ตอนที่ 306 มหากำแพงแห่งความมืด

Legend of the mythological genes

กระสวยบินลงจอดแล้ว

กลุ่มคนที่แต่งกายด้วยชุดเครื่องแบบสีดำและสีทองปกคลุมอากาศด้วยกลิ่นอายดุดัน พวกเขาเดินเข้าไปอย่างมั่นใจล้อมรอบเฟิงหลิน

นักเรียนเหล่านี้สามารถถือได้ว่าเป็นทหารด้วยร่างกายและท่าทาง!

นอกจากการเป็นมหาวิทยาลัยแล้ว มหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพงยังเป็นกลุ่มทหารอิสระ

“ เฟิงหลิน คุณเป็นเด็กใหม่ของมหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพงของเราสินะ?” หัวหน้ากลุ่มถาม ในขณะเดียวกันเฟิงหลินก็รู้สึกได้ว่านักเรียนคนอื่น ๆ จับตามองเขา

ท้ายที่สุดคนเหล่านี้ล้วนเป็นสุดยอดผู้บ่มเพาะ!

อีกครั้งที่เฟิงหลินรู้สึกถึงการคุกคามด้านพลัง ซึ่งส่วนใหญ่รู้สึกมาจากหัวหน้ากลุ่ม

หัวหน้าของกลุ่มเป็นชายชาวเอเชียหน้าตาดีมีผมสีแดง

เขาเป็นเหมือนดวงอาทิตย์เจิดจ้า

หรือเขาจะเป็นผู้ใช้ยีน?

นั่นไม่ได้หมายความว่าพลังของเขาเกิน 10,000?

มีเพียงมหาวิทยาลัยสิบอันดับแรกเท่านั้นที่จะมี ยกตัวอย่างเช่นมหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพง!

เฟิงหลินพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ แต่ยังหลงเหลือความกลัวในพลังของนักเรียนที่เขาเพิ่งพบ แม้ในจักรวาลก็ยังมีเพียงไม่กี่คนที่เป็นผู้ใช้ยีน!

เฟิงหลินรู้สึกว่านี่คืออนาคตของเขา

“ไม่เลวเลย!” หัวหน้าทีมอุทาน ขณะที่ดูบันทึกของเขาอย่างใจเย็น

เมื่อได้รับเอกสารหัวหน้าทีมจะเริ่มทำการตรวจสอบข้อมูลทันที

ดูเหมือนว่าเขาจะได้พบกับสิ่งที่น่าสนใจ ในขณะที่เขาพูดอย่างละเอียด “คุณเป็นผู้รอดชีวิตจากการล่มสลายของ านบินฉินใช่ไหม?”

ฉินเป็นรหัสยานบินของมหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพงที่เฟิงหลินเดินทางมาก่อนหน้านี้!

“ใช่!” เฟิงหลินตอบและพยักหน้า

จากการตอบกลับของเขาพบว่าอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป หัวหน้าทีมมองตรงไปที่เฟิงหลินด้วยสายตารุนแรงที่อธิบายไม่ได้

เฟิหงลินแข็งทื่อและระมัดระวัง ก่อนหน้าเขาไม่ได้รู้สึกเช่นนี้

ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างกระตุ้นสติเขา หัวหน้าทีมหวนกลับไปสู่ความสงบและเป็นกันเองอย่างรวดเร็ว เขายินดีต้อนรับเฟิงหลินด้วยการผายมือและต้อนรับอย่างอบอุ่นใหม่ “ยินดีต้อนรับสู่โรงเรียน! ผมแค่แปลกใจที่พบว่ามีใครบางคนรอดชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้ ขออภัยถ้าผมทำให้ตกใจ เพื่อน ๆ ของคุณจากกระสวยอวกาศก่อนหน้านี้ได้เดินทางมาถึงมหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพงแล้ว! “

มีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ เฟิงหลินถูกพาไปที่ห้องส่วนตัว หัวหน้าทีมเฝ้าดูอย่างระมัดระวังตลอดเวลา

เขาไม่ได้ถูกห้ามออกจากห้อง อย่างไรก็ตามเขาได้รับอนุญาตแค่ให้เดินไปรอบ ๆ บริเวณใกล้กับดาดฟ้าและถูกห้ามไม่ให้เข้าถึงพื้นที่สำคัญ

เฟิงหลินไม่ได้สนใจอะไรเขาสามารถพักผ่อนอย่างสบายใจ

เขากำลังสำรวจพื้นที่ ยานบินของมหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพงใช้เวลาสามวันในการวนก่อนที่จะกลับไปที่วิทยาเขต

สัญญาณเตือนของกระสวยอวกาศประกาศว่า “กระสวยอวกาศกำลังจะลงจอด ยินดีต้อนรับสูมหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพง! ป้อมปราการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับมนุษย์ระหว่างดวงดาว!”

เฟิงหลินลืมตาของเขาแล้วเดินไปที่ดาดฟ้าและในทันใด มุมมองตรงหน้าของเขาก็จับสายตาเขาทันที

เขากำลังจ้องมองกำแพงที่ทอดยาวสุดลูกตาบนอวกาศ มันเปล่งแสงสว่างท่ามกลางความมืด เปรียบเสมือนกำแพงที่ป้องกันมนุษย์ภายในทางช้างเผือก

มันเป็นเรื่องยากที่จะละสายตา

มันดูเหมือนกำแพงใหญ่ที่แผ่ขยายออกไปราวกับมังกรกำลังว่ายผ่านจักรวาล

ทั้งหมดเติมเต็มวิสัยทัศน์เขา แสดงถึงความงดงามของกำแพง

ส่องสว่างในความมืด! ปกป้องอารยธรรม!

เมื่อคุณดูอย่างละเอียดคุณจะสามารถบอกได้ว่าบนกำแพงที่คดเคี้ยวนั้นเป็นป้อมปราการหลายแห่ง พวกมันทำมาจากผนังเหล็กแข็งซึ่งเชื่อมโยงดวงดาวเข้าด้วยกัน เหมือนห่วงโซ่เปล่งแสงและพลังงานมากมายที่ไม่สามารถวัดได้

มันน่าทึ่งมากที่เทคโนโลยีได้พัฒนาไปไกลจนสามารถสร้างสิ่งประดิษฐ์ทรงอำนาจเช่นนี้

ด้วยการครอบครองเทคโนโลยีเช่นนี้ คนธรรมดาทั่วไปก็สามารถเป็นผู้เชี่ยวชาญได้

การใช้ดวงดาวเป็นรากฐานสำหรับป้อมปราการทำให้กำแพงใหญ่มีพลังงานไม่รู้จบ บางครั้งดวงดาวก็จะกระจายไปทั่วขอบฟ้าราวกับมังกรสีแดงที่น่าสยดสยองร่ายรำอยู่บนท้องฟ้า

อย่างไรก็ตาม มันไม่สามารถหนีออกมาจากชั้นบรรยากาศที่มีเมฆมากในท้องฟ้ายามค่ำคืน พวกเขายอมจำนนต่อพลังอันยิ่งใหญ่ของจักรวาลและถูกแปลงเป็นพลังงาน มันน่าทึ่งมากที่ได้เห็นกับตา

กำแพงกาแล็กซี่อันยิ่งใหญ่ ม่านมืดของท้องฟ้ายามค่ำคืนและดาวระยิบระยับเปล่งแสงและพลังงานก็ก่อตัวเป็นกำแพงที่ไม่มีที่สิ้นสุดนี้ซึ่งปกป้องอารยธรรมของมนุษย์ มันเป็นการป้องกันขั้นสูงสุด!

มีบรรยากาศที่น่ากลัวรอบกำแพง ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวการนองเลือดจากสงครามหลายครั้งที่เกิดขึ้นที่นั่น

 (สิ่งนี้ต้องใช้พลังจำนวนมหาศาลในการสร้าง! ต้องใช้พลังมากแค่ไหนในการสร้าง? มันไม่สามารถจินตนาการได้เช่นเดียวกับผลงานของพระเจ้าหรือปีศาจ!

“นี่คือมหากำแพงแห่งความมืด” เสียงเบา ๆ เปล่งออกมาข้างๆเขา

ดูเหมือนว่าชายผมสีแดงจะปรากฏออกมาจากที่ไหนสักแห่งและจ้องมองไปที่กำแพงใหญ่ด้วยความกลัวและความเคารพ

“คุณรู้ไหม?มนุษย์เต็มไปด้วยการมองโลกในแง่ดีเมื่อพวกเขาออกจากระบบสุริยะเป็นครั้งแรก พวกเขายังมีความหวังที่จะรอดการสังหารหมู่จากมนุษย์ต่างดาว ถ้ามันไม่ใช่เพราะการเสียสละของบรรพชนของเรา พวกเขาอาจสูญเสียดาวบรรพชน บรรพชนของเราต่อสู้และฆ่าเผ่าพันธุ์ต่างดาวโดยการไล่พวกมันออกจากกาแลคซีทางช้างเผือก พวกเขายังสร้างกำแพงอันยิ่งใหญ่นี้เพื่อเป็นแนวป้องกันที่ส่องสว่างให้กับจักรวาลที่มืดมิด ไม่เพียงแต่ปกป้องอารยธรรมของมนุษย์ แต่ยังเป็นประภาคารในอวกาศ ไม่ว่ามนุษย์จะเดินทางไปไกลกว่ากาแลคซีทางช้างเผือก พวกเขาจะสามารถหาทางกลับบ้านได้เมื่อมองย้อนมาที่กำแพงเมือง “

เฟิงหลินพยักหน้าเห็นด้วย

อันที่จริงกำแพงถูกสร้างขึ้นจากฮั่วเซียโบราณในช่วงยุคโลกโบราณที่การบุกรุกรุนแรง เป็นเรื่องธรรมดาที่ป้อมปราการแห่งท้องฟ้าจะได้รับชื่อเดียวกัน(Great Wall) มันเป็นป้อมปราการเหล็กของกาแลคซีทางช้างเผือกที่ปกป้องความปลอดภัยของมนุษย์ระหว่างดวงดาวและรับประกันอารยธรรม

(มันคือการนองเลือดและการเสียสละของบรรพชนของเรา)

กำแพงอาจดูเหมือนว่าทำจากเหล็ก แต่ความจริงก็คือมันสร้างมาจากการเสียสละของมนุษย์สินะ?

“คุณเห็นดาวป้อมปราการแต่ละดวงนั่นไหม?” ชายผู้มีผมสีแดงชี้และอธิบายอย่างละเอียด “แต่ละป้อมปราการเป็นตัวแทนของแต่ละคณะของมหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพง การสอนและเนื้อหาแตกต่างกันไปในแต่ละคณะ ในฐานะโรงเรียนที่เตรียมนักเรียนให้พร้อมกับการต่อสู้กับเผ่าพันธุ์นอกโลก สิ่งที่เราสอนไม่สามารถพบได้ในมหาวิทยาลัยอื่น คณะสงครามมุ่งเน้นไปที่การดูแลนักเรียนให้เป็นนักรบระหว่างดวงดาวที่มีความรอบรู้ในการต่อสู้ทางอวกาศ สาขาการศึกษานี้รวมถึงการศึกษาจักรกล การศึกษายานรบและการศึกษาสงครามอวกาศที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
คณะยีนมีไว้สำหรับผู้ที่สนใจในการเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับยีนในตำนาน คนเหล่านี้คือคนที่ต้องการเป็นนักพันธุกรรม นักสะกดจิตทางพันธุกรรม วิศวกรพันธุศาสตร์ และอื่นๆ สำหรับทุกคน เนื้อหาที่สอนแตกต่างกันอย่างมาก คุณควรเลือกคณะของคุณ และวิชาเอกตามจุดแข็งและลักษณะส่วนตัวเพื่อเพิ่มศักยภาพของคุณเอง ถ้าคุณเลือกเส้นทางผิดมันคงยากที่จะแก้ไขในอนาคต “

คนที่มีผมสีแดงแบ่งปันข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยให้เฟิงหลินฟัง

เฟิงหลินฟังอย่างตั้งใจจดจำผ่านจิต และพยักหน้าเป็นครั้งคราว

“ตั้งแต่ที่คุณลงทะเบียน ถือว่าเราเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนและเป็นเพื่อนกันด้วย ต่อจากนี้ไปผมหวังว่าจะสามารถต่อสู้เคียงข้างคุณในสนามรบเพื่อปกป้องมนุษยชาติ!” ด้วยเหตุนี้ชายผมสีแดงทำแตะไหล่ของเฟิงหลินและเดินออกไป

เฟิงหลินยิ้มและพยักหน้ารับ และหันไปจ้องกำแพง

(นี่คือสุดยอดกำแพง?)

ตุบ ตุบ ตุบ!

เสียงฝีเท้าที่รีบเร่งทำให้ความคิดของเขากระจายหายไป

“โอ้ทำไมคุณกลับมา?” เฟิงหลินขมวดคิ้วด้วยความสับสน ขณะที่เขาหันไปเผชิญหน้ากับชายผมสีแดงอีกครั้ง เฟิงหลินรู้สึกงุนงงมากขึ้นเมื่อพบว่าคราวนี้เขาพาคนมาด้วยกลุ่มนึง

เมื่อถึงจุดนี้เองที่เฟิงหลินสังเกตเห็นใบหน้าที่ดูเคร่งขรึมของชายผมสีแดง

“เฟิงหลินเราเพิ่งได้รับแจ้งว่าคุณเป็นสายลับจากเผ่าพันธุ์วิญญาณ! ตอนนี้คุณถูกจับกุม! เราได้รับอนุญาตให้ฆ่าคุณถ้าคุณต่อต้าน!”