่งหนึ่งก็ชะงักไป และก็ไม่รู้ว่าตัวเองคิดจะทำอะไร

 

 

“เธอไม่ต้องคิดแล้ว” คิดจะเล่นอะไรแผลงๆ อีกล่ะทีนี้ ฉินซื่อหลานล่ะยอมใจเลย ให้คนข้างล่างช่วยเอาเอกสารของที่ซย่าเสี่ยวมั่วต้องการไปส่งให้

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วไม่พูดอะไร ดินสอลากลายเส้นพลิ้วไหว วาดเป็นโครงสร้างของเรือนผนังสีขาวกระเบื้องหลังคาสีดำ และต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวขจี

 

 

เหยียนเค่อเองก็เพิ่งรู้มาจากสวีรั่วชีเหมือนกันว่าวันนี้ซย่าเสี่ยวมั่วอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก

 

 

“นายไปทำอะไรให้เขาโมโห”

 

 

“เขาไม่ทำให้ฉันโมโหก็เป็นบุญแล้วนะ” เหยียนเค่อหยิบถ้วยชาแล้วเดินออกไปรับลมที่ระเบียง

 

 

สวีรั่วชีเอ่ยอย่างเข้าใจ “อ้อ มิน่าเขาถึงอารมณ์ไม่ดี คงทำให้นายโมโหมาล่ะสิท่า”

 

 

“เขาอารมณ์ไม่ดีเหรอ” เหยียนเค่อไม่รู้ว่าทำไมสวีรั่วชีถึงพูดแบบนี้ “ทุกครั้งที่เขาทำให้ฉันโมโหก็มีความสุขจะตายนี่ จะอารมณ์ไม่ดีได้ยังไง”

 

 

“ไม่รู้สิ ฉันโทรหาเขา แต่เสียงไม่ได้ดูหงุดหงิดธรรมดานะ หงุดหงิดแบบเหยียนเค่อเลย” สวีรั่วชีล้อเล่น

 

 

เหยียนเค่อยิ้ม “เขาล้มเข่ากระแทก พูดเสียงแย่ใส่เธอก็ปกตินี่”

 

 

สวีรั่วชียังไม่รู้ว่าซย่าเสี่ยวมั่วเข้าโรงพยาบาล ได้ยินเช่นนี้ก็ไม่ยอมแพ้ “เกี่ยวอะไรกับฉัน แบบนี้มันพาลชัดๆ”

 

 

สวีอันหรานแย่งโทรศัพท์จากมือสวีรั่วชีมา กะว่าจะคุยกับเหยียนเค่อเสียหน่อย แต่ก็โดนสวีรั่วชีตีเข้าที่ไหล่อย่างจัง เจอแฟนเก่าแล้วก็ดี๊ด๊าเชียวนะ

 

 

เหยียนเค่อกำลังจะวางสายอยู่แล้วก็ได้ยินเสียงสวีอันหรานตะโกนเรียกชื่อตัวเองอย่างร้อนรนขึ้นเสียก่อน สองผัวเมียเถียงกันไปมา เขาปวดหัวจนต้องคลึงหัวคิ้ว “ทำไม”

 

 

“มีเวลาหรือเปล่า ฉันจะไปหานายที่บริษัท”

 

 

สวีรั่วชีจิ้มไหล่เขา คิดจะทำอะไรลับหลังเธออีก

 

 

“อืม” เหยียนเค่อยังไม่ได้เข้าไปที่บริษัท ได้ยินเช่นนี้แล้วงั้นก็เข้าบริษัทสักหน่อยแล้วกัน

 

 

“ได้ งั้นเดี๋ยวฉันไปหานายตอนนี้เลย” สวีอันหรานมีเรื่องจะปรึกษากับเหยียนเค่อ ก็ไม่สนใจสายตาสืบเสาะของสวีรั่วชี เมื่อวางสายแล้วก็เตรียมตัวออกจากบ้านทันที

 

 

สวีรั่วชีรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นมือที่สามที่เข้าไปแทรกกลางระหว่างเหยียนเค่อกับสวีอันหรานอย่างไรอย่างนั้น

 

 

สวีอันหรานที่กำลังใส่รองเท้าอยู่แผ่นหลังชาวาบ หันกลับไปมองสวีรั่วชีที่นั่งกอดอกแล้วมองมาที่ตนก่อนจะยิ้ม “ฉันมีเรื่องด่วนจะคุยกับเหยียนเค่อ ไปก่อนนะ”

 

 

“พี่แต่งงานกับฉันเพื่อบังหน้าเรื่องของพี่กับเหยียนเค่อใช่ไหม” สวีรั่วชียิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้

 

 

“คิดบ้าอะไรเนี่ย” สวีอันหรานยื่นมือไปลูบหัวเธอ “หรือว่าฉันรักเธอไม่มากพอ”

 

 

แค่ประโยคธรรมดาประโยคหนึ่ง แต่สวีรั่วชีฟังแล้วกลับรู้สึกแปลกๆ

 

 

“หุบปาก รีบไสหัวไปเลย” สวีรั่วชีเขยิบตัวห่างจากเขา ยกมือจัดผมปิดบังใบหน้าแดงซ่านจากความเขินอายของตัวเอง

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 386 เป็นแบบนี้ไปแล้ว

 

 

ผ่านไปหลายวันกว่าสวีอันหรานจะนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องต้องคุยกับเหยียนเค่อ ถ้าสวีรั่วชีไม่โทรหา

 

 

เหยียนเค่อเสียก่อน ก็คงต้องผ่านไปอีกสองสามวันกว่าเขาจะนึกเรื่องนี้ขึ้นได้

 

 

สวีรั่วชีอยู่บ้านคนเดียวก็เบื่อ จึงขอที่อยู่มาจากฉินซื่อหลานและมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลทันที

 

 

สวีรั่วชีที่ตอนแรกยังวางมาดโอหังอยู่ เมื่อเห็นชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ที่ยืนอยู่หน้าห้องซย่าเสี่ยวมั่วเข้ามาขวางไว้ เธอก็มึนงงไปในทันที

 

 

“ฉันมาหาซย่าเสี่ยวมั่ว”

 

 

ชายร่างใหญ่สองคนนั้นไม่สนใจเธอ ยืนขวางประตูต่อไป

 

 

“รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร”

 

 

ชายร่างใหญ่สองคนพยักหน้าในใจ ก็ภรรยาประธานสวีไง แต่ประธานเหยียนสั่งว่าห้ามให้ใครเข้าไปเด็ดขาด

 

 

สวีรั่วชีมองชายสองคนนั้นที่ยืนนิ่งไม่ขยับ ก็โทรหาฉินซื่อหลานอย่างรู้สึกพ่ายแพ้

 

 

“หน้าประตูนี่มันอะไรกัน”

 

 

“ฉันว่าจะบอกเธออยู่ ว่าถึงเธอมาก็อาจจะเข้าไปไม่ได้ กลับไปเถอะ” ตอนนี้ฉินซื่อหลานกำลังยุ่งอยู่เช่นกัน ไม่มีเวลาว่างพาสวีรั่วชีเข้าไป

 

 

“จะไม่ยุ่งกับฉันอีกเลยงั้นเหรอ” สวีรั่วชีไม่รู้ว่าซย่าเสี่ยวมั่วคิดจะทำอะไร จ้างบอดี้การ์ดมาเพราะเป็นห่วงชีวิตงั้นเหรอ?

 

 

ฉินซื่อหลานกำลังวุ่นกับการส่งเอกสาร ไม่มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงกับเธอ “เหยียนเค่อเป็นคนส่งมา เธอเข้าไปไม่ได้หรอก ฉันไปทำงานก่อนนะ เธอกลับไปเถอะ”

 

 

สวีรั่วชีไม่ได้แตะแม้กระทั่งบานประตู ต่อไปถ้าซย่าเสี่ยวมั่วแต่งงานกับเหยียนเค่อ เธอคงไม่ได้แม้แต่จะโทรไปหาซย่าเสี่ยวมั่วเลยใช่ไหมเนี่ย

 

 

ตอนสวีอันหรานไปถึงห้องทำงาน เหยียนเค่อยังมาไม่ถึง แต่เขากลับได้เจอคนที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของตน

 

 

“สวัสดีค่ะท่านประธานสวี” เบลล์ที่เพิ่งเซ็นสัญญาเสร็จเดินออกมาจากห้องรับรองแขก

 

 

สองสามวันมานี้เธออยู่แต่กับเหยียนเฟิง รอจนผลออกมาแล้วจึงจะเข้ามาเซ็นสัญญา

 

 

“สวัสดีครับ” ที่สวีอันหรานเข้ามาหาเหยียนเค่อ มีสาเหตุหนึ่งก็คือเรื่องเบลล์ ในเมื่อเรื่องราวกลายเป็นแบบนี้ไปแล้วเขาก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก “ตั้งใจทำงานล่ะ”

 

 

“ค่ะ” เบลล์ยิ้มบางให้เขาแล้วหลีกทางให้เขาก่อน รอจนสวีอันหรานเดินจากไปแล้วจึงจะค่อยๆ เดินออกไปบ้าง

 

 

ผู้หญิงคนนี้ไม่เลวเลยจริงๆ น่าจะเป็นอีกครั้งที่เหยียนเค่อชนะในการเดิมพัน สวีอันหรานตั้งใจฟังเสียงรองเท้าส้นสูงดังกระทบพื้นเบาๆ ที่ดังมาจากทางด้านหลัง ก่อนจะหมุนตัวเลี้ยวไปอีกทาง

 

 

“นายอยู่ไหน” สวีอันหรานเดินเข้าห้องทำงานมาก็ไม่เห็นใคร มองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นร่องรอยว่า

 

 

เหยียนเค่อเคยเข้ามา

 

 

“ฉันยังไม่ได้เข้าบริษัท” เหยียนเค่อเพิ่งขึ้นรถ “นายรีบร้อนมาหาฉันขนาดนี้ มีอะไร”

 

 

“นายรีบมาเลย ถ้านายไม่มีบริษัทฉันก็ไม่บอกนายหรอก” สวีอันหรานตำหนิ ให้ตนรีบถ่อมาแต่เขายังมาไม่ถึงเสียอย่างนั้น

 

 

แต่ก็คงไม่ได้มีเรื่องดีอะไรหรอก เหยียนเค่อครางรับ “ฉันจะรีบไป”

 

 

สวีอันหรานนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเก้าอี้ของเหยียนเค่อ พลิกปฏิทินบนโต๊ะดู เขาจำได้ว่าเมื่อก่อนปฏิทินเล่มนี้เอามาวางประดับโต๊ะเท่านั้น แต่ตอนนี้ด้านบนกลับมีวงกลมขีดเขียนไว้ด้วย

 

 

เขาเจอช่วงเวลาอยู่หลายอัน แต่ไม่รู้ว่ามีความหมายว่าอะไร ดูแล้วน่าสนใจพอตัว

 

 

พนักงานของ YAN เห็นเจ้านายของตนเดินเข้าประตูบริษัทมาก็ตกใจไม่น้อย

 

 

“บอสให้เซอร์วิสพวกเราหรือเปล่าเนี่ย บอสเดินเข้าโถงใหญ่ของบริษัทแทบนับครั้งได้เลยใช่ไหม!” พนักงาน A ตื่นเต้นดีใจจนแทบจะเป็นลมล้มพับไป

 

 

“ว้าว ฉันชอบผู้ชายที่เดินแล้วดูดีจัง มาดดีหุ่นเลิศ หน้าตาก็หล่อ!” พนักงาน B จับมือของพนักงาน A แน่น ทั้งสองคนหน้าแนบกระจกมองคนที่เดินเนิบนาบอยู่ด้านนอก

 

 

เหยียนเค่อจอดรถที่หน้าประตูใหญ่ คิดว่าพอเจอสวีอันหรานแล้วจะกลับออกไปทันที จึงเดินเข้าไปทางประตูใหญ่ เขาไม่สนใจสายตาของคนอื่นที่มองมา แต่สายตาพวกนี้ก็ร้อนแรงไปหน่อยนะ