ตอนที่ 1631

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,631 : การเผชิญหน้า!

 

บริเวณน่านฟ้าเหนือยอดเขาเป่ยหมัง เรียกว่าคาคั่งไปด้วยผู้คนปานเมฆฝนลอยลงต่ำ

 

อีกทั้งการที่ผู้คนมารวมตัวกันอยู่มากมายขนาดนี้ ขุนเขาที่เคยเงียบสงบในวันวานก็ดังเซ็งแซ่จนคล้ายเสียงกระพือปีกของฝูงแมลง!

 

ความกระตือรือร้นของผู้คนในเมืองหลวงและเมืองใกล้เคียงเป็นเช่นไร คงเห็นชัดถนัดตาแล้ว

 

“อ๋องหรงเสด็จแล้ว!!”

 

ทันใดนั้นเอง ไม่ทราบใครเป็นผู้ตะโกนขึ้นมา

 

ทว่าแทบจะพร้อมกันกับเสียงตะโกนดังกล่าวดังจบคำ เสียงอื้ออึงเซ็งแซ่ของมวลหมู่มหาชนก็เงียบดับลงไปทันที ทั้งหมดยังว่ายตามองไปยังสุดฟ้าไกลตาทิศทางหนึ่งทันที

 

ห่างออกไปไกลๆ ปรากฏขบวนหนึ่งกำลังเหินลอยเข้ามา

 

ผู้ที่เหินร่างนำมาหัวแถวเป็นชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่บนหัววิหกสีทองตัวเขื่อง ในมือข้างหนึ่งมีพัดขนนก อีกข้างไพร่หลังไว้อย่างสงบ แลไปคล้ายบัณฑิตนักศึกษาของตระกูลใหญ่

 

ทว่าทุกผู้คนล้วนรู้จักคนผู้นี้ดี

 

เพราะคนผู้นี้ก็คือ องค์ชายรองแห่งประเทศฝูเฟิง อ๋องหรง!

 

และอ๋องหรงยังมีแนวโน้มว่า…สมควรจะเป็นผู้ที่ได้ครอบครองบัลลังก์เป็นคนต่อไปของประเทศฝูเฟิงเช่นกัน!

 

แน่นอนว่ามันจะได้ยืนหยัดเป็นผู้ชนะคนสุดท้ายหรือไม่ ก็ไม่ใช่เรื่องที่แน่นัก เพราะมันเองก็มีคู่แข่งที่ด้อยกว่ามันเพียงเล็กน้อยอยู่มากมาย ผู้ที่มีแนวโน้มที่สุดก็ไม่ใช่ใครที่ไหน…

 

คนผู้นั้นคืออ๋องเฉียน!

 

ด้านหลังอ๋องหรง มีร่างชายชรา 3 คนที่คล้ายไร้อารมณ์ติดตามไม่ห่าง

 

ชายชราทั้ง 3 นั้น หนึ่งมาในชุดคลุมสีดำ สีขาวและสีเทาตามลำดับ ทว่าสภวะที่พวกมันแผ่ออกให้ความรู้สึกเสมือนคนหลอมผสานไปกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ ราวกับพวกมันเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติไปแล้ว!

 

เรียกว่าเพียงแค่เห็น ทุกคนก็บอกได้ทันทีว่าทั้ง 3 ล้วนเป็นผู้ฝึกตนที่บรรลุขอบเขตเซียน!

 

ส่วนด้านหลังชายชราทั้ง 3 ยังมีอีก 7 คนติดสอยห้อยตามมา

 

คนทั้ง 7 นั่นมาในชุดเกราะสีเงินวับวาว เรียกว่าแต่งองค์ทรงเครื่องมาเต็ม เพราะพวกมันคือองค์รักษ์ผู้พิทักษ์ที่อ๋องหรงนำพามาด้วย ถึงแม้พวกมันจะคละไปทั้งชายหนุ่มและชายฉกรรจ์ แต่ก็มิอาจดูแคลนหน้าตาอายุของพวกมันได้เลย เพราะต่างบรรลุครึ่งก้าวเซียนแล้วทั้งสิ้น! เรียกว่าแม้จะไม่ใช่คนที่ติดอันดับในรายนามนภา แต่ก็ด้อยกว่ากันไม่มาก!

 

“ผู้คนมากันมากมายเหลือเกิน…”

 

ความคึกคักของสถานที่ประลองเป็นอะไรที่สร้างความประหลาดใจให้อ๋องหรงอยู่บ้าง ด้วยไม่คิดว่าการประลองระหว่างต้วนหลิงเทียนกับหลินตงจะดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายขนาดนี้

 

ต้องทราบก่อนว่า…ทั้งเวลาและสถานที่ประลองนั้น พึ่งประกาศเมื่อวานเท่านั้น! ข่าวย่อมไม่อาจแพร่กระจายได้ไกลมากนัก!!

 

หาไม่แล้วน่ากลัวจะแห่กันมามืดฟ้ามัวดินกว่านี้!

 

“คารวะท่านอ๋อง!!”

 

อ๋องหรงมาเช่นนี้ ขุมพลังที่สนับสนุนอ๋องหรงก็เร่งรุดเข้ามาคารวะทักทายทันที

 

“เจ้านั่นน่ะเหรออ๋องหรง คนที่คอยกดดันตระกูลซือถูให้ขับไล่เจ้าต้วนมัน?”

 

ห่างออกไปไกลๆ ป๋ายลี่หงและคนอื่นๆย่อมไม่ติดตามซือถูฮ่าวมาคารวะอ๋องหรงพร้อมตระกูลซือถูแต่อย่างไร กระทั่งเฉินเฉ่าช่วยยังมองไปด้วยสายตาหมั่นหน้า คล้ายไม่พอใจอ๋องหรงผู้นี้อย่างแรง!

 

“เฮอะ! ก็แค่ตัวโง่งมอีกตัว มันกล้าถือดีดูถูกเจ้าต้วน..คอยดูสีหน้าของมันยามรับทราบว่าความถือดีของมันนั้นโง่เขลาเพียงใดเถอะ!”

 

หนานกงยี่ยังสบถด่าออกมาเสียงต่ำ

 

“ซือถูฮ่าว ครั้งนี้เจ้าทำได้ดีมาก!”

 

เผชิญกับกลุ่มผู้คนมากมายที่แห่กันมาคารวะทักทาย อ๋องหรงเลือกที่จะมองยิ้มไปทางซือถูฮ่าวทั้งกล่าวชมออกมาก่อนใคร

 

“ฝ่าบาทกล่าวชมเกินไปแล้ว กระหม่อมเพียงกระทำตามสมควร”

 

ซือถูฮ่าวย่อมรู้ดีว่าวาจานี้ของอ๋องหรงหมายถึงอะไร ไม่พ้นที่อีกฝ่ายคิดว่าเป็นมันที่จัดการเรื่องต้วนหลิงเทียนออกจากตระกูลซือถู…อย่างไรก็ตามแม้มันจะขมขื่นใจเพียงใดก็จำต้องปั้นหน้ายิ้มร่า

 

พูดตามตรง กระทั่งวินาทีนี้มันยังลอบคาดหวังในใจ ว่าปรมาจารย์ต้วนจะไม่ปรากฏตัวออกมาในการประลอง!

 

ซือถูหังที่ติดตามซือถูฮ่าวมาคารวะทักทายอ๋องหรงด้วย ถึงกับชักสีหน้าถมึงทึง ตอนนี้ในใจมันเต็มไปด้วยความไม่พอใจอ๋องหรงนัก หากแต่มันก็ไม่กล้าฟาดงวงฟาดงาแสดงออกอะไรมากมาย…ด้วยกลัวจะส่งผลกระทบต่อบิดาและตระกูล!

 

“เฮ่! กระทั่งอ๋องเฉียนก็เสด็จมาถึงแล้ว!!”

 

ทันใดนั้นมีเสียงอุทานหนึ่งแว่วดังมาจากฝูงชนไกลห่าง พาลให้ทุกคนหันไปมองทันที

 

และไกลออกไปสุดสายตา ก็ปรากฏภาพคนกลุ่มหนึ่งกำลังเหาะมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน

 

คนกลุ่มนั้นนำมาโดยอ๋องเฉียน สีหน้าท่าทางของมันแลดูสง่างามไม่น้อย

 

ด้านหลังของอ๋องเฉียนมีชายชราสองคนประกบมาติดๆ ด้านหลังชายชราทั้งคสองก็เป็นชายชราอีกคนหนึ่งและชายวัยกลางคนสองคน

 

หากเทียบกับอ๋องหรงแล้ว กลุ่มของอ๋องเฉียนมีคนน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด

 

แถมทั้งหมดยังมาในชุดธรรมดาๆทำให้ผู้คนรู้สึกเข้าถึงได้ง่ายกว่า

 

เพราะจะอย่างไรก็แล้วแต่ องค์รักษ์ผู้พิทักษ์ในชุดเกราะสีเงินทั้ง 7 นั่นก็พาลให้ผู้คนรู้สึกหนาวใจ เรียกว่ามีสภาวะสะกดข่มกันไม่น้อย

 

“พี่รองมิใช่ว่าแค่มาชมดูการประลองเป็นตายหรอกรึไง ไม่ใช่ตัวท่านลงประลองเองเสียหน่อย ใยต้องพาผู้คนมาเยอะแยะมากมายนักเล่า หรือท่านหวาดกลัวผู้ใดลอบทำร้ายถึงขนาดนั้นเลย?”

 

ทันทีที่อ๋องเฉียนปรากฏตัว มันก็เริ่มกล่าววาจาแซะอ๋องหรงทันที ยังเผยยิ้มเย้ยออกมาอย่างจงใจ

 

หลังจากที่ได้ยินวาจาประโยคนี้ของอ๋องเฉียน หลายคนก็หันไปมองอ๋องหรงด้วยสายตาแปลกๆ คล้ายว่าอ๋องหรงจะหวาดกลัวเกินเหตุไปแล้วจริงๆ

 

ยิ่งอ่อนแอขลาดเขลายิ่งต้องอาศัยพวกมากเข้าว่า!

 

ตอนนี้หากเทียบกับอ๋องเฉียนแล้ว อ๋องหรงนับว่าจัดมาเต็มเกินไปจริงๆ…

 

พอได้ฟังวาจากล่าวแซะของอ๋องเฉียน แววตาอ๋องหรงก็เย็นเยียบลงทันที หากแต่ใบหน้ามันยังไม่เปลี่ยนสีอะไร ยังยิ้มกล่าวตอบกลับไป “น้องสี่แล้วมิใช่ว่านอกจากผู้เฒ่าทั้ง 2 มิใช่ว่าเจ้าก็พาข้ารับใช้อีก 2-3 คนมาด้วยหรอกหรือ?”

 

ครืน!

 

ทันทีที่อ๋องหรงกล่าวออกมา ชายวัยกลางคนทั้ง 2 รวมถึงชายชราด้านหลังสุดก็หน้ามืดคล้ำลงทันใด เพราะวาจาของอ๋องหรงคล้ายกับพวกมันเป็นตัวตนต้อยต่ำดั่งข้าทาส!

 

พวกมันนั้นจะกล่าวอย่างไรก็ล้วนเป็นตัวตนในขอบเขตเซียน

 

มีเพียงชายชราคนเดียวที่ยังคงยิ้มแย้มมองดูรอบๆอย่างตื่นตาตื่นใจแม้จะถูกหาว่าเป็นข้ารับใช้ เพราะในอดีตมันก็เป็นเพียงสารถีต้อยต่ำในจวนอ๋องเฉียนจริงๆ

 

มันชินกับการเป็นข้ารับใช้ของอ๋องเฉียนมาแต่แรกแล้ว กระทั่งในอดีตยังไม่แม้แต่จะมีผู้คนสนใจว่ามันเป็นผู้คนหรือไม่ด้วยซ้ำ! แต่นี่อ๋องหรงถึงกับสังเกตเห็นมัน…ดีกว่าแต่ก่อนตั้งเป็นไหนๆ!!

 

ส่วนชายวัยกลางคนทั้ง 2 นั้น ไม่นานผู้คนก็เริ่มเอะใจสงสัย ด้วยใบหน้ากลับคลับคล้ายคลับคลาพิกล

 

“เฮ่ย! พวกเจ้าดูคนผู้นั้นให้ดี…นั่นมิใช่รองผู้นำตระกูลซือถู ซือถูหมิงรึไร?”

 

ไม่นานก็มีคนจดจำซือถูหมิงได้

 

“เฮอะ! ที่แท้ก็เดนคนของตระกูลซือถู คนเรากระทั่งวงศ์ตระกูลยังทรยศได้…นี่มันไม่อายเดียรัจฉานบ้างรึไร?”

 

“คนอย่างมันก็เป็นได้แค่ตัวอัปยศของตระกูลซือถู ดีแล้วที่มันไสหัวออกจากตระกูล เพราะมีมันอยู่ก็จะพาลให้ตระกูลตกต่ำเสียเปล่าๆ!”

 

……

 

หลายคนมองซือถูหมิงไม่เป็นผู้เป็นคน

 

วาจาด่าทอหยามหยันเหล่านี้แน่นอนว่าซือถูหมิงย่อมได้ยินชัดสองรูหู! อย่างไรก็ตามต่อหน้าอ๋องหรงมันก็ไม่กล้าหืออือ ได้แต่ชักสายตาเย็นชาเหลือบมองผู้คนที่ว่าร้ายมัน! มันจะจำเอาไว้ก่อน!!

 

อย่างไรก็ตาม พอพบว่ามีมากมายเหลือจะนับที่กำลังก่นด่าหยันหยามมัน ใจมันก็ละเหี่ยขึ้นมาทันที ขนาดนี้มันจะไปจดจำเพื่อตามไปทวงแค้นไหวหรือ?

 

อีกทั้งมันจะฆ่าผู้คนที่ว่าร้ายนับร้อยนับพันได้หรือ?

 

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่มันจะจดจำหรือสามารถฆ่าคนทั้งหมดได้หรือไม่ด้วยซ้ำ เพราะต่อให้มันมีสามารถกระทำ อ๋องเฉียนก็ไม่ให้มันกระทำเรื่องเลอะเทอะพรรค์นั้นเด็ดขาด!

 

เพราะสุดท้ายแล้วตอนนี้มันก็คือคนของจวนอ๋องเฉียน ความเคลื่อนไหวอะไรของมันก็คล้ายกับตัวแทนของอ๋องเฉียน หากมันหัวร้อนฆ่าผู้คนที่ว่าร้ายมันมากมายเช่นนี้ ย่อมส่งผลต่อชื่อเสียงของจวนอ๋องเฉียนแน่นอน!

 

และตอนนี้ ชื่อเสียงก็นับเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดของอ๋องเฉียน!

 

มันคือคนที่ต้องการช่วงชิงบัลลังก์ แน่นอนว่าย่อมไม่มีทางปล่อยให้คนในจวนสร้างเรื่องที่จะทำให้มันเสื่อมเสียเด็ดขาด!

 

“จะว่าไป…คนที่อยู่ข้างๆซือถูหมิง ก็หน้าคุ้นๆอยู่นะ”

 

ไม่นานก็มีคนเริ่มคุ้นตาชายวัยกลางคนที่ลอยอยู่ข้างๆซือถูหมิงได้

 

“ฮ้า! ข้าพเจ้าจดจำมันได้แล้ว! มันคืออี้เฟิง!!”

 

ไม่นานก็มีคนโพล่งออกมา

 

“อี้เฟิง? สหายร่วมวิถีท่านนี้…แล้วอี้เฟิงที่ท่านว่าเป็นผู้ใดรึ?”

 

หลายคนเริ่มชักสีหน้างุนงงสงสัย เห็นได้ชัดว่านี่สมควรเป็นครั้งแรกที่พวกมันเคยได้ยินชื่อ อี้เฟิง