ตอนที่ 500 รู้สึกท่วมท้น / ตอนที่ 501 พวกเขาเหมาะสมกัน

กับดักรักในรอยแค้น

ตอนที่ 500 รู้สึกท่วมท้น

 

 

           “คุณหนูฉู่กอดผมก่อนแบบนี้ ทำให้ผมรู้สึกท่วมท้นในใจจริงๆ” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวอย่างคลุมเครือ รอยยิ้มวูบผ่านดวงตา

 

 

           ฉู่เจียเสวียนซุกอยู่ในอ้อมแขนของเผยหนานเจวี๋ยเงียบๆ เธอไร้เรี่ยวแรงที่จะดิ้นรน ร่างกายของเธอเจ็บมากจริงๆ

 

 

           “ตอนนี้พวกเรากลับเข้าเมืองได้แล้วยัง” ฉู่เจียเสวียนยังคงไม่ลืมเป้าหมายของเธอ

 

 

           “ผมยังไม่ได้ตรวจเลยว่าอาการบวมที่หลังของคุณทุเลาแล้วยัง” รอยยิ้มในดวงตาของเผยหนานเจวี๋ยหายไป สีหน้าจริงจัง

 

 

           “ทุเลาหรือเปล่า เมื่อกี้คุณก็ดูอยู่ข้างๆ ไม่ใช่เหรอไง” ฉู่เจียเสวียนกัดฟันพูด แวววตามีความโมโห

 

 

           “อ้อ งั้นผมยังต้องดูว่าคุณได้รับบาดเจ็บส่วนอื่นหรือเปล่า” เผยหนานเจวี๋ยกระซิบข้างหูฉู่เจียเสวียน

 

 

           “ไม่มี ส่วนอื่นในร่างกายฉันไม่ได้บาดเจ็บแล้ว” ฉู่เจียเสวียนหน้าแดง ในใจกลับดูแคลนพฤติกรรมชั่วร้ายของเผยหนานเจวี๋ยเป็นอย่างมาก

 

 

           เธอยอมแพ้เผยหนานเจวี๋ยคนนี้จริงๆ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็สามารถแสร้งทำเป็นจริงจังได้

 

 

           “ผมตรวจตรวจก่อนถึงจึงลงข้อสรุปได้” เผยหนานเจวี๋ยตัดสินใจ มุมปากของเขาปรากฏรอยยิ้มชั่วร้าย

 

 

           “เผยหนานเจวี๋ย!” ฉู่เจียเสวียนไม่คิดจะล้อเล่นกับเผยหนานเจวี๋ยเลยสักนิด และยิ่งไม่มีเวลาต่อล้อต่อเถียงกับเขาด้วย

 

 

           เมื่อเห็นปฏิกิริยาที่ยิ่งใหญ่ของฉู่เจียเสวียนเช่นนี้ เผยหนานเจวี๋ยก็ไม่ยั่วเธออีก ทุกครั้งที่เขาเผชิญหน้ากับฉู่เจียเสวียน ดูเหมือนว่าเขาจะทำให้ฉู่เจียเสวียนฟกช้ำดำเขียวอยู่เสมอไป แต่ว่าทำไมเขาถึงไม่บาดเจ็บล่ะ

 

 

           เขาเจ็บอยู่ในใจ เจ็บอยู่ในมุมที่คนอื่นมองไม่เห็น ตั้งแต่รู้ตัวว่าเขารักฉู่เจียเสวียน เขาก็เลียบาดแผลอยู่ในมุมเพียงลำพังแล้ว?

 

 

           “ผมให้คนลาพักร้อนให้คุณแล้ว คุณไม่ต้องรีบกลับบริษัทกงหรอก” เผยหนานเจวี๋ยนึกว่าฉู่เจียเสวียนรีบกลับบริษัทกง ดังนั้นเขาจึงจัดการให้คนลาพักร้อนให้เธอแล้ว

 

 

           ฉู่เจียเสวียนขี้คร้านที่จะไปสนใจเขา สีหน้าบึ้งตึง

 

 

           ระยะหลังนี้เผยหนานเจวี๋ยเคยชินกับการพูดเองเออเอง เมื่อเห็นว่าฉู่เจียเสวียนไม่ตอบ เขาก็พูดต่อ “เรื่องที่ร้านชุดแต่งงานคุณก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพื่อนสนิทของคุณคิดว่าคุณไปที่บริษัทกงแล้ว”

 

 

           ฉู่เจียเสวียนยังคงไม่สนใจเขา ปล่อยให้เขาพูดต่อไป แม้ว่าเธอจะอยู่ในอ้อมกอดของเขา แต่ว่าหัวใจของเธอไม่รู้ว่าบินไปไหนตั้งนานแล้ว

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยเห็นว่าฉู่เจียเสวียนยังคงไม่ยอมสนใจเขา เขาจึงได้แต่พูดต่อ “ตอนนี้ที่บริษัทกงไม่มีเรื่องวุ่นวายแล้ว คุณไม่ต้องเป็นห่วง”

 

 

           ซูหรานไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเผยหนานเจวี๋ยกับฉู่เจียเสวียน เขาเพียงแต่แอบรู้สึกว่าพวกเขาน่าจะเคยอยู่ด้วยกันมาก่อน

 

 

           หลังจากซูหรานครุ่นคิดแล้ว ก็ถอยออกไปจากห้องโถงใหญ่เงียบๆ เพื่อให้พื้นที่แก่พวกเขาสองคนมากขึ้น เขายังพาคนรับใช้ที่กำลังเก็บกวาดออกไปด้วย เพียงครู่เดียวห้องโถงใหญ่ก็เหลือเพียงฉู่เจียเสวียนกับเผยหนานเจวี๋ยสองคน

 

 

           “ถ้าไม่ใช่เพราะบริษัทกง คุณกะจะไม่สนใจผมทั้งชีวิตใช่หรือเปล่า” ผ่านไปเนิ่นนาน เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปากขึ้น

 

 

           “ใช่” ฉู่เจียเสวียนตอบทันทีโดยไม่คิด มองเขาอย่างไร้ความหวาดกลัว

 

 

           ไม่ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหนเขาก็ต้องยอมรับ บางเรื่องหากผ่านไปแล้วก็ไม่สามารถหวนคืน

 

 

           เขาเคยทำผิดมากมายแบบนั้น ตอนนี้ ไม่ว่าเขาทำอะไรเธอก็จะไม่ยกโทษให้เขาใช่หรือเปล่า

 

 

           ถ้าหากเธอเกลียดเขามากขนาดนั้นจริงๆ เช่นนั้นเขาก็ปล่อยวางซะเถอะ เขาเพียงหวังว่าฉู่เจียเสวียนจะทำให้ความปรารถนาในใจของเขาเป็นจริง เขาอยากไปที่ทะเลด้วยกันกับเธอ เขาไม่เคยพาเธอไปชมทะเลเลย เมื่อก่อนเคยได้ยินคนบอกว่า ถ้าหากมีความรักแล้ว จะต้องพาแฟนสาวไปชมทะเล เพราะว่านั่นคือความฝันในใจของผู้หญิงทุกคน

 

 

           อากาศล่วงเลยเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว สายลมยามค่ำคืนก็เย็นลง

 

 

           เมืองทางใต้อบอุ่นกว่าเมือง H มาก เผยหนานเจวี๋ยพาฉู่เจียเสวียนไปยังสถานที่ที่อบอุ่นแห่งหนึ่งริมทะเล ไห่หนาน

 

 

           ผู้คนส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวไห่หนานก็จะไปที่ซานย่าด้วย เผยหนานเจวี๋ยกับฉู่เจียเสวียนก็ไม่เป็นข้อยกเว้น พวกเขาบินไปที่ซานย่าโดยตรง และวิลล่าริมทะเลก็ได้ถูกเลือกไว้เรียบร้อยแล้ว

 

 

           ตกกลางคืน ฉู่เจียเสวียนที่กำลังฟังเสียงลมทะเลยากที่จะหลับลง เผยหนานเจวี๋ยก็ยังไม่นอนเช่นกัน การตัดสินใจมาชมทะเลที่ไห่หนานกะทันหัน ทำให้ทุกอย่างดูเร่งรีบอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่เวลาที่เขาอยู่กับฉู่เจียเสวียนก็เร่งรีบเช่นกัน

 

 

           คืนนี้ทั้งสองคนนอนเตียงเดียวกัน ฉู่เจียเสวียนรักษาห่างที่ปลอดภัยจากเผยหนานเจวี๋ยบนเตียง เมื่อเวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป พวกเขาสองคนได้พลาดสิ่งต่างๆ มากมายเหลือเกิน มีหลายอย่างเมื่อพลาดไปแล้ว ไม่ว่าจะพยายามซ่อมแซมแค่ไหน มันก็ยังคงทิ้งร่องรอยไว้

 

 

 

 

       ตอนที่ 501 พวกเขาเหมาะสมกัน

 

 

           วันรุ่งขึ้น ฉู่เจียเสวียนค่อยๆ ตื่นขึ้นท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่สาดส่อง ห้องกระจกใสทำให้แสงอาทิตย์ส่องเข้ามาได้สามร้อยหกสิบองศาโดยไร้มุมอับ

 

 

           ห้องของพวกเขาอยู่ใกล้กับทะเลมาก ห้องวิวทะเลนี้ถูกสร้างขึ้นบนชายหาดและมีตำแหน่งที่ดีที่สุดของชายหาดทั้งหมด

 

 

           เมื่อฉู่เจียเสวียนลืมตาตื่นก็ไม่เห็นเงาของเผยหนานเจวี๋ยแล้ว เธออยู่ในห้องเพียงลำพัง

 

 

           ฉู่เจียเสวียนสวมชุดที่เข้าเซ็ตกันและรองเท้าแตะสบายๆ

 

 

           เธอตัดสินใจออกไปเดินเล่น ทิวทัศน์ข้างนอกสวยงามขนาดนั้น เธอจะมัวอยู่แต่ในห้องอย่างว่าง่ายได้อย่างไรกัน ไหนๆ ก็มาแล้ว อย่าไปคิดอะไรแล้วผ่อนคลายสักหน่อยดีกว่า

 

 

           เสียงหัวเราะของคนอื่นดังขึ้นเป็นครั้งคราวบนชายหาด เด็กตัวน้อยๆ หลายคนกำลังเล่นกันอย่างอิสระ บ้างก็กำลังว่ายน้ำอยู่ในทะเล บ้างก็กำลังเก็บเปลือกหอย

 

 

           ฉู่เจียเสวียนมองเห็นเผยหนานเจวี๋ยในกางเกงว่ายน้ำจากที่ไกลๆ เธอไม่เคยเห็นเขาที่ผ่อนคลายแบบนี้มาก่อนเลย ในความทรงจำของเธอ เขามักจะสวมใส่ชุดสูทอย่างเป็นทางการอยู่เสมอ เมื่อเห็นเขาที่เป็นแบบนี้แล้วมันช่างห่างไกลมาก

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยที่อยู่ในฝูงชนนั้นให้ความรู้สึกเข้ากันอย่างแปลกประหลาด แม้ว่าเขาไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่ก็ยังมีคนมากมายล้อมรอบตัวเขา

 

 

           ฉู่เจียเสวียนเดินเข้าไปหาเขาทีละก้าวๆ เมื่อเห็นฉู่เจียเสวียน เขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหาเธอ

 

 

           “ว้าว พวกเขาเหมาะสมกันจังเลย!”

 

 

           “ที่แท้มีแฟนสวยแบบนี้ ไม่น่าล่ะถึงไม่สนใจพวกเรา”

 

 

           ผู้หญิงสองสามคนในฝูงชนตะโกนอยู่ตรงนั้น ฉู่เจียเสวียนหยุดเดินด้วยความอึดอัดเล็กน้อย เธอยังคงปล่อยวางไม่ได้ แม้แต่ในสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จักพวกเขา

 

 

           “ฉู่เจียเสวียน มานี่สิ” เผยหนานเจวี๋ยสงสัยว่าทำไมฉู่เจียเสวียนหยุดเดินกะทันหัน เขาจึงเรียกให้เธอเข้ามาหา

 

 

           ฉู่เจียเสวียนเงยหน้าขึ้น มองดูผู้คนมากมายรอบตัวเขา หลังจากครุ่นคิดแล้ว เธอก็หมุนตัวแล้วเดินไปยังทิศทางตรงกันข้าม

 

 

           “ว้าว เป็นตัวของตัวเองดีจัง!”

 

 

           “สวยจริงๆ!”

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยได้ยินเสียงฮือฮาของคนข้างๆ คิดว่าคนพวกนั้นคงจะทำให้เธอตกใจกลัว ในเมื่อเธอไม่ยอมเข้ามาเช่นนั้นเขาก็จะตามไปก็แล้วกัน

 

 

           เมื่อผู้หญิงเหล่านั้นเห็นว่าเผยหนานเจวี๋ยตามฉู่เจียเสวียนไป พวกเธอไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นอะไรกันหรือว่าเกิดเรื่องอะไรกันขึ้น แต่ว่าดูจากภายนอกแล้ว พวกเขาเหมาะสมกันอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ราวกับพวกเขาเป็นคู่ที่สวรรค์สร้างมาอย่างไรอย่างนั้น

 

 

           “ฉู่เจียเสวียน รอผมด้วย” ตั้งแต่มาถึงที่นี่แล้ว ดูเหมือนว่าเผยหนานเจวี๋ยได้สูญเสียความรู้สึกเย็นชาไป แม้แต่อารมณ์ก็อบอุ่นขึ้นมาก

 

 

           ฉู่เจียเสวียนเดินช้าลงโดยไม่รู้ตัว เธอรอเผยหนานเจวี๋ย ไม่ช้าเผยหนานเจวี๋ยก็ตามเธอทัน

 

 

           “ชอบที่นี่หรือเปล่า” มองดูฉู่เจียเสวียนที่แสงอาทิตย์อาบไล้จนใบหน้าเป็นสีแดง เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยถาม

 

 

           ฉู่เจียเสวียนพยักหน้า ที่นี่ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายมาก มีความรู้สึกราวกับได้เกิดใหม่อีกครั้ง

 

 

           “ไป พวกเราไปเล่นที่ทะเลกัน” เผยหนานเจวี๋ยอารมณ์ดีมาก จูงมือของฉู่เจียเสวียนแล้ววิ่งไปที่ทะเล บนใบหน้ามีรอยยิ้มแจ่มใสเหมือนเด็ก

 

 

           ไร้ซึ่งภาระของกลุ่มบริษัทเผย เผยหนานเจวี๋ยก็สบายใจมากเช่นกัน   

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยลากฉู่เจียเสวียนไปกระโดดข้ามคลื่น แม้จะดูเหมือนเด็กแต่พวกเขากลับมีความสุขมาก ภายใต้บรรยากาศอันแสนสุขเช่นนี้ พวกเขามีความรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยนึกถึงสีหน้าที่เคร่งขรึมในสมัยเด็ก เขาไม่มีวัยเด็ก ในฐานะที่เป็นทายาทของบ้านเผย เขาถูกฝึกฝนให้เป็นผู้สืบทอด เขาไม่เคยรู้เลยว่าความสุขคืออะไร

 

 

           “คุณดูพวกเขาสิ เล่นกันสนุกเชียว” เผยหนานเจวี๋ยยื่นมือชี้เด็กกลุ่มหนึ่งที่อยู่ไกลๆ หันไปคุยกับฉู่เจียเสวียน

 

 

           ฉู่เจียเสวียนเงยหน้ามอง รอยยิ้มปรากฏขึ้นในแววตา

 

 

           “นั่นสิ” ฉู่เจียเสวียนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยตอบ บนใบหน้ามีรอยยิ้ม

 

 

           “ผมไม่เคยมีวัยเด็กเลย” จู่ๆ น้ำเสียงของเผยหนานเจวี๋ยเจือปนความสิ้นหวังเล็กน้อย นั่งลงด้วยท่วงท่าสบายๆ

 

 

           ฉู่เจียเสวียนมองแล้วก็นั่งลงข้างเขา ในเวลานี้พวกเขาทั้งสองได้ทิ้งภาพลักษณ์ของตัวเองไปแล้ว