ตอนที่ 649 การแย่งชิงอำนาจที่เผยความน่าเกลียด โดย ProjectZyphon
คำพูดของหลินจงดูเดือดดาลและแฝงการย้อนถาม
สีหน้าของคนใหญ่คนโตหลายคนของตระกูลหลินแห่งแสงอุดรดูไม่เป็นธรรมชาติขึ้นมา หากถามใจตัวเองดู ก่อนที่จะเกิดเรื่องกับหลินสวิน พวกเขาก็ได้รับผลประโยชน์จากภูเขาชำระจิตมากมายจริงๆ
ต่อให้เป็นในนครต้องห้าม หากพูดว่าพวกเขาเป็นคนในตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิต ก็จะได้รับความเคารพถึงสามส่วน
แต่ตอนนี้หลินสวินตายไปแล้ว!
ทั้งหมดนี้เปลี่ยนไปแล้ว ตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตมีศัตรูล้อมอยู่ทั่วทุกสารทิศ ไม่รู้ว่าถูกอิทธิพลมากมายเท่าไหร่จับจ้องอยู่ แทบจะล่มสลายอยู่แล้ว
ในเวลานี้พวกเบื้องบนตระกูลหลินแห่งแสงอุดรจะนั่งติดได้อย่างไร
“น่าขัน! ถ้าไม่มีการสนับสนุนจากตระกูลหลินแห่งแสงอุดรของข้า หลินสวินคนเดียวจะค้ำจุนทั้งภูเขาชำระจิตได้อย่างไร จำไว้ว่าพวกเราไม่ได้ติดค้างหลินสวิน!”
มีคนดูถูก
“หยุดพูดไร้สาระสักที ภูเขาชำระจิตในตอนนี้จะต้องเลือกผู้นำคนใหม่ ไม่ว่าเจ้าหลินจงจะยินยอมหรือไม่ วันนี้ก็ต้องให้คำตอบที่แน่ชัด!”
มีคนบีบบังคับเพื่อยึดอำนาจ
“หลินจง เจ้าก็ถือเป็นคนเก่าคนแก่ของตระกูลหลินแล้ว มีความจงรักภักดีเสมอมา พวกข้าเองก็ชื่นชม แต่ตอนนี้หลินสวินตายไปแล้ว ตระกูลหลินของพวกเราก็เผชิญกับความยากลำบากครั้งใหญ่ มาถึงช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย หากไม่ทำการเปลี่ยนแปลง กลัวว่าภูเขาชำระจิตจะหลุดมือพวกเราไป หวังว่าเจ้าจะใคร่ครวญให้รอบคอบ”
และมีคนช่วยพูดเกลี้ยกล่อมอย่างหวังดี
“ข้าบอกแล้วว่านายน้อยยังมีชีวิตอยู่ เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องคุยกันอีก!”
หลินจงยืนกราน ไม่หวั่นไหวกับคำพูดพวกนี้
เห็นเช่นนี้มีคนอารมณ์เสียขึ้นมา อดด่าไม่ได้ “ตาแก่อย่างเจ้านี่ดื้อดึงจริงๆ เจ้ายังจะหวังว่าไอ้หนูนั่นจะกลับมาอีกหรือ นานขนาดนี้แล้ว เขาต้องตายในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณแล้วแน่ ถูกกลุ่มราชันระดับสังสารวัฏตามฆ่านะ เขาเป็นแค่ผู้ฝึกปราณตัวเล็กๆ ถ้าสามารถรอดกลับมาได้ให้ข้าปาดคอตัวเองก็ยังได้!”
“ท่าน…” หลินจงโกรธจนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว เขาเป็นคนอารมณ์เย็นมากมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้เขาถูกยั่วโทสะเข้าแล้วจริงๆ หน้าเขียวอย่างที่สุด
“ทุกท่าน พวกท่านออกจะทำเกินไปแล้ว!”
เสี่ยวเคอที่อยู่ในฝั่งหนึ่งของห้องโถงมาโดยตลอดขมวดคิ้ว สุดท้ายก็อดพูดเสียงเย็นไม่ได้
“เจ้าเป็นแค่คนนอก มีสิทธิ์อะไรมาแทรกแซงเรื่องภายในตระกูลหลินของข้า ยังควรรู้จักสำรวมตน หุบปากไปเสียดีๆ!”
ผู้อาวุโสตระกูลหลินแห่งแสงอุดรคนหนึ่งผรุสวาท เขาชื่อหลินไหวถัง เป็นน้องชายแท้ๆ ของหลินไหวหย่วน
“ใช่ เรื่องภายในของตระกูลหลิน ไม่ใช่เรื่องที่พวกเจ้าจะมายุ่งได้!”
คนใหญ่คนโตอื่นๆ ของตระกูลหลินแห่งแสงอุดรต่างกล่าวโทษเสี่ยวเคอ
เสี่ยวเคอสายตาเย็นเยียบ นางถูกหลินสวินเชิญมาช่วยเหลือภูเขาชำระจิต ไม่ใช่ข้ารับใช้อะไร ตอนนี้กลับถูกปฏิเสธและตำหนิ ทำให้นางขัดเคืองใจขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่
และในเวลานี้เอง พญาแร้งได้ห้ามเสี่ยวเคอไว้ ถอนหายใจพูด “ก่อนไปหลินสวินมอบสิทธิ์จัดการภูเขาชำระจิตให้ข้า เพราะฉะนั้นข้าจะทำให้เขาผิดหวังไม่ได้ ข้าขอแนะนำให้ทุกท่านทำอะไรต้องอยู่ในขอบเขต อย่าทำเกินไป…”
ไม่รอให้พูดจบก็ถูกตัดบทอย่างหยาบคาย “ไอ้แก่พิการที่ถูกทำลายพลังปราณอย่างเจ้า ยังจะกล้ามาสั่งสอนพวกเราอย่างไม่ละอายใจหรือ คิดว่าตัวเองเป็นผู้นำภูเขาชำระจิตจริงๆ งั้นสิ นี่คือที่ของตระกูลหลินของข้า ไม่ใช่ที่ที่คนนอกอย่างเจ้าจะมาทำอวดดีได้ จำไว้!”
คำพูดนี้ไม่เพียงแค่ไม่เกรงใจ แต่เจือความเย้ยหยันและโจมตีอย่างไม่ปกปิดสักนิด
ถ้าเป็นตอนที่หลินสวินยังอยู่ พวกเขาอาจจะเกรงใจพญาแร้งอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ใครจะไปสนคนพิการคนหนึ่งเล่า
ชิ้ง!
เสี่ยวเคอเดือดดาลอย่างสิ้นเชิง ชักดาบยาวออกมา ดวงตาคู่ใสเต็มไปด้วยไอสังหาร
“ทำไม เจ้าคิดจะลงมือในอาณาเขตของตระกูลหลินหรือ” พวกคนตระกูลหลินแห่งแสงอุดรหัวเราะเยาะ แต่ละคนต่างไม่เกรงกลัว
พวกเขาอยากกำจัดคนนอกพวกนี้ออกไปตั้งนานแล้ว เหตุผลง่ายมาก เพราะก่อนไปหลินสวินได้มอบอำนาจทั้งหมดให้พวกพญาแร้ง เสี่ยวเคอ แน่นอนว่าเรื่องนี้ทำให้พวกเขาไม่พอใจมาก
ตอนนี้ในเมื่อหลินสวินตายไปแล้ว พวกเขาย่อมไม่สามารถทนให้สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินต่อไปได้
“เสี่ยวเคอ เก็บดาบ”
พญาแร้งโบกมือ สีหน้าเยือกเย็นเงียบนิ่ง แต่กลับแฝงความน่าเกรงขามที่ไม่เปิดโอกาสให้สงสัย
พูดจบสายตาของพญาแร้งก็มองไปทางหลินไหวหย่วนที่เงียบมาโดยตลอด พร้อมพูดว่า “สหาย ดูเหมือนว่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ล้วนผ่านการอนุญาตจากท่านแล้วใช่หรือไม่”
หลินไหวหย่วนสายตาวูบไหว พักใหญ่จึงถอนหายใจพูด “ข้าเองก็ทำอะไรไม่ได้ ช่วงนี้ตระกูลรองทั้งสามอย่างธารประจิม คานเมฆาและยอดวายุต่างเคลื่อนไหวกันอย่างผิดปกติ ยิ่งไปกว่านั้นยังส่งสารมาให้พวกเรา ว่าจะใช้ไม้แข็งยึดครองภูเขาชำระจิต สืบทอดอำนาจตระกูลหลิน ที่ข้าทำเช่นนี้ก็เพราะจนปัญญาจริงๆ”
“ถ้าอย่างนั้น ท่านคิดว่ามีเพียงให้ตระกูลหลินแห่งแสงอุดรครอบครองภูเขาชำระจิต จึงจะคลี่คลายภัยพิบัติครั้งนี้ได้งั้นหรือ” พญาแร้งถาม
หลินไหวหย่วนเงียบไปครู่หนึ่งค่อยถามกลับว่า “เช่นนั้นท่านพญาแร้งคิดว่า ควรคลี่คลายสถานการณ์อันยากลำบากที่ไม่เคยพบเจอนี้อย่างไร”
“รอ” พญาแร้งตอบง่ายๆ เพียงคำเดียว
แต่เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถทำให้พวกคนของตระกูลหลินแห่งแสงอุดรพอใจได้
“หึ! ข้าว่าตอนนี้เราเหลือเพียงทางเลือกเดียว”
จู่ๆ หลินไหวถังน้องชายของหลินไหวหย่วนก็พูดด้วยเสียงสงบเยือกเย็น
“ทางเลือกอันใด”
พญาแร้งคล้ายจะยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้ม ราวกับอ่านใจอีกฝ่ายออก
“ไปก้มหัวให้ตระกูลรองทั้งสามอย่างธารประจิม คานเมฆาและยอดวายุ พวกเราสี่ตระกูลควบคุมภูเขาชำระจิตร่วมกัน!”
หลินไหวถังพูดจบก็ราวกับฟ้าผ่า ทำให้บรรยากาศในห้องโถงเงียบลงไปทันที
“ไม่มีทาง!”
หลินจงเดือดดาล ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
แม้แต่หลินไหวหย่วนยังดูเหมือนแปลกใจอยู่บ้าง อึ้งงันไปก่อนจะขมวดคิ้วพูด “ไหวถัง เจ้าคิดว่าพวกเราก้มหัวให้พวกเขาแล้ว อีกฝ่ายจะยอมหยุดงั้นหรือ เบื้องหลังพวกเขามีตระกูลจั่วและฉิน ในสถานการณ์เช่นนี้ย่อมไม่มีทางปล่อยพวกเราไว้แน่”
“พี่ใหญ่ ท่านผิดแล้ว”
หลินไหวถังสีหน้ามาดมั่น พูดเรียบๆ ว่า “หากย้อนไปถึงรากเหง้า พวกเราล้วนเป็นตระกูลเดียวกัน พวกเรากับพวกเขาไม่เคยมีความแค้นต่อกัน คนที่พวกเขาจะไม่ยอมให้อภัยมีเพียงหลินสวินสายเลือดนี้เท่านั้น!”
“ตอนนี้หลินสวินตายไปแล้ว พวกเราเพียงแค่ต้องขับไล่คนนอกพวกนี้ออกไป แล้วเปิดภูเขาชำระจิต รับตระกูลหลินสายรองอื่นๆ เข้ามาอยู่ ภัยพิบัติที่อยู่ตรงหน้าก็จะสามารถคลี่คลายไปได้อย่างง่ายดาย”
บรรยากาศภายในห้องโถงเงียบกว่าเดิม หลายคนสายตาวูบไหว ในใจล้วนมีความคิดที่แตกต่างกัน
คำพูดนี้เรียกได้ว่าเป็นคำพูดจากใจ ความหมายก็คือจะตัดขาดกับหลินสวินอย่างสิ้นเชิง แล้วก้มหัวให้กับอิทธิพลฝ่ายศัตรูเพื่อแลกกับความปลอดภัยและความมั่งคั่ง
“พวกท่าน…โฉดชั่วเสมือนหมาป่าไม่มีผิด!”
หลินจงเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟ “เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วตระกูลหลินเกิดเหตุการณ์นองเลือดขึ้น สายเลือดของเจ้านายข้า นอกจากนายน้อยก็ถูกฆ่าแทบทั้งหมด นั่นเป็นวิกฤตครั้งใหญ่ที่สุดที่ตระกูลหลินประสบพบเจอ แต่พวกท่านในตอนนั้นก็เลือกจะทรยศ สมรู้ร่วมคิดกับศัตรูภายนอก แบ่งสมบัติของตระกูลหลิน ไม่เคยคิดจะไปแก้แค้นให้กับคนในตระกูลที่ตายไป!”
“ตระกูลหลินตกอยู่ในวิกฤตอีกครั้ง หรือพวกท่านยังอยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว”
“นายน้อยไม่ถือสาเรื่องก่อนเก่า คิดถึงสถานการณ์ในภาพรวมของตระกูลหลิน สุดท้ายตอบตกลงให้พวกท่านเข้ามาอยู่บนภูเขาชำระจิต ทั้งยังให้ผลประโยชน์กับพวกท่านมากมาย แต่พวกท่านล่ะ…จะตอบแทนนายน้อยเช่นนี้หรือ”
“พวกท่าน…อำมหิตนัก!”
หลินจงโมโหจนเบ้าตาแทบถลน โกรธจนหน้าเขียว เสียงเดือดดาลราวกับอสนีบาตสั่นสะเทือนห้องโถง ทำให้สีหน้าของหลายคนต่างเปลี่ยนไป
“ที่พวกเราทำก็เพื่อผลประโยชน์ของตระกูลหลิน หรือเจ้าจะปล่อยให้ภูเขาชำระจิตล่มจมไปทั้งอย่างนี้ จนถึงขั้นถูกศัตรูยึดครอง?”
ใบหน้าของหลินไหวถังไร้อารมณ์ นัยน์ตาเย็นชา
“ช่างเถอะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีก”
กลับเห็นหลินไหวหย่วนถอนหายใจยาวพลันพูดว่า “ในอดีตพวกเราทำผิดไปครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งนี้จะผิดซ้ำสองไม่ได้เด็ดขาด”
หลินไหวถังระบายยิ้มน้อยๆ ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น
แต่ในใจเขากลับรู้ดีว่า คำพูดนี้ของตนทำให้หลายคนหวั่นไหวแล้ว รอให้ถึงวันที่ภูเขาชำระจิตถูกบีบจนสุดทาง จะต้องมีผู้คนมากมายที่สนับสนุนให้ทำอย่างที่เขาพูดแน่นอน
“พี่ใหญ่ ในเมื่อท่านไม่เห็นด้วย ถ้าอย่างนั้นท่านคิดว่าตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไร อำนาจของภูเขาชำระจิตตกอยู่ในมือของคนนอกพวกนั้น แม้พวกเราอยากช่วยก็ช่วยไม่ได้นะ”
หลินไหวถังถอนหายใจพูด เสียงแม้จะแผ่วเบาแต่กลับซ่อนความแหลมคมและบีบบังคับรุนแรง ความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดก็คือ อย่างไรก็ต้องฉวยโอกาสนี้ช่วงชิงอำนาจของภูเขาชำระจิต
“ไม้ล้มวานรเตลิด ครั้งแรกที่เข้ามาในภูเขาชำระจิต ข้าก็เคยได้ยินหลินสวินพูดถึงปัญหานี้ ไม่คิดเลยว่าเพิ่งผ่านไปไม่เท่าไหร่ก็พิสูจน์ให้เห็นดังคาด”
พญาแร้งถอนหายใจเบาๆ สำหรับอำนาจของตระกูล การมีคนนอกเข้ามาแทรกแซงเช่นนี้อย่างไรก็เป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ฝูงมังกรไร้หัวเช่นนี้ สักวันก็ต้องเกิดศึกภายใน
เขาเคยเตือนหลินสวินและเตรียมใจกับเรื่องนี้มามากพอแล้ว เสียดายที่คนคำนวณไม่สู้ฟ้าลิขิต สุดท้ายเรื่องแบบนี้ก็ยังต้องเกิดขึ้น
“หึ! ท่านพญาแร้ง ท่านกำลังด่าว่าพวกเราไร้น้ำใจไร้คุณธรรมหรือ น่าขัน พวกท่านเป็นเพียงแค่คนนอก กลับยึดอำนาจของตระกูลหลินไม่ยอมปล่อย จะให้พวกข้าทำอย่างไร”
เหล่าคนใหญ่คนโตตระกูลหลินแห่งแสงอุดรต่างไม่พอใจ รู้สึกว่าคำพูดนี้ของพญาแร้งด่าเหมารวมพวกเขาทั้งหมดอย่างไม่ต้องสงสัย
มีเพียงหลินไหวหย่วนที่นั่งเงียบไม่พูดจา ขมวดคิ้วแน่น
ความจริงเขาก็ไม่อยากเห็นเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น แต่ตอนนี้ข่าวเกี่ยวกับการตายของหลินสวินแพร่สะพัดออกไปตั้งนานแล้ว ในสถานการณ์เช่นนี้ภูเขาชำระจิตมีทั้งศึกในศึกนอก คลื่นลมโหมกระหน่ำ ราวกับหอคอยที่กำลังจะถล่ม ทำให้หลินไหวหย่วนปวดหัวอย่างที่สุด
จะทำอย่างไรดี
แม้แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกจนปัญญาอยู่บ้างจริงๆ!
“พี่ใหญ่ มาถึงขนาดนี้แล้วยังจะลังเลอะไร ภูเขาชำระจิตไม่มีผู้นำไม่ได้ ตอนนี้การที่ท่านออกคำสั่งในสถานการณ์คับขัน ครอบครองอำนาจภูเขาชำระจิต ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว ตระกูลหลินของพวกเรายอมให้คนนอกเข้ามาแทรกแซงไม่ได้อีกแล้ว!”
หลินไหวถังสนับสนุนอยู่ข้างๆ
คนตระกูลหลินแห่งแสงอุดรคนอื่นๆ เองก็ร้องรับ
“นี่…”
หลินไหวหย่วนสีหน้าอึมครึมไม่สงบ
ทว่าในใจพวกหลินจง เสี่ยวเคอต่างหนาวเหน็บ สีหน้าย่ำแย่ มีเพียงพญาแร้งเท่านั้นที่ไม่สะทกสะท้าน ดูนิ่งสงบอย่างมาก เรื่องพวกนี้อยู่ในการคาดเดาของเขาแต่แรกแล้ว แม้จะเหนือความคาดหมายอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ตกตะลึง
เพียงแต่ในใจเขากลับมีความกังวลเสี้ยวหนึ่ง หากไม่สามารถคลี่คลายพิบัติภัยนี้ได้ แม้ว่าในอนาคตหลินสวินจะกลับมา ก็สายไปแล้ว!
ตึกๆๆ
ตอนนี้เองจู่ๆ ประตูห้องโถงที่ปิดสนิทก็ถูกเคาะจากด้านนอก
หืม?
ทันใดนั้นทุกคนต่างขมวดคิ้ว นี่มันโถงประชุมบนยอดภูเขาชำระจิตเชียวนะ และพวกเขาก็กำลังจัดการประชุมที่สำคัญที่สุดอยู่
คนคุ้มกันคนไหนไม่รู้จักกาลเทศะ กล้ามาเคาะประตูตอนนี้
——