”ปล่อยฉัน!” แดร์ริลกล่าวอย่างเย็นชา
แดร์ริลได้กลิ่นอันหอมรัญจวนขณะถูกโอบกอดแนบแน่น แต่ความขุ่นเคืองก็ยังคงแผดเผาของเขาอยู่ในใจ
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! เราคงจะกลับไปเป็นเหมือนก่อนไม่ได้อีกแล้ว” แดร์ริลกล่าวอย่างหนักแน่นก่อนจะพลักตัวเมแกนออก
หลังจากที่เขาได้กล่าว แดร์ริลก็หันหลังและเดินจากไป
“พี่ชาย…” เมแกนรู้สึกผิดหวัง “พี่ชายที่รัก ฉันจะขอคุกเข่าเพื่อขอขมานาย ได้โปรด”
“ฉันไม่สน ขอบใจ”
แดร์ริลหันขวับและจากไปโดยไม่หันกลับมาอีกหลังจากเขากล่าว
…
ระหว่างนั้นที่ท่าเรือของเมืองตงไห่
ในความมืดมิด ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งมีทรวดทรงที่เย้ายวนกำลังเดินเรียบไปตามชายหาด ใบหน้าที่โดดเด่นเป็นสง่าของเธอเปี่ยมไปด้วยความหวาดระแวง
เธอคือยูมิ
ในตอนแรกยูมิได้วางแผนไว้ว่าจะอาศัยอยู่กับตระกูลดาร์บี้ให้นานที่สุดและเฝ้ารอให้ฟลอเรียนลงหลักปักฐานตั้งตัวในโลกใหม่ก่อนที่จะไปพบกับเขา
อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่สามารถที่จะต้านทานความยั่วยวนของคัมภีร์มหาปริศนาได้เมื่อเธอได้เห็นมัน เธอไม่มีที่ให้ไปในตอนนี้ หนทางเดียวของเธอก็คือต้องยอมเสี่ยงและเดินทางออกไปที่โลกใหม่
ยูมิพึมพัมขณะเธอกำลังก้าวเดิน “ฟลอเรียน นายมันโชคดีจริง ๆ ที่ได้แต่งงานกับคนอย่างฉัน นายจะต้องดีใจมากแน่ ๆ เมื่อฉันไปหานายที่โลกใหม่และเอาคัมภีร์ทั้งเจ็ดเล่มไปให้กับนาย”
ยูมิกอดคัมภีร์ทั้งเจ็ดเล่มไว้แน่นขนัดและรู้สึกตื่นเต้นลิงโลด ข่าวลือที่ว่าผู้ใดสามารถครอบครองได้ครบทั้งเจ็ดเล่มจะสามารถครองโลกได้!
ขณะที่เธอกำลังเนื้อเต้น เธอก็งวยงงกับวิธีการที่จะเดินทางไปโลกใหม่ เธอเคยได้ยินมาว่ามีมหาสมุทรแห่งความตายเป็นเส้นแบ่งระหว่างจักรวาลโลกและโลกใหม่ ซึ่งไม่มีอะไรสามารถจะลอยข้ามไปได้ แม้กระทั่งใบไม้ เธอควรจะทำอย่างไรดี?
ระหว่างที่เธอครุ่นคิด และทันใดนั้นเธอก็ฉีกยิ้มขึ้นมาขณะก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
เธอมองเห็นว่ามีเรือใบอยู่ห่างออกไปไม่ไกลจากชายฝั่ง เรือใบลำนี้ถูกทิ้งไว้โดยกองทัพโลกใหม่ในตอนที่พวกเขาถอยร่นกลับไป
นายทหาร 200,000 นาย มารุกรานที่นี่ แต่เหลือรอดกลับไปเพียงไม่กี่หมื่นคน เรือใบจึงถูกทิ้งร้างไม่ได้ใช้งานมากมายกระจายอยู่เต็มชายฝั่ง
เรือใบทุกลำถูกสร้างขึ้นเป็นพิเศษโดยจักรพรรดิโลกใหม่ และไม่แน่ใจว่ามันถูกผลิตขึ้นมาจากวัสดุอะไร แต่มันสามารถที่จะแล่นข้ามมหาสมุทรแห่งความตายได้
ยูมิกอดคัมภีร์ไว้แน่น ก่อนจะเลือกเรือใบลำใหญ่ที่สุดแล้วกระโจนลงไป
เมื่อเธอขึ้นเรือ เธอก็ได้ยินเสียงของผู้ชายดังมาจากด้านหลัง
“เธออยากจะไปที่โลกใหม่งั้นเหรอ?”
ยูมิสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียง เธอหันหลังกลับมาและต้องตกตะลึง
มีชายหนุ่มอายุราวยี่สิบต้น ๆ แต่งกายในชุดดำทั้งตัวยืนอย่างเงียบเชียบอยู่เบื้องหลังตัวเธอ
“แกเป็นใคร?…” ยูมิอยู่ในอาการตกใจและตัวสั่นขณะเธอกล่าวถาม
ชายคนนั้นฉีกยิ้ม “คนสวย ไม่ต้องห่วง การที่เธอกระโดดขึ้นมาบนเรือลำนี้ ไม่แน่ว่าเธอกำลังอยากจะมุ่งหน้าไปที่โลกใหม่ใช่ไหม? ผมเองก็จะไปที่นั่นเหมือนกัน เราเดินทางไปด้วยกันไหม?”
แดร์ริลคงจะตกใจตายถ้าหากเขามาเห็นชายคนนี้
ชายคนน้ีไม่ใช่ใครที่ไหนนอกไปเสียจากโดน็อก ดิกสัน นายน้อยแห่งตระกูลดิกสันผู้ซึ่งหลบหนีออกมาได้ในตอนนที่ตระกูลของเขาถูกทำลาย
ถูกต้องแล้ว เขาคือคนที่ซื้อของขวัญมากมายให้กับลิลี่และยังเป็นคนที่ทำให้แด๊กซ์ถูกแทงไปถึงสามสิบหกแผล!
ตั้งแต่ตระกูลดิกสันถูกทำลายลง โดน็อกก็ร่อนเร่พเนจรไปเรื่อยและบ่มเพาะพลังของเขา วางแผนไว้ว่าจะตามหาตัวแดร์ริลที่เมืองตงไห่เพื่อล้างแค้น อย่างไรก็ตามเขาก็คิดไม่ถึงว่าตอนนี้แดร์ริลจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้
หลังจากใคร่ครวญอยู่สักพัก โดน็อกก็ตัดสินใจที่จะเลือนแผนการล้างแค้นของเขาไปก่อนและมุ่งหน้าไปที่โลกใหม่เพื่อฝึกฝนวิชาเพิ่มเติมก่อนจะกลับมาที่เมืองตงไห่
เขาได้มาพบกับยูมิพอดีในตอนที่เขาได้ตัดสินใจจะมุ่งหน้าเดินทางไปโลกใหม่ เขาเลยลองชวนเธอดูเผื่อว่าพวกเขาจะได้เดินทางไปด้วยกัน
อย่างไรก็ตามยูมินั้นหวาดระแวงมากและกอดคัมภีร์เจ็ดเล่มไว้แน่นกว่าเดิม เธอคิดว่าโดน็อกเป็นโจรที่มีเจตนาร้ายและกล่าวตอบอย่างเย็นชา “ฉันจะไม่ขอร่วมเดินทางไปกับแก ไสหัวไป! ฉันขอเตือนแก ฉันมาจากตระกูลดาร์บี้แห่งเมืองตงไห่ ฉะนั้นแกอย่ามาเล่นตุกติก ไม่อย่างนั้นฉันจะสั่งให้คนมาฆ่าแกทิ้ง”
ในความคิดของยูมิ ตระกูลดาร์บี้เป็นตระกูลอันดับต้น ๆของเมืองตงไห่และไม่ว่าใครก็ตามเหมารวมไปถึงชายผู้นี้จะต้องสั่นสะท้านด้วยความกลัวเมื่อเธอยกเรื่องนี้มาแอบอ้าง
สีหน้าของโดน็อกขึงขังขึ้นมาทันทีเมื่อเขาได้ยินกับคำขู่ของเธอ!
‘ตระกูลดาร์บี้?’