ตอนที่ 403 ส่งยา / ตอนที่ 404 ใคร่ครวญ

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ตอนที่ 403 ส่งยา  

 

 

 

 

 

หลิงอ๋องส่ายหน้าแล้วถอนใจ “ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอก หากวันนี้เจ้าไม่ตรวจสอบเรื่องนี้ พ่อก็คงไม่รู้ว่าเจ้าถูกรังแกถึงเพียงนี้ จะต้องสะสางให้ลุล่วง เป็นความผิดของพ่อเอง ตั้งแต่เสด็จแม่ของเจ้าจากไปก็ถูกสองแม่ลูกรังแกมามากเลยทีเดียว พ่อดูแลเจ้าไม่ทั่วถึง รู้สึกผิดต่อพระชายายิ่งนัก” 

 

 

“เสด็จพ่ออย่าโทษองค์เองเลย” อวี้อาเหราปลอบโยน “เสด็จพ่อเป็นท่านอ๋อง ไม่เหมือนบิดาของครอบครัวทั่วๆ ไป แน่นอนว่าย่อมมีเรื่องมากมายให้จัดการ ย่อมไม่อาจดูแลลูกได้ หากจะโทษก็ต้องโทษที่ลูกดวงไม่ดีเอง เสด็จแม่จากไปตั้งนานแล้ว ยังจะทำให้เสด็จพ่อทุกข์ใจอีก” 

 

 

“อย่าพูดเช่นนี้เลย ต่อไปเจ้าก็ดูแลตัวเองดีๆ” ดวงตาของหลิงอ๋องมีประกายหยาดน้ำตา ลูบหน้าลูบตา พยายามที่จะฝืนยิ้ม “เสด็จแม่ของเจ้าไม่ทันเห็นเจ้าเติบใหญ่ แต่พ่อจะต้องเห็นเจ้าแต่งงานให้ได้ เจ้าเป็นธิดาเอกแห่งจวนหลิงอ๋องเรา เรื่องแต่งงานย่อมไม่ใช่เรื่องธรรมดา พ่อจะต้องให้เจ้าได้แต่งงานอย่างราบรื่น ไม่มีใครในแผ่นดินนี้สู้เจ้าได้” 

 

 

“เสด็จพ่อ” อวี้อาเหราตีสีหน้าขรึม เรื่องเหล่านี้ควรเป็นสิ่งที่คุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋องตัวจริงควรได้รับ… 

 

 

“สุขภาพเจ้ายังไม่แข็งแรง กลับไปพักผ่อนเถิด” หลิงอ๋องเห็นนางมีท่าทีอ่อนแรง ทั้งยังสวมเสื้อผ้าบาง จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ย 

 

 

อวี้อาเหรากลับเบี่ยงประเด็น ทันใดนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “เสด็จพ่อ ลูกอยากไปที่หนานย่วนเพื่อดูแลท่านพี่ นางโดนแส้เฆี่ยนตีหนักถึงเพียงนั้น จะต้องทายาสมานแผล ตอนนี้นางถูกลงโทษ ในจวนมีแต่พวกยกย่องคนสูงเหยียบย่ำคนต่ำ ให้ลูกส่งยาไปให้นางสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ” 

 

 

“เจ้ายังยอมที่จะไปพบเยียนเอ๋อร์หรือ” หลิงอ๋องแปลกใจ 

 

 

“แม้นางจะไม่เคยดีต่อลูกเลย แต่อย่างไรเสียนางก็ยังมีสายสัมพันธ์เป็นพี่น้อง เสด็จพ่อยุ่งอยู่กับภารกิจ ตอนนี้อนุรองก็ตั้งครรภ์อยู่คงไม่สะดวกนัก เรื่องของเรือนหลังให้เป็นหน้าที่ของลูกเถิด เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระเสด็จพ่อในฐานะธิดาเอกของจวนหลิงอ๋อง” 

 

 

หลิงอ๋องซาบซึ้งใจนัก “หากเยียนเอ๋อร์มีสำนึกเหมือนเจ้าก็คงจะดี” 

 

 

“เสด็จพ่ออนุญาตให้ลูกไปได้หรือเจ้าคะ” อวี้อาเหรากะพริบตา 

 

 

“อืม ไปเถิด” หลิงอ๋องพยักหน้าหนักๆ  

 

 

เมี่ยวอวี้ชะงัก “ท่านอ๋อง แล้วหมอที่เชิญมาแล้วจะทำอย่างไรเจ้าคะ” 

 

 

หลิงอ๋องมองไปยังอวี้อาเหรา “เจ้าไปให้หมอดูอาการก่อนเถิด แล้วค่อยไปหนานย่วน หากสุขภาพเจ้าแย่ลงจะไม่ดี” 

 

 

“เจ้าค่ะ เสด็จพ่อ” แม้ปากของอวี้อาเหราจะยอมรับ แต่ในใจกลับใคร่ครวญ หลังจากที่หลิงอ๋องจากไปแล้ว จึงค่อยออกคำสั่งกับเมี่ยวอวี้ “เจ้าไม่หยิบยาสมานแผลมาแล้วไปหนานย่วนกับข้า เตรียมตัวไว้ให้ดี” 

 

 

“คุณหนูจะไม่กลับไปให้หมอดูอาการก่อนหรือเจ้าคะ” 

 

 

“ไม่ต้อง อีกสักครู่ให้ชิงอวิ๋นนำเงินไปให้หมอคนนั้น พวกเขาไม่ต้องตามข้าไปหนานย่วนด้วย” 

 

 

“เจ้าค่ะ บ่าวทราบแล้ว” เมี่ยวอวี้รู้ว่านางคงคิดเอาไว้แล้ว จึงไม่หว่านล้อมอะไรอีก แต่นางกลับย่นคิ้ว เอ่ยว่า “ตอนนี้คุณหนูใหญ่โกรธแค้นท่านเข้ากระดูกดำ หากไม่นำตัวพวกต้าเว่ยชิงอวิ๋นไปด้วยแล้ว บ่าวเกรงว่าจะไม่เป็นผลดีต่อคุณหนูนะเจ้าคะ…” 

 

 

“เจ้าคิดว่านางที่ในตอนนี้แม้แต่ลุกจากเตียงก็ยังทำไม่ได้ จะทำอะไรข้าได้เล่า” อวี้อาเหราถามกลับ ทำให้เมี่ยวอวี้หยุดพูดในทันที คุณหนูกล่าวได้ไม่เลว ตอนนี้คุณหนูใหญ่จะมีแรงไปทำร้ายใครได้ จึงไม่ต้องกลัวว่านางจะก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีก 

 

 

ยามที่ออกมาจากห้อง ก็เห็นสาวใช้ผู้หนึ่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ลมเย็นพัดเสียจนนางตัวสั่นเทา 

 

 

อวี้อาเหราถามนิ่งๆ “นางคุกเข่าทำไมกัน” 

 

 

“นางเป็นคนไปรายงานท่านอ๋องเจ้าค่ะ” เมี่ยวอวี้ว่า 

 

 

 

 

 

 ตอนที่ 404 ใคร่ครวญ 

 

 

 

 

 

อวี้อาเหราส่งสายตามองนางอย่างเกียจคร้าน มองไปยังสาวใช้ผู้นั้น “เป็นเจ้าที่ทำหรือ” 

 

 

“บ่าว…บ่าว…” ยามที่สาวใช้ผู้นั้นจะออกปากพูดอะไรสักอย่าง แต่กลับถูกอวี้อาเหราตัดบท นางหันไปพูดกับเมี่ยวอวี้ “เจ้าจัดการเองก็แล้วกัน” 

 

 

เมื่อพูดจบ นางก็ออกจากประตูไป 

 

 

สาวใช้มีท่าทีกระวนกระวาย ราวกับทั่วทั้งร่างอ่อนยวบลงในทันที 

 

 

เมี่ยวอวี้หันไปหาสาวใช้ข้างกาย “ไล่นางออกจากจวนไป” 

 

 

“เจ้าค่ะ” 

 

 

หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เมี่ยวอวี้ก็เดินตามมา อวี้อาเหราหันกลับไปถาม “เจ้าไล่นางออกจากจวนหรือ” 

 

 

“อืม” เมี่ยวอวี้พยักหน้า “นางเป็นสาวใช้ข้างกายของคุณหนูใหญ่ ก่อนหน้านี้ก็ลอบรังแกคุณหนูมาไม่น้อย ดังนั้นจึงใช้โอกาสนี้ไล่คนที่ชอบยกย่องผู้สูงส่งแต่เหยียบย่ำคนตกต่ำผู้นี้ออกไปจากจวนเพื่อแก้แค้นให้คุณหนูเจ้าค่ะ” 

 

 

“เจ้าช่างไม่อ่อนข้อเลยแม้แต่น้อย” อวี้อาเหราทำเพียงยิ้ม แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีคัดค้านอะไร  

 

 

เมี่ยวอวี้ยิ้มตอบ “บ่าวเพียงพิจารณาแทนคุณหนู แน่นอนว่าไม่อาจปล่อยคนที่คิดไม่ดีต่อคุณหนูเอาไว้ได้เจ้าค่ะ” 

 

 

“ไปกันเถิด ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว พวกเราไปหนานย่วนแล้วกลับมานอนกันเถิด” อวี้อาเหราไม่ว่าอะไร ในใจคิดถึงเรื่องที่ฉู่ป๋ายหายตัวไป ในใจก็รู้สึกหนักอึ้งขึ้นมา ทันใดนั้นก็กล่าวว่า “มีข่าวอะไรมาจากฉู่เกอบ้างหรือไม่ หากยังหาไม่พบ ก็ให้พวกต้าเว่ยไปค้นหาเถิด” 

 

 

“บ่าวทราบแล้ว” อวี้อาเหรากะพริบตาอย่างสงสัย “แต่ทำไมคุณหนูถึงใส่ใจเซิ่นซื่อจื่อถึงเพียงนี้เล่าเจ้าคะ” 

 

 

“เจ้าอยากจะพูดอะไร เจ้าคิดว่าข้ามีใจให้เขา จึงต้องกังวลถึงเพียงนี้ใช่ไหม” อวี้อาเหราเลิกคิ้วขึ้นด้วยความขบขัน 

 

 

เมี่ยวอวี้มีท่าทีลังเล อวี้อาเหรามองเห็นถึงความไม่แน่วใจของนาง “มีอะไรก็พูดมาตรงๆ เถิด ข้าไม่ลงโทษเจ้าหรอก” 

 

 

“บ่าวเคยคิดว่า บ่าวไม่เข้าใจ ก่อนหน้านี้คุณหนูยังขี้เกียจที่จะหาเรื่องอนุรองและคุณหนูใหญ่โดยใช้เรื่องของเหลียงเอ๋อร์ แต่เมื่อบ่าวพูดถึงคุณหนูใหญ่และเซิ่นซื่อจื่อ ท่านก็เปลี่ยนความคิด เมื่อคิดๆ ดูแล้ว…” 

 

 

“ไม่ผิด ไม่ผิด เป็นเพราะข้าอยากรู้เรื่องของฉู่ป๋ายผ่านอวี้จื่อเยียนจึงได้ทำเช่นนี้ ก่อนหน้าที่เขาจะหายตัวไปได้พูดคุยกับอวี้จื่อเยียน จากนั้นก็เดินจากไปด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก นี่เป็นเรื่องผิดปกติ อวี้จื่อเยียนอาจจะรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน หากไม่ลงมืออะไรเลย เจ้าคิดว่านางจะยอมบอกข้าง่ายๆ หรืออน่างไร” 

 

 

“ที่แท้คุณหนูใคร่ครวญเรื่องนี้เอาไว้แล้ว บ่าวช่างโง่เขลานัก ” ความสงสัยที่อยู่ในใจของเมี่ยวอวี้ก็ค่อยๆ สลายหายไป 

 

 

อวี้ออาเหรายิ้มให้นาง “เจ้าไม่ได้โง่เลยแม้แต่น้อย มิเช่นนั้นเจ้าจะเดาความในใจของข้าออกได้อย่างไรกัน” 

 

 

เมี่ยวอวี้ทำเพียงยิ้มไม่ตอบคำ 

 

 

บรรยากาศเงียบสลัด เมี่ยวอวี้ก็ถามขึ้นมาอีกว่า “บ่าวขอบังอาจถามขึ้นมาอีกครั้ง กับเซิ่นซื่อจื่อ ท่าน…” 

 

 

“นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าควรจะถาม” ใบหน้าของอวี้อาเหราเย็นชา น้ำเสียงกดต่ำนิ่งขึง นางไม่นึกต้องการที่จะพูดเรื่องนี้ เพราะแม้แต่ใจของนางเองก็เต็มไปด้วยความสับสน ไม่รู้ว่าฉู่ป๋ายควรอยู่ในสถานะใดในดวงใจ 

 

 

ไม่ว่าจะคิดเห็นอย่างไร นางก็สนใจเพียงว่าฉู่ป๋ายคุยอะไรกับอวี้จื่อเยียนกันแน่ จึงทำให้ใบหน้าเกิดความเปลี่ยนแปลงแล้วจึงจากไป นางรู้สึกแปลกใจต่อเรื่องนี้ยิ่งนัก เพราะฉะนั้นจึงอยากรู้ว่าเป็นเพราะอะไร แน่นอน อีกด้านหนึ่งฉู่ป๋ายเป็นผู้มีพระคุณผู้ช่วยชีวิตนาง เพราะฉะนั้นจึงต้องตามตัวให้พบให้จงได้ 

 

 

คงเป็นเพราะคิดเช่นนี้กระมัง 

 

 

อวี้อาเหราคิดขึ้นมาอย่างไม่แน่ใจ แม้แต่ระหว่างที่เดินทางไปปยังหนานย่วนก็ไม่ได้รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย จนเมื่อเมี่ยวอวี้ที่ยกตะเกียงและสาวใช้ที่เดินตามมาหยุดฝีเท้าขึ้นพร้อมกัน นางจึงค่อยรู้ตัว