ตอนที่ 478: กลับเมืองหว่าลู่เหริน

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 478: กลับเมืองหว่าลู่เหริน

เจี้ยนเฉินออกจากโรงเตี้ยมและออกจากเมืองลอร์มุ่งหน้าไปยังพื้นที่ที่เกาอวี่ฉินอยู่ห่างออกไป 10 กิโลเมตร

เจี้ยนเฉินมาอยู่ข้าง ๆ เกาอวี่ฉินและถามว่า มันเป็นอย่างไรบ้าง เสร็จหรือยัง ?

เกาอวี่ฉินถือผลึกขนาดเท่ากำปั้นไว้ในมือของเขา เขาฝังอีกผลึกไว้ที่พื้นก่อนที่จะส่งผลึกที่อยู่ในมือให้กับเจี้ยนเฉิน ข้าเพิ่งจะทำเสร็จ ท่านผู้พิทักษ์จักรพรรดิผู้ทรงเกียรติ ผลึกทั้งสองนี้มีพลังงานที่เหมือนกันและมีพลังในการเชื่อมต่อที่ยอดเยี่ยม หากท่านนำผลึกนี้ไปที่ใดก็ตามที่มีประตูมิติ ท่านก็สามารถกลับมาที่นี่ได้หรือไปยังทุกที่ที่มีผลึกอันอื่น ๆ อยู่ อย่างไรก็ตามมันจะเป็นการดีที่สุดที่ท่านจะนำแผนที่ที่มีรายละเอียดมากที่สุดเพื่อระบุตำแหน่งที่ท่านต้องการให้ดีกว่านี้ได้

เจี้ยนเฉินรับผลึกจากเกาอวี่ฉินและเริ่มศึกษามัน มันเป็นผลึกทรงกลมที่ส่องประกายคล้ายกับตอนที่แสงส่องผ่านแก้ว นอกจากนี้ยังมีพลังงานแปลก ๆ ที่หมุนวนอยู่ภายในตัวผลึก มันเป็นอะไรที่เจี้ยนเฉินไม่เคยเห็นมาก่อน

เก็บผลึกไว้ในแหวนมิติ เจี้ยนเฉินและเกาอวี่ฉินก็กลับไปยังเมืองลอร์

ในเช้าวันที่สองเจี้ยนเฉินก็บอกลากลุ่มที่ติดตามเขาจากตระกูลและไปจากอาณาจักรเกอซุนพร้อมกับลูกเสือ

ไป๋หยุนเทียนเต็มใจอย่างยิ่งที่จะแยกจากลูกของนาง แต่นางรู้ว่างานของเขาในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย จากนั้นนางก็อำลาลูกชายของนางทั้งน้ำตา

ในเช้าวันที่สองหลังจากเจี้ยนเฉินจากอาณาจักรเกอซุนไป เซียนสวรรค์ทั้ง 6 ที่มีใบหน้าซีดได้ลงมายังกลางพระราชวังของอาณาจักรอินทรีสวรรค์

ยามในพระราชวังจำกลุ่มของพวกเขาได้ทันทีและคำนับพวกเขาก่อนที่จะวิ่งไปรายงานราชาทันที

ชายทั้งหกคนมุ่งไปยังห้องโถงของวังและนั่งลงบนเก้าอี้ทันที พวกเขามีใบหน้าที่ฉุนเฉียวอย่างมากและนั่งลงโดยไม่มีคำพูดคำจาใด ๆ แต่มันก็มีกลิ่นอายที่หดหู่อยู่รอบ ๆ ตัวของพวกเขาอย่างชัดเจน

ไม่นาน เสียงหัวเราะก็ดังออกมาจากด้านนอก

ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าไม่คิดเลยว่าจะกลับมาเร็วขนาดนี้ ข้าไม่คิดว่ามันจะเร็วเพียงนี้ แต่อาณาจักรเกอซุนจะมีกำลังปกป้องตัวเองจากเราได้อย่างไร เจ้าได้กำจัดเด็กหนุ่มคนที่ชื่อเซียงเทียนหรือยัง ? หากเขายังไม่ตาย วันหน้าเขาจะนำหายนะเข้ามาสู่อาณาจักรอินทรีสวรรค์ของเรา

เสียงหัวเราะของราชาแห่งอินทรีสวรรค์ดังเข้ามาก่อนที่จะเห็นตัวของเขาที่เข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มที่เปล่งปลั่ง เป็นประกายบนใบหน้าของเขาทำให้เห็นว่าเขามีความสุขเพียงใด

แต่ชายทั้งหกคนนั่งอยู่โดยไม่พูดไม่จาใด ๆ ไม่มีใครตอบองค์ราชา

เมื่อราชาเดินเข้ามาในห้องโถง เขาก็สังเกตเห็นว่าบรรยากาศนั้นไม่ถูกต้อง เมื่อเห็นชายทั้งหกคนนั่งอยู่ ความสงสัยก็ทำให้เขาสังเกตเห็นว่าพวกเขามีใบหน้าที่ซีดเซียวและเศร้าสร้อยเพียงใด ทันใดนั้นรอยยิ้มของเขาก็หายไปและอารมณ์ของเขาก็จมดิ่งลง

จากการแสดงออกของคนทั้งหก ราชาก็สามารถคาดเดาได้ว่าผลลัพธ์ไม่เหมือนกับที่เขาคิดเอาไว้

ราชาพูดอย่างจริงจังขึ้นเรื่อย ๆ ว่า ท่านอาวุโส เกิดอะไรขึ้นรึ ?

เฮ้อ~ หนึ่งในหกถอนหายใจและมองไปที่ท้องฟ้าอย่างเจ็บปวด คราวนี้เราได้กระตุ้นความโกรธผิดคนเสียแล้ว

แต่เดิมทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ แต่เมื่อถึงเวลาที่เราจะไปจับตัวเจียงหยางเซียงเทียนในตระกูลของเขา เซียนสวรรค์ 5 คนก็ออกมาต่อสู้กับเรา พลังของพวกเขาแข็งแกร่งมาก ถึงแม้เราจะสู้ร่วมกันก็ไม่อาจต่อกรกับพวกเขาได้ สุดท้ายพวกเขาก็ฆ่าพวกเราได้ 4 คนและบีบให้พวกเราที่เหลือต้องหลบหนี เราต้องทิ้งตัวประกันเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากคนที่ตามมาจึงได้หนีรอดมาได้

ราชาถึงกับตกตะลึงอย่างเงียบ ๆ เมื่อเขาฟัง ร่างกายาของเขาแข็งทื่อราวกับเป็นอัมพาต ผลลัพธ์เช่นนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่คิดไม่ฝันมาก่อน เขาไม่คิดเลยว่าเซียนสวรรค์ 10 คนที่ส่งไปยังอาณาจักรเกอซุนจะพ่ายแพ้ ไม่เพียงแค่นั้นพวกเขายังถูกฆ่าถึง 4 คนและโชคดีที่คนอื่น ๆ หลบหนีมาได้

ฝ่าบาท พวกเราสงสัยว่าเซียนสวรรค์ทั้ง 5 ที่อยู่ในตระกูลเจียงหยางนั้นแท้จริงแล้วคือที่ปรึกษาจักรพรรดิจากอาณาจักรฉินหวง มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่จะมีความแข็งแกร่งขนาดนี้ ชายผมแดงพูดขึ้นมาอย่างยากลำบาก

เมื่อได้ยินอย่างนี้ราชาก็เริ่มที่จะใจสั่นขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ งั้น…ที่นั่น…อาจจะมีการติดต่อระหว่างตระกูลเจียงหยางกับอาณาจักรฉินหวงจริง ๆ หรือ ?

ข้าได้แต่หวังว่าพวกเราจะเข้าใจผิด ชายผมแดงถอนหายใจ

….

ในพริบตาหลายวันก็ผ่านไปนับตั้งแต่เจี้ยนเฉินออกจากอาณาจักรเกอซุน หลังจากเดินทางมาหลายวันในที่สุดเขาก็มาถึงเมืองหว่าลู่เหริน

เมืองหว่าลู่เหรินตั้งอยู่ในอาณาจักรซูหยาและเป็นเมืองที่เจี้ยนเฉินได้พบกับฉินเซียวและพวกเขาก็ไม่ได้เจอหน้ากันมากว่าครึ่งปีแล้ว ดังนั้นเขาจึงคิดถึงเขาและใช้โอกาสนี้ไปพบปะกับเขาก่อน

เมืองหว่าลู่เหรินไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมากนับตั้งแต่ที่เขาเห็นครั้งสุดท้ายจากที่เจี้ยนเฉินอยู่ที่นี่ มันยังคงเดิมและจากที่เจี้ยนเฮินเดินไปรอบ ๆ ตัวเขาก็ย้อนคิดถึงตอนที่เขามาถึงพร้อมกับหมิงตงครั้งแรก สิ่งนี้ทำให้เขาหวนรำลึกถึงช่วงเวลาที่บ้าบอของเขา

เจี้ยนเฉินมาถึงประตูขนาดยักษ์ที่นำไปสู่ตระกูลเทียนฉินโดยไม่รู้ตัว เขาเตรียมพร้อมที่จะเดินเข้าไปทหารเฝ้าประตูก็เข้ามาขวางเขาไม่ให้เขาเดินเข้าไปใกล้เกินไป

หยุดดด นี่เป็นพื้นที่ของตระกูลเทียนฉิน ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามา ยามพูดด้วยน้ำเสียงที่ขึงขังขณะมองไปที่เจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินมองไปที่ทหารคนนั้น พวกเขาไม่ใช่คนเดียวกับคนก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้จักเจี้ยนเฉิน หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เจี้ยนเฉินก็พูดกับพวกเขาว่า ข้ามาหาฉินเสี่ยว บอกเขาว่าสหายของเขาได้มาหา

ตอนนี้นายน้อยไม่ต้อนรับผู้ใด กลับมาอีกทีวันพรุ่งนี้

คิ้วของเจี้ยนเฉินขมวดเข้าหากัน แต่ในขณะที่เขากำลังพูด จู่ ๆ รถม้าที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูง ด้านบนขวาของห้องรถม้าก็มีป้ายเขียนว่า ฉิน เข้ามา

รถม้าหยุดอย่างรวดเร็วด้านหน้าตระกูลเทียนฉิน หญิงสาวชุดขาวที่มีรูปร่างละเอียดละอ่อนก้าวลงจากรถม้า แม้ว่าใบหน้าของนางจะถูกผ้าปกคลุม แต่ก็คาดเดาได้ว่าหญิงสาวคนนี้ต้องเป็นหญิงงามล่มเมือง

หญิงสาวก้าวลงมาจากรถม้าและเมื่อนางเห็นเจี้ยนเฉิน ความสับสนก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าของนาง หลังจากนั้นไม่นานนางก็หายจากอาการตกใจก่อนที่จะถามด้วยความสับสนว่า ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าท่านใช่เจี้ยนเฉินหรือไม่ ? เสียงของหญิงสาวเบามากและมันก็เหมือนกับเสียงร้องของนกการเวก

เจี้ยนเฉินอยู่ด้านหน้าของหญิงป้องมือขึ้นก่อนที่จะพูดด้วยรอยยิ้มว่า ข้าไม่คิดว่าจะเจอคุณหนูรองที่นี่ เป็นเวลา 1 ปีแล้วที่เราพบกันครั้งสุดท้าย ท่านงดงามขึ้นมาก