ตอนที่ 680 จบรึยัง?​

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

“พี่ฮวง เราไม่ตามไปเหรอ?” หลังจากที่กลุ่มของชูฮันเดินจากไป คนหนึ่งในกลุ่มก็ถามขึ้นมาอย่างร้อนใจ

 

คนที่เหลือเองก็เห็นด้วย “ใช่ พี่ฮวง! ท่านเสี่ยวเย่ถูกทำร้ายขนาดนี้! เราจะปล่อยพวกมันไปง่ายๆอย่างนี้เหรอ?!”

 

มันมีแววตาเยาะเย้ยในสายตาของฮวงชูเจิ้น “ถ้าพวกนายอยากจะตาย ฉันก็ไม่ห้าม”

 

ทั้งบริเวณตกอยู่ในความเงียบทันที หลายคนจ้องเขม็งมาที่ฮวงชูเจิ้นที่พูดจาแบบนี้ พวกเขามองไม่เห็นแววตาล้อเล่นของฮวงชูเจิ้นเลย ตอนนี้แม้แต่เหล่ามนุษย์สายพันธุ์ใหม่ในกลุ่มก็ช็อค

 

โดยไม่รู้ตัว ทุกคนมองตามหลังชูฮันที่ไกลออกไปอย่างตระหนกผสมความกลัว คนพวกนี้แข็งแกร่งขนาดไหนกันถึงทำให้พี่ฮวงชูเจิ้นกลัวได้ขนาดนี้?

 

ความจริงฮวงชูเจิ้นเป็นคนที่แข็งแกร่งและเป็นที่โด่งดังในหนานตู้ ครั้งนี้พวกเขาปิดบังตัวตนและตำแหน่งของพวกเขาเพราะไม่คิดว่าจะเจอกลุ่มคนแปลกหน้า!

 

ฮวงชูเจิ้นมองตามหลังกลุ่มของชูฮันที่เดินจากไปเงียบ    ๆจนหายไปจากระยะสายตา ฮวงชูเจิ้นก็ดึงสายตาของตัวเองกลับมา เขาไม่ใช่คนที่ไม่รู้อะไรแบบเสี่ยวเย่ เพียงแค่เห็นการทำงานของทีมกุ้งเสือดำ เขาก็เข้าใจสถานการณ์ดีว่าตัวเองกับเผชิญหน้ากับอะไร

 

ฝีเท้าที่เงียบสนิทไร้เสียง ตำแหน่งที่จัดวางอย่างเป็นระบบ แม้แต่ในกองทัพมันก็ยากที่จะฝึกทหารให้ได้มาตรฐานระดับนี้ ทั้งๆที่มันมีปัจจัยของต่างสถานที่ต่างสภาพแวดล้อม แต่คนกลุ่มนี้กำลังทำงานกันอย่างเป็นระบบและหาตำแหน่งที่ดีที่สุดได้ภายในเสี้ยววินาที ฮวงชูเจิ้นไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าอีกฝ่ายลงมือขึ้นมาจริงๆ พวกเขาจะเป็นอย่างไร

 

แต่ที่รู้ๆ ฮวงชูเจิ้นคิดว่านี้ต้องเป็นทีมในตำนานของจีนอย่างที่คิดแน่นอน ไม่ทีมหลงยาก็ฮูหยา!

 

ฮวงชูเจิ้นขมวดคิ้วอย่างสงสัย ทำไมซางจิงถึงไม่รายงานว่าสมาชิกหลักของทั้งสองทีมตายในหน้าที่กันไปหมดแล้ว?

 

นี้มันวันอะไรกัน?

 

ฮวงชูเจิ้นงุนงง ไม่รู้ควรจะทำยังไงต่อดี ตัดสินใจออกคำสั่ง “กลับไปที่หนานตู้!”

 

ทีมหลงยาหรือฮูหยาปรากฏตัวในสถานที่เช่นนี้ ฮวงชูเจิ้นที่ตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ดีจึงกังวลและตกใจอย่างมาก ดูเหมือนว่าเขาจะต้องรีบรายงานเรื่องนี้ต่อผู้บังคับบัญชาโดยเร็วที่สุด!

 

————–

 

ในตอนนั้น ชูฮันและคนอื่นๆก็ได้เดินทางข้ามหุบเขามาแล้ว พวกเขามุ่งหน้าไปหาเสาหินประเมิณ สำหรับเหล่าทหารผ่านศึกที่เผชิญกับฮวงชูเจิ้นและเสี่ยวเย่ระหว่างทาง ยกเว้นสมาชิกใหม่ของทีมกุ้งเสือดำยังคงมีความกังวลในอยู่

 

“พวกนายไม่สามารถปีนขึ้นไปได้ เราคงต้องลากันตรงนี้ ใช้ชีวิตให้ดีนะ” เนินเขาที่ต้องปีนขึ้นมาบีบบังคับให้หลูปิงเซ่อต้องบอกลาฝูงกวางของเขา

 

ในกรณีรี้ทำให้เหล่าสัมภาระทั้งหลายที่ฝูงกวางแบกให้ก่อนหน้านี้ตกกลับมาที่ของทุกคนเหมือนเดิม ฟานเจี้ยนที่ใจร้อนก็พูดขึ้น “หมดหน้าที่นายแล้ว ทั้งๆที่หัวหน้าทำให้ขนาดนั้น?”

 

“นายมันไม่รู้อะไร!” หลูปิงเซ่อแสนจะหงุดหงิดกับฟานเจี้ยน เขาลูบหัวของเหล่ากวางทั้งหลายและออกตัววิ่งตามชูฮันที่นำหน้าไปแล้ว

 

ฟานเจี้ยนเองก็รีบตามเช่นกัน เขาเอ่ยถามอย่างสงสัย “นายนี่น่าทึ่งชะมัด ความสามารถแบบนี้ นายสามารถสื่อสารกับแมลงสาบหรือสัตว์ได้ทุกชนิดเลยมั้ย?”

 

“ความถี่”หลูปิงเซ่อเชิดคางขึ้นอย่างภูมิใจ

 

ฟานเจี้ยนพึมพำและส่ายหัส “ฉันไม่เข้าใจ เจาะจงกว่านี้หน่อย”

 

“คลื่นความถี่!” หลูปิงเซ่อยิ้มเยาะใส่ฟานเจี้ยน “เข้ามาใกล้ๆสิ ฉันจะทำให้ดู”

 

ฟานเจี้ยนยื่นหน้าเข้าใจด้วยความอยากรู้เต็มที่ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังงานในหัว มันไม่มีเสียงตรงหูให้ได้ยิน แต่มันมีคลื่นบางอย่างที่ส่งภาษาให้ได้ยินชัดเจนในหัว

 

“นายมันห่วย”

 

ฟานเจี้ยนตะลึงไปชั่วขณะ เขาส่ายหัวอย่างประหลาดใจ ตามมาด้วยความตกใจ “นายกล้าว่าหัวหน้าว่าห่วยได้ยังไง?”

 

เฮ้ย!

 

ทั้งทีมที่กำลังเดินอยู่หยุดชะงักกันหมดทันที ทีมกุ้งเสือดำทั้ง 50 คนหันขวับกลับมามอง ชูฮันที่อยู่หน้าสุดเองก็หยุดฝีเท้าและหันกลับมามองสองคนข้างหลังสุด

 

“ฉันถูกใส่ร้าย!” หลูปิงเซ่อตะโกน ชี้นิ้วไปที่ฟานเจี้ยน เบิกตาโตไปทางชูฮัน “เขาโกหก! เขาอิจฉาที่หัวหน้าไว้ใจผม เขาใส่ร้ายผมเพื่อให้หัวหน้าเกลียดผม!”

 

ชูฮันยิ้มมุมปาก “เร่งความเร็วขึ้น”

 

“หึ!” หลูปิงเซ่อยิ้มเยาะใส่ฟานเจี้ยน หมุนตัวหนีและออกเดิน

 

ฟานเจี้ยนเพียงแค่ยิ้มและตามมากวนหลูปิงเซ่อต่อ “เฮ้ ฉันบอกว่ามันน่าทึ่งมาก นี่นายสามารถสื่อสารกับสัตว์ทุกชนิดได้ด้วยวิธีนี้งั้นเหรอ? แต่พวกสัตว์มันเข้าใจภาษคนเหรอ นายทำยังไง?”

 

หลูปิงเซ่อไม่ตอบ เขาเพียงมองด้วยสายปลุกปลั่นและรอดูท่าทีอยากรู้อยากเห็นของฟานเจี้ยน ในเมื่อมันหลอกเขาก่อน เขาก็จะต้องเอาคืน

 

“พูดสิ!” ฟานเจี้ยนจับแขนหลูปิงเซ่ออย่างสงสัยจัด “อยากเจอความสามารถของฉันเหรอ”

 

“อย่าพูดเรื่องไร้สาระ” หลูปิงเซ่อยิ้มอย่างเย่อหยิ่ง “ถ้าไม่มีภาษา นายจะสื่อสารยังไง? อย่าจำกัดความสามารถของตัวเองสิ นายนี่โง่เกินไปที่จะเข้าใจความอัจฉริยะของฉัน”

 

สีหน้าของฟานเจี้ยนดำคล้ำ ตามมาด้วยแววตาแปลกๆ และเอ่ยถามคำถามที่ทำให้หลูปิงเซ่อตะลึง “นายสามารถสื่อสารกับซอมบี้ได้มั้ย?”

 

“หึ! ไม่ได้ละสิ!” ฟานเจี้ยนหัวเราะเยาะ เขาชนะอีกเกมส์แล้ว “ฉันคิดว่านายจะสุดยอด แต่ผลกลับว่านายก็ไม่ได้สามารถสื่อสารได้ทุกสิ่งมีชีวิตซะหน่อย!”

 

“ทุกสิ่งมีชีวิต!” หลูปิงเซ่อเถียงกลับ “แต่ซอมบี้มันคนละเรื่อง พวกมันใช้คลื่นความถี่อีกแบบ”

 

“ฉันเข้าใจแล้ว ความสามารถของนายมีข้อบกพร่อง” ฟานเจี้ยนยังคงแหย่อารมณ์ของหลูปิงเซ่อต่อ

 

“เงียบซะ! ความสามารถของฉันเพอร์เฟค!” หลูปิงเซ่อโมโห

 

ในตอนนั้นเอง ชูฮันที่เดินนำหน้าอยู่ก็เดินกลับมาหาทั้งสองคนที่อยู่ข้างหลังสุด แววตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง “คุณทั้งสองคนคุยกันเสร็จหรือยัง พวกซอมบี้มันมีสมองหรือไง?”

 

ไม่เพียงแค่หลูปิงเซ่อ แต่ฟานเจี้ยนเองก็นิ่งค้างไปเหมือนกัน หลูปิงเซ่อพึ่งสมองในการสื่อสารภาษาผ่านคลื่นความถี่ แต่มันจะทำได้ก็ต่อเมื่อฝ่ายที่รับนั้นมีสมอง

 

และทุกคนก็รู้กันดีว่ารากสมองของซอมบี้ตายไปหมดแล้วหลักจากติดเชื้อไวรัส เหลือไว้แค่เพียงการเคลื่อนไหวของเส้นประสาท

 

“แน่นอนครับ หัวหน้าฉลาดที่สุด!” หลูปิงเซ่อเริ่มประจบ “ผมมันโง่”

 

“อย่าพูดเรื่องไร้สาระ เราถึงแล้ว” ชูฮันยิ้มบางๆ ชี้นิ้วไปที่แม่น้ำสายเล็กๆสองสายที่อยู่ห่างไม่ไกล