RC:บทที่ 568 วิกฤตเงือก

 

จากนั้นพลังอันแข็งแกร่งสายหนึ่งได้ห่อหุ้มตัวเขาไว้ หลินเฟิงไม่สามารถขยับได้

แต่ในขณะที่เขามีปฏิกิริยา เขาและเสี่ยวไช่ต่างก็ลอยค้างเติ่งอยู่ในอากาศ เสี่ยวไช่มองไปที่หลินเฟิงแล้วพูดว่า “ไม่ต้องดิ้นรนหรอก ยอมรับมรดกของราชินีเถอะ!”

 

“หา?” หลินเฟิงไม่เข้าใจ แต่ในไม่ช้าเขาก็รู้สึกได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่ไหลท่วมร่างของเขา

หลินเฟิงตกตะลึงกับพลังที่ดูเหมือนจะมาจากสมัยโบราณ พลังนี้มากเกินระดับของเสี่ยวหยางอย่างแน่นอนจนทำให้เขารู้สึกว่าเกือบจะอยู่ในระดับชั่วนิรันดร์ของราชามังกรในทันที

 

หลินเฟิงฟังคำพูดของเสี่ยวไช่และไม่ได้ต่อต้าน แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเสี่ยวไช่ถึงทำเช่นนั้น

หลินเฟิงรู้สึกได้เพียงว่าความแข็งแกร่งของตัวเองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและเสี่ยวไช่ก็เป็นเช่นเดียวกัน

แต่เดิม ระดับขององค์หญิงน้อยอยู่ที่ระดับ A ซึ่งควรจะทะลุไประดับ s จากนั้นก็ระดับ SS , ระดับ SSS

แต่ระดับขององค์หญิงน้อยที่เพิ่มขึ้นนั้นกลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ความก้าวหน้าของหลินเฟิงก็เป็นอย่างนั้นเช่นกัน เดิมอยู่ที่ระดับ SS ขั้นสูงสุดและหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ทะลุไปถึงระดับ SSS

เมื่อเขาไปถึงระดับ SSS หลินเฟิงจึงได้ตระหนักถึงแง่มุมที่น่ากลัวของระดับ SSS

 

เมื่อก่อนหลินเฟิงจะแปลงร่างสัตว์ หรือไม่ก็ใช้ชิปพรสวรรค์จนทำให้สามารถไปถึงระดับ SSS จึงจะใช้พลังระดับ SSS ได้

แต่เมื่อได้ต่อสู้กับพ่อของมู่ซินซินในเวลานั้น พ่อของมู่ซินซินกล่าวว่าแม้ว่าหลินเฟิงจะมีพลังระดับ SSS แต่พลังนั้นก็ไม่ใช่ของตัวเขาเอง เขาจึงไม่สามารถใช้และปล่อยพลังที่แท้จริงออกมาได้

 

ในตอนนี้ หลินเฟิงตระหนักได้อย่างแท้จริงถึงสิ่งที่เขาพูดในเวลานั้น

ตอนนี้หลินเฟิงรู้สึกได้ว่าพลังวิญญาณทั้งหมดที่อยู่รอบตัวเขาดูเหมือนจะคุ้นเคยกับเขามาก เขาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างที่ใจนึก พลังวิญญาณเหล่านั้นจะเชื่อฟังคำสั่งของเขาราวกับเป็นมือของเขาเอง

 

มันเหมือนกับว่าคุณสามารถควบคุมโลกได้ มันเจ๋งมาก

ขณะที่ทั้งสองกำลังรับการสืบทอด สถานการณ์ภายนอกเป็นดังนี้:

“ราชามังกรทะเล เจ้าลืมของขวัญและความห่วงใยจากราชินีเงือกของข้าไปแล้วหรือ?” ราชาเงือกเอ่ยถามโกรธเกรี้ยว

 

ในตำแหน่งด้านหน้า ชายที่แข็งแกร่งที่สุดในชุดคลุมสีน้ำเงินมองไปที่ราชามนุษย์เงือกและพูดว่า “ราชาเงือก ตอนนี้แตกต่างจากอดีตแล้ว เรายังคงมองเห็นความห่วงใยจจากราชินีเงือกที่มีต่อตระกูลมังกรทะเลของเรา ข้าก็ไม่ต้องการให้พวกเจ้าชาวเงือกลำบากใจ! “

 

“แต่เจ้าจะต้องส่งตัวเจ้าหญิงเงือกสายรุ้ง (หลากสี)มา! ทั่วท้องทะเล ไม่ว่าจะเป็นใครก็คงไม่อยากเห็นราชินีเงือกคนที่สองหรอก!” ราชามังกรกล่าว

ราชาอีกสองคนพยักหน้า

“ส่งตัวเจ้าหญิงงั้นหรือ? ไม่มีทางซะหรอก” ในเวลานี้ บรรพบุรุษผู้เก่าแก่ของชาวเงือกก้าวออกมาแล้วเอ่ย

 

บรรพบุรุษผู้นี้คือราชาเงือกองค์ล่าสุดที่มีความแข็งแกร่งอยู่ในขั้นสูงสุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์สวรรค์ชั้นสามซึ่งเทียบเท่ากับราชาเงือกคนปัจจุบัน

นอกจากนี้ชาวเงือกยังมีนักบุญที่แข็งแกร่งอยู่สี่คน สองในนั้นอยู่ในสวรรค์ขั้นยิ่งใหญ่และอีกสองอยู่ในสวรรค์ชั้นสอง

นี่คือเรื่องราวภายในของเมื่อท้องทะเลโบราณนี้

และยุคสมัยของกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ อีกสามกลุ่มก็มีเรื่องราวคล้าย ๆ กัน แต่ทั้งหมดไม่ได้มาด้วย

 

“เหอะ ไม่ต้องพูดแล้ว! ลุยเลย” ราชามนุษย์ฉลามอดมองไปที่ชาวเงือกไม่ได้

ราชาเงือกมองไปทั้งสามด้านและรู้ดีว่าคงหลีกเลี่ยงสงครามไม่ได้

“มาสิ! อยากทำลายความหวังของพวกข้าชาวเงือกหรือ? ไม่มีใครที่สามารถคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้โดยไม่ถูกลอกหนังออกมาหรอกนะ!” ราชาเงือกกล่าวพร้อมกับแผ่พลังออกมาทั่วร่าง

และชายผู้แข็งแกร่งอีกหลายคนต่างก็ปล่อยพลังออกมา ทันใดนั้นสถานที่ที่บรรดาชาวเงือกยืนอยู่ก็ระเบิดออกมาด้วยพลังที่แรงกดดันอย่างรุนแรง ผู้ที่มีระดับอ่อนแอก็ถูกระเบิดในทันที

 

เมื่อเริ่มต้นด้วยสงครามครั้งยิ่งใหญ่ แผ่นดินของชาวเงือกจึงได้กลายเป็นดินแดนแห่งสงครามและโลกก็สั่นสะเทือน

พวกเขาต่อสู้กันตั้งแต่พระราชวังของมนุษย์เงือกไปจนถึงในทะเล จากทะเลสู่ทะเลและจากทะเลสู่ท้องฟ้า

 

พอทะเลถูกแรงโจมตีจากคนพวกนี้ก็ทำให้เกิดคลื่นสูงพัดไปถึงเมืองที่อยู่ตามชายฝั่งทะเลจนหลายแห่งต้องจมอยู่ใต้น้ำในทันที

ขณะนี้ ในร้านอาหารโหยวหยี่แห่งเมือง S เสี่ยวหยางที่อยู่ด้านในกำลังกล่าวโทษตัวเอง

เพราะเขาคิดว่าที่หลินเฟิงหายตัวไปนั้นเกิดจากการช่วยเขาลากงูหลามสีน้ำเงินไปออกไป

เขาพยายามอย่างเต็มที่ในการตามหาหลินเฟิงมานานถึงสามเดือนแต่กลับไม่พบหลินเฟิงเลย เขาคิดว่าตัวเองแย่มาก ๆ

อย่างไรก็ตามในเวลานี้ เขารู้สึกได้ถึงพลังที่น่ากลัวซึ่งมีพลังมหาศาลซะจนสามารถเขย่าท้องฟ้าและสั่นสะเทือนพื้นโลก

 

และด้านนอกในตอนนี้ ผู้คนต่างส่งเสียงกรีดร้องดังระงมไปทั่ว

“หืม?”

เสี่ยวหยางสงสัยจึงหายตัวจากด้านในร้านอาหารโหยวหยี่ไปปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าของร้านอาหารมิตรภาพเหนือขึ้นไป 100 เมตร

“อะไรน่ะ?”

เสี่ยวหยางที่เพิ่งปรากฏตัว ได้เห็นคลื่นสูง 100 เมตรตรงเข้ามาในเมืองอย่างบ้าคลั่ง

เสี่ยวหยางเริ่มจู่โจมในทันทีโดยไม่พูดอะไรสักคำและรีบพุ่งเข้าไปหาคลื่นลูกใหญ่

ภายใต้ความแข็งแกร่งของเสี่ยวหยาง ในที่สุดเขาก็ทำลายคลื่นที่น่ากลัวนี้ได้

 

แต่ก็ยังคงมีอีกสองสามลูกที่ตามมาต่อจากนี้ และคลื่นลูกใหญ่เหล่านี้ก็ถูกทำลายลงทีละลูก

“เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้นข้างหน้า?” เสี่ยวหยางสงสัย จากนั้นจึงพุ่งไปยังทิศทางที่คลื่นจากมาอย่างเร่งรีบ

เมื่อเขาผ่านไปทางไหน เขาก็ได้ทำลายคลื่นขนาดใหญ่นั้นลงทั้งหมด

ในเวลานี้พระราชวังอี้เหรินถูกทำลายจนไม่เหลือซาก มีชาวเงือกจำนวนนับไม่ถ้วนได้รับบาดเจ็บสาหัสและตายไป และอาคารบ้านเรือนของชาวเงือกจำนวนนับไม่ถ้วนก็ถูกทำลายลง

 

“เกิดอะไรขึ้นด้านนอก?” หลินเฟิงถาม

“ดูเหมือนจะเกิดสงครามครั้งใหญ่ อย่ากังวลไปเลย ตั้งใจรับมรดกซะ!” เสี่ยวไช่ดูกังวลแต่เธอก็รู้ดีว่ามรดกสำคัญกว่า

ในตอนนี้ระดับของทั้งคู่ได้รับการเลื่อนเป็นขั้นกลางของระดับ SSS แล้วและก็ยังคงเพิ่มสูงขึ้น

หลินเฟิงตกตะลึง เขาไม่คาดคิดว่าระดับของเขาจะได้รับการเลื่อนขึ้นสูงมากขนาดนี้

ยิ่งไปกว่านั้น หลินเฟิงประหลาดใจที่หอกมังกรทองของเขาโผล่ออกมาโดยอัตโนมัติ จากนั้นพลังอันทรงพลังก็ถูกปลดปล่อยออกมา

นั่นคือสิ่งที่หลินเฟิงได้รับมอบจากพื้นที่ย่อย แต่เพียงเพราะหลินเฟิงอ่อนแอเกินกว่าที่จะรับพลังที่ทรงพลังเช่นนี้ ดังนั้นพลังจำนวนมากจึงยังถูกเก็บไว้ในหอกมังกรทอง

 

ในเวลานี้มันเกิดขึ้นพร้อมกัน ทั้งสองพลังถูกฉีดเข้าไปในร่างกายของหลินเฟิงและเสี่ยวไช่

หลังจากนั้นไม่นาน ระดับของพวกเขาก็ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นระดับ SSS ขั้นสุดท้าย

ภายนอกในเวลานี้ การต่อสู้กลายเป็นกลุ่ม ๆ หนึ่ง ราชาเงือกและราชาแห่งมังกรทะเลกำลังประมือกันอยู่ตลอดเวลา

ราชาฉลามปะทะกับขั้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของนักรบเงือกซึ่งเป็นบรรพบุรุษแห่งสวรรค์ชั้นสาม ราชินีงูต่อสู้กับราชินีเงือก!

 

ขณะนี้ราชาเงือกที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสกำลังรีบพุ่งไปที่หน้าแท่นบูชา

หลินเฟิงและพวกเขาต่างก็รู้สึกได้ถึงการสั่นสะเทือนที่น่ากลัวภายใน

เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ หลินเฟิงก็เตรียมที่จะยุติการสืบทอดและออกไปต้าน

แต่กลับถูกเสี่ยวไช่หยุดเอาไว้ เธอกล่าวว่า: “ทันทีที่การรับมรดกถูกขัดจังหวะกลางทาง ระดับที่ได้รับมาก่อนหน้านี้ทั้งหมดจะสูญเปล่า!”

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ หากหลินเฟิงยุติการสืบทอดมรดก ระดับของเขาก็จะกลับสู่ระดับเดิม

เพราะเหตุนี้ หลินเฟิงจึงรู้สึกโกรธมาก แต่เขาก็ยังคงคิดหาวิธี

 

“เสี่ยวเฮย, มังกรดำ! จงออกมาช่วยมนุษย์เงือก” หลินเฟิงคิดในใจ จากนั้นก็มีร่างสองร่างบินออกมา

เสี่ยวเฮยและมังกรดำนั้นอยู่ในขั้นกลางของระดับ SSS และขั้นสุดท้ายของระดับ SSS แล้ว พวกเขาสามารถร่วมมือกันเพื่อจัดการกับ SSS ขั้นสูงสุดคนหนึ่งได้

การช่วยเหลือของทั้งสองจะช่วยลดแรงกดดันต่อพวกเงือกได้ชั่วคราว

อย่างไรก็ตามมันก็ยังคงเหมือนน้ำหยดลงในถัง

ราชามังกรทะเลคำรามและกลายร่างเป็นมังกรทะเลน้ำเงินที่มีความยาวกว่า 100 เมตร หาง ๆ หนึ่งสะบัดราชาเงือกออกไปแล้วรีบพุ่งไปที่แท่นบูชา