ตอนที่ 1535 ขาดสะบั้นเพียงผสานขึ้นใหม่

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1535 ขาดสะบั้นเพียงผสานขึ้นใหม่ โดย Ink Stone_Fantasy

ทั้งประมุขและเหล่าพี่น้องของเขาต่างสบตากัน ยามนี้ไม่แน่ใจเลยว่าจะเป็นอย่างไร

ไฉนต้องใช้กาละมังด้วย?

“เจ้าสาม เด็กนี่กำลังทำบ้าอะไรกันแน่?”

ประมุขกระซิบถามเสียงเบา

ในเวลานี้เย่หยวนกำลังจับชีพจรของหัวหน้าสองอย่างเงียบงัน

หัวหน้าสามจับจ้องเจือสายตามึนงง เขากล่าวว่า

“แล้วข้าจะไปรู้ได้อย่างไร? หากรู้คงช่วยพี่สองได้นานแล้ว!”

บัดซบ! เจ้าน้องนี่มันก็ไม่รู้เหมือนกันนี่หว่า!

นี่หายนะแล้วกระมัง!

ดวงตาของประมุขเบิกโตแทบถลนออก เขากล่าวขึ้นว่า

“เด็กนี่ดูไม่น่าไว้ใจยิ่ง แล้วเจ้าไปความมั่นใจจากไหนยืนกรานให้เด็กนี่ลองดู?”

หัวหน้าสามกล่าวตอบ

“เมื่อครู่ตอนที่ข้าแลกหมัดกับเด็กนี่ ข้าเอง…ยังเกือบพลาดท่า!”

สายตาการจับจ้องของประมุขแปรเปลี่ยนไปในทันที ก่อนเผยสีหน้าสุดตื่นตะลึงยิ่ง

อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นต้นสามารถทำให้น้องสามพลาดท่าได้?

ไม่ว่าแปลกใจเลยที่น้องสามจะบอกว่า เด็กคนนี้ผิดแปลก!

หัวหน้าสามกล่าวต่อว่า

“การที่เจ้าเด็กนี่ทรงพลังตั้งแต่อายุยังน้อย ข้าสันนิษฐานว่า ภูมิหลังของเขาไม่น่าจะธรรมดาแน่นอน บางที…เขาอาจมีเคล็ดวิชาลับช่วยชีวิตพี่สองได้จริงๆ!”

ประมุขจับจ้องไปที่เย่หยวนยามนี้ชะงักฝีปากหยุดพูดในทันที

ไม่นานกะละมังที่เต็มไปด้วยน้ำสะอาดก็ถูกนำเข้ามา

เย่หยวนึค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างแช่มช้า และตรงมาที่กะละมังทันที

เห็นเพียงเย่หยวนใช้มือข้างหนึ่งร่ายตราผนึกขึ้นเป็นวงซับซ้อน พร้อมเทสมุนไพรวิญญาณเหล่านั้นลงในกะละมัง

ฝ่ามือเย่หยวนเร่งความเร็วเพิ่มแรงสั่นสะเทือนเป็นเท่าตัว จนสมุนไพรวิญญาณเหล่านั้นสลายเป็นผุยผง หลอมรวมกันเป็นกองผงสมุนไพรวิญญาณ

ประมุขเหลียวศีรษะเอ่ยถามเย่หยวนเล็กน้อยว่า

“เอ่อ…น้องชาย ท่านปรมาจารย์อู๋เฟินกล่าวว่า เส้นลมปราณที่เชื่อมต่อกับหัวใจน้องสาวถูกตัดขาดแล้ว เขา…เขาจะรอดจริงๆรึ?”

ทุกคนต่างทราบดีว่า การที่เส้นลมปราณหัวใจถูกตัดขาดมันหมายความอย่างไร

ต่อให้เป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้า แต่ถูกตัดเส้นลมปราณบริเวณหัวใจทิ้งไป ก็ไม่มีทางรอดได้เลย

ความเสียหายระดับนี้ไม่สามารถรักษาให้หายได้

ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่อู๋เฟินกล่าวว่า ตนก็หมดปัญญาช่วยเช่นกัน

เย่หยวนเหลือบมองอีกฝ่ายแวบหนึ่งพร้อมกล่าวว่า

“หากถูกตัด ก็แค่เชื่อมผสานกลับคืน”

“เชื่อม…เชื่อมผสานกลับคืน? หากเส้นลมปราณบริเวณหัวใจถูกตัดขาด…มันสามารถเชื่อมกลับคืนได้ด้วยงั้นรึ?”

ประมุขไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ายังมีวิธีรักษาที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้อยู่ด้วย

ขณะที่เย่หยวนเอ่ยกล่าว เขาก็นำมือทั้งสองจุ่มลงในกาละมัง ทันทีทันใดผงสมุนไพรวิญญาณเหล่านี้ก็ดูดติดมือทันที

เย่หยวนเดินตรงเข้าไปทางเตียง พร้อมใช้สองมือกดลงบริเวณกลางอกของหัวหน้าสองโดยตรง

พลังปราณเทวะขุมใหญ่สั่น กระเพื่อมสองฝ่ามือสว่างวาบ

ทันทีทันใด กลุ่มไอหมอกหนาพลันพวยพุ่งออกมาจากฝ่ามือตามกันมา

ไม่นานเย่หยวนก็เดินกลับไปที่กะละมังและทำอย่างเดิมซ้ำไปมา

“นี่…นี่เขากำลังทำอะไรกันแน่?”

“มิอาจทราบได้เลย! ไม่เคยเห็นวิธีรักษาเช่นนี้มาก่อนเลย! ไม่…มิใช่ว่าจำต้องหลอมโอสถให้พี่สองกินหรอกรึ?”

“เด็กคนนั้นคงมิใช่ว่าหลอกพวกเรากระมัง?”

“เพียงกรอกเทพลังปราณพร้อมผงสมุนไพรวิญญาณก็สามารถช่วยชีวิตพี่สองได้แล้วจริงๆรึ?”

เหล่าพี่น้องทั้งหลายต่างจับจ้องเย่หยวนด้วยความสงสัย แต่โดยส่วนใหญ่ต่างมองในแง่ไม่ดีเท่าไหร่นัก

โดยธรรมชาติแล้ว พวกเขาไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าสองฝ่ามือที่เย่หยวนกดประทับลงไปมันวิเศษแค่ไหน

เย่หยวนหลอมรวมผงสมุนไพรวิญญาณเหล่านั้นไว้ในมือ แต่กรอกเทพลังปราณเทวะลงไปเพื่อคล้ายกับสร้างสะพานเชื่อมต่อไปยังเส้นลมปราณบริเวณหัวใจของหัวหน้าสอง

สิ่งนี้จะช่วยซ่อมแซมเส้นลมปราณที่ถูกตัดขาดไปของหัวหน้าสองได้ เย่หยวนค่อยๆไล่ระดับกรอกเทพลังปราณซ่อมแซมทีละเล็กละน้อย

ข้อสำคัญที่สุดของวิธีรักษาแบบนี้คือ พลังปราณเทวะของเย่หยวนจะต้องอยู่ในระดับที่เสถียรอย่างมาก กล่าวได้ว่าราวกับต้องทรงตัวเหนือเส้นด้ายบางมิให้เอนเอียง

วิธีนี้ทำให้เย่หยวนต้องใช้สมาธิอย่างมหาศาลเพื่อมิให้เกิดขึ้นผิดพลาดขึ้นได้แม้แต่นิดเดียว

ในมุมมองของเย่หยวน คำว่าศาสตร์แห่งโอสถมิได้ขึ้นอยู่กับแค่การหลอมกลั่นโอสถเท่านั้น

เมื่อเวลาผ่านไป ผลการรักษาก็เริ่มแสดงออกมาให้เห็นอย่างรวดเร็ว

“แค่ก… แค่ก…แค่ก…”

ทันใดนั้นพลันปรากฏเสียงไออย่างรุนแรงจากปากของหัวหน้าสอง

เมื่อเหล่าพี่น้องคนอื่นๆเห็นภาพฉากดังนั้น แต่ละคนต่างอ้าปากค้างด้วยความตื่นตะลึง

“นี่…นี่มันเรื่องจริงรึ? สวรรค์! เด็กหนุ่มคนนี้ฝีมือฉกาจยิ่งกว่าอู๋เฟินยิ่งนัก! ช่างน่าทึ่งจริงๆ!!”

หัวหน้าสามอ้าปากค้างไม่หุบอยู่เป็นเวลานาน

“ไร้สาระ! ฝีมือของอู๋เฟินไม่สมควรเอ่ยถึงต่อหน้าเด็กหนุ่มผู้นี้ด้วยซ้ำ! อู๋เฟินทำตัวราวกับว่าตนเองยิ่งใหญ่มาจากไกร เหอะ ถอดหัวตัวเองเตะเป็นลูกหนัง? ข้าอยากจะเห็นเสียจริงว่ามันจะกล้าถอดหัวออกมาจริงๆหรือเปล่า!”

หัวหน้าห้าระเบิดหัวเราะขึ้นด้วยความสะใจยิ่ง

“มหัศจรรย์ยิ่งนัก! นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เห็นว่ามีใครสามารถรักษาคนที่ถูกตัดเส้นลมปราณหัวใจได้! เด็กคน…ไม่สิ…ท่านปรมาจารย์ผู้นี้น่าทึ่งยิ่งนัก!”

เหล่าหัวหน้าคนอื่นๆต่างร้องอุทานขึ้นด้วยความประหลาดใจ

เมื่อเห็นว่าหัวหน้าสองเริ่มได้สติฟื้นตัวขึ้น ตราบาปภายในใจของประมุขพลันลดน้อยลงเช่นกัน

ลูกธนูดอกนี้ลอบโจมตีกะทันหันเกินไป หากมิใช่เพราะหัวหน้าสองที่พุ่งตัวเข้ามารับแทน คนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นกลับเป็นเขาแทน

ในเวลานี้เอง เย่หยวนก็ค่อยๆลุกขึ้นยืน เหล่าพี่น้องทั้งหลายต่างรวมตัวโค้งศีรษะให้

“เจ้า-…ท่านปรมาจารย์ อาการของน้องสองข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

ประมุขเปลี่ยนเสียงเรียนถามเย่หยวนทันทีด้วยความกังวล

เย่หยวนกล่าวเสียงเงียบขึ้นว่า

“บาดแผลจากลูกธนูนั้นสาหัสไม่น้อย แต่เส้นลมปราณที่เชื่อมกับหัวใจยามนี้สมานกันดีแล้ว ถึงแบบนั้นยังมีพิษรุนแรงหลงเหลืออยู่ในกาย เตรียมห้องสำหรับหลอมกลั่นโอสถให้ข้า อย่าให้ใครเข้ามารบกวนโดนเด็ดขาด นอกจากนี้ สมุนไพรวิญญาณที่ใช้ไปกับโอสถที่กำลังจะหลอมกลั่นต่อจากนี้มีราคาสูงมาก อืม…นี่เป็นครั้งแรกที่เราเจอกัน เช่นนั้นราคาปรานีลดเหลือห้าล้านผลึกปราณเทวะเป็นพอ”

“ฟู่ว…ผลึกปราณเทวะห้าล้านก้อนเลยงั้นรึ ไฉนไม่ปล้นกันเลยล่ะท่าน?”

ดวงตาของหัวหน้าห้าเบิกกว้าง ผงะตัวตกใจยิ่งที่ได้ยินราคา

โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสามโดยทั่วไปจะมีราคาอยู่ที่สามแสนถึงหนึ่งล้านผลึกปราณเทวะ

แต่ราคาที่เย่หยวนเรียกเก็บพวกเขาไปกลับสูงกว่าถึงหลายเท่า!

เหล่าพี่น้องคนอื่นต่างรู้สึกปวดแสบปวดร้อนเช่นกันเมื่อได้ยิน แต่ประมุขยังคงกล่าวว่า

“เจ้าห้าหุบปาก! ราคาไหนที่ท่านปรมาจารย์ต้องการ ข้าย่อมจ่ายได้ไม่เป็นปัญหา! ห้าล้านก็ห้าล้าน!”

เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า

“ยังคงเป็นท่านประมุขที่ใจหาญกล้าเด็ดเดี่ยวนัก เมื่อท่านเห็นโอสถที่หลอมกลั่นได้ ย่อมทราบทันทีว่ามันคุ้มกับเงินที่จ่ายไปขนาดไหน!”

หลังจากที่เย่หยวนจากไป หัวหน้าห้าก็เอ่ยถึงอย่างไม่พอใจว่า

“พี่ใหญ่ อีกฝ่ายขูดเลือดขูดเนื้อพวกเราเกินไป!”

หัวหน้าสามกล่าวเสริมว่า

“ใช่แล้วพี่ใหญ่! เรามอบผลึกปราณเทวะจำนวนห้าล้านก้อนไม่พอ แต่เรา…ยังต้องเปลี่ยนชื่อกลุ่มอีก!”

ประมุขที่ได้ยินเช่นนั้นพลันตะหวาดเสียงดังลั่น

“ชีวิตของน้องสองทีค่าแค่ห้าล้านหรืออย่างไร?! หื้ม? ชีวิตของพวกเจ้าทุกคนมีค่ายิ่งกว่าสิ่งใดในสายตาข้า แค่เงินห้าล้านกลับไม่นับเป็นอันใด!”

วาจาเปล่งลั่นแสนเย็นสะท้านนี้ทำเอาทุกคนปิดปากเงียบลงในทันที

ในเวลานี้เอง ท้ายที่สุดหัวหน้าสองก็ได้สติฟื้นขึ้นมาบนเตียง

“โอ้ น้องสอง! เจ้าตื่นแล้ว! ยอดเยี่ยมจริงๆ!”

ประมุขเอ่ยปากถามพร้อมท่าทีสุดตื่นเต้น

ดวงตาคู่นั้นของหัวหน้าสองฉายแววมึนงงเล็กน้อย ก่อนจะพยายามเปล่งเสียงกล่าวขึ้นว่า

“ข้า…ข้าโดนศรดับอัสนีไปมิใช่รึ? ไฉนข้ายังไม่ตาย?”

หัวหน้าห้าระเบิดหัวเราะลั่นกล่าวว่า

“ฮ่าๆๆ เดิมทีท่านต้องตายแล้วแน่นอน แต่โชคดียิ่งที่พานพบกับท่านปรมาจารย์สุดแกร่งกล้าช่วยเหลือชีวิตท่านเอาไว้!

ประมุขขำพยักหน้าตอบและยิ้มกล่าวว่า

“สิ่งที่เจ้าห้ากล่าวไปถูกต้องแล้ว! ประการที่สองข้ารู้สึกขอบคุณเจ้าจริงๆ หากมิได้เจ้าช่วยเหลือในตอนนั้น ข้าคงต้องตายแน่นอน ข้าเป็นหนี้บุญคุณเจ้า!”

หัวหน้าสองฝืนยิ้มตอบว่า

“พี่ใหญ่ พวกเราเป็นพี่น้องกัน…ไยต้องเอ่ยวาจาห่างเหินเช่นนั้น?”

…………………………………