ตอนที่ 274 เกลี้ยกล่อม / ตอนที่ 275 คุณพูดอะไรก็ถูกทั้งนั้น

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 274 เกลี้ยกล่อม 

 

 

           เขาฟังแล้วมองไปยังศีรษะของฉินเพ่ยหรง เห็นเส้นผมสีดอกเลาของเธอแล้วหัวใจอ่อนยวบทันที แต่เขายังคงยืนยันที่จะอยู่เคียงข้างเฉียวซือมู่ “คุณแม่อย่าพูดแบบนั้นสิครับ เอาเป็นว่า ผมรับปากคุณแม่ ต่อไปคุณพ่อคุณแม่แก่แล้ว ผมกับเธอจะต้องดูแลคุณพ่อคุณแม่เป็นอย่างดีอย่างแน่นอน ถ้าเราสองคนทำไม่ได้ เราก็จะหาคนรับใช้ที่ดีที่สุดมาช่วยดูแลคุณพ่อคุณแม่เอง แบบนี้ดีไหมครับ?” 

 

 

           เขาคิดว่าพูดแบบนี้แล้วเธอจะดีใจ แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะหน้าเปลี่ยนสีทันที “ที่แท้ลูกก็คิดแบบนี้นี่เอง ไม่ทันไรก็คิดจะส่งเราให้คนใช้ดูแลแล้วอย่างนั้นเหรอ? แล้วลูกคิดจะส่งพวกเราไปอยู่บ้านพักคนชราด้วยหรือเปล่า ที่แท้ลูกมันอกตัญญู ไม่ยอมแม้แต่จะดูแลพวกเรา แม่… แม่ล่ะอยากจะบ้าตาย…” 

 

 

           เธอพูดพรั่งพรูออกมาจนอกกระเพื่อมด้วยความโมโห 

 

 

           ในสายตาผู้สูงอายุชาวจีน มีแต่คนแก่ไร้ที่พึ่งเท่านั้นที่จะไปอยู่ในบ้านพักคนชรา ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้นมากที่สุด พอได้ยินลูกชายพูดแบบนี้เธอจึงโมโหแทบบ้าตาย 

 

 

           จิ้นหยวนงงเป็นไก่ตาแตก เขาเอ่ยขึ้นอย่างไม่เข้าใจ “ผมไม่ได้พูดสักคำว่าจะให้คุณแม่ไปอยู่บ้านพักคนชรานะครับ เราจะดูแลคุณแม่ให้ดีที่สุด…” 

 

 

           “สายไปแล้ว” เธอต่อว่าเขาด้วยความโกรธจัด “ใครสอนให้ลูกพูดแบบนี้? ผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม? แม่จะบอกอะไรให้นะ แม่ไม่ชอบเธอ ไม่ว่าลูกจะพูดยังไงแม่ก็ไม่ยอมให้ลูกแต่งเธอเข้าบ้านเด็ดขาด ไม่ทันไรก็ให้ลูกรับคมมีดแทนแล้ว แล้วยังไม่อยากดูแลคนแก่อีก? แม่ไม่เอาลูกสะใภ้แบบนี้เด็ดขาด!” 

 

 

           ฉินเพ่ยหรงอาละวาดเสร็จแล้วสะบัดตัวเดินออกจากห้องทันที จิ้นหยวนไม่คิดเลยว่าคุยกันอยู่ดีๆ จะกลายเป็นแบบนี้ไปได้ เขาพยายามเรียกเธอเอาไว้แต่ก็ไร้ผล 

 

 

           ตรงประตูห้อง เสียงฝีเท้าของฉินเพ่ยหรงหยุดชะงักชั่วครู่ จากนั้นเสียงฝีเท้าดังขึ้นอีกครั้งพร้อมๆ กับเสียงปิดประตูดังปังใหญ่ ดูเหมือนว่าเธอจะโกรธมากจริงๆ 

 

 

           จนถึงตอนนี้จิ้นหยวนยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก เขาไม่ได้พูดอะไรผิดนี่นา แล้วทำไมคุณแม่ต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟมากขนาดนั้นด้วย? 

 

 

           ทันใดนั้น ประตูถูกเปิดออกอีกครั้ง เขานึกว่าคุณแม่กลับมาอีก จึงเงยหน้าขึ้นมอง “คุณแม่ฟังผมก่อน…” แต่คนที่ยืนอยู่ตรงประตูกลับกลายเป็นเฉียวซือมู่ที่ถือถุงพลาสติกในมือแทน เขาจึงหบปากทันที 

 

 

           เขาอยากจะพูดอะไรสักหน่อย แต่พอเห็นสีหน้าไม่สู้ดีนักของเธอจึงนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้คุณแม่หยุดอยู่ตรงประตูชั่วครู่ จึงเอ่ยถามหยั่งเชิง “คุณกลับมาถึงนานหรือยัง?” 

 

 

           สภาพจิตใจของเฉียวซือมู่สับสนปนเป น้ำเสียงฟังดูไม่ดีนัก “สักครู่แล้วค่ะ” 

 

 

           ถ้าเช่นนั้นก็หมายความว่าเธอได้ยินบทสนทนาทั้งหมดแล้วนะสิ 

 

 

           เขานึกถึงคำพูดของคุณแม่แล้วทอดถอนใจ กวักมือเรียกเฉียวซือมู่ “มานี่มา” 

 

 

           เฉียวซือมู่กัดริมฝีปาก เดินเข้าไปในห้องแล้วนั่งลงข้างเขา จิ้นหยวนนอนเอนกายอยู่บนเตียง ยื่นแขนออกไปรั้งเธอเข้าไปกอด “คุณโกรธเหรอ?” 

 

 

           เฉียวซือมู่ชะงัก “เปล่าค่ะ” เธอตอบสั้นๆ แต่น้ำเสียงฟังดูฝืดฝืน 

 

 

           จิ้นหยวนกระชับแขนกอดเธอแน่นขึ้น “คุณแม่อายุมากแล้ว ก็เลยใจร้อนไปหน่อย คุณอย่าเอามาใส่ใจเลยนะ นานไปเดี๋ยวท่านก็รู้เองว่าคุณดียังไง” 

 

 

           เฉียวซือมู่เม้มริมฝีปากไม่พูด เธอรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าฉินเพ่ยหรงไม่ได้อยากกินขนมเค้กจริงๆ แต่ต้องการกันเธอออกไปต่างหาก แต่เธอก็ยอมออกไปซื้อขนมเค้กมาให้แต่โดยดี พอกลับมาถึงก็เห็นพี่โจวทำไม้ทำมือให้เธอแอบฟัง และนั่นทำให้เธอได้ยินคำพูดของฉินเพ่ยหรงที่ว่าเธอไม่ใช่คนดี และไม่มีทางยอมให้จิ้นหยวนแต่งเธอเข้าตระกูลจิ้นเด็ดขาด 

 

 

           คำพูดนั้นเป็นการดูถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีเธอมาก เธอไม่ได้ทำผิดอะไร แล้วฉินเพ่ยหรงมีสิทธิ์อะไรมาว่าเธอแบบนี้ แม้เธอจะไม่เคยคิดที่จะแต่งงานกับจิ้นหยวน แต่คำพูดพวกนั้นก็มากเพียงพอที่จะทำให้เธอโกรธแล้ว 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 275  คุณพูดอะไรก็ถูกทั้งนั้น  

 

 

           เฉียวซือมู่รู้ว่าฉินเพ่ยหรงไม่ชอบตัวเอง แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะมีอคติกับตัวเองมากขนาดนี้ มันทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยหน่ายมาก ฉินเพ่ยหรงมีอคติกับเธอมากขนาดนี้ ต่อให้จิ้นหยวนชอบเธอมากแค่ไหนก็ตาม ต่อไปเธอคงอยู่อย่างไม่สงบสุขแน่ 

 

 

           จิ้นหยวนกลับยังคงคิดในแง่ดี “คุณแม่ผมก็เป็นแบบนี้แหละ อีกหน่อยก็ดีขึ้นเอง คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ” 

 

 

           เธอชำเลืองมองเขาแวบหนึ่งโดยไม่พูดอะไร 

 

 

           เธอไม่มีทางมองโลกในแง่ดีเช่นเขาแน่ แต่ก็ไม่กล้าทำลายความเชื่อมั่นของเขาเหมือนกัน 

 

 

           จิ้นหยวนเห็นเธอเงียบไปจึงคิดว่าเธอเห็นด้วยแล้ว จึงเอ่ยปลอบเธอ “เถอะน่า อย่าโกรธเลยนะ ผมขอโทษคุณแทนคุณแม่โอเคไหม?” 

 

 

           เอ่ยพลางยื่นหน้าเข้าใกล้เธอ “เอาเลย ผมยอมคุณทุกอย่าง คุณอยากจะย่ำยีผมยังไงก็ได้ ผมรับรองว่าจะไม่ขัดขืนคุณเลย” 

 

 

           คำพูดและน้ำเสียงน่าสงสารของเขาทำให้เฉียวซือมู่หัวเราะพรืดออกมา “ใครอยากจะย่ำยีคุณกัน หน้าไม่อายที่สุด” 

 

 

           เธอไม่ใช่เขานี่ เอะอะก็แทะโลมตลอด 

 

 

           ในที่สุดเขาก็เห็นรอยยิ้มของเธอเสียที เขาขโมยหอมแก้มเธออย่างห้ามใจไม่ไหว เธอขึงตาใส่เขา “อีกแล้ว คุณเป็นคนป่วยนะ อย่าทำแบบนี้ได้ไหมคะ?” 

 

 

           “คนป่วยแล้วยังไง? คนป่วยก็มีสิทธิ์ได้รับการปลอบใจเหมือนกันนะ” จิ้นหยวนยังคงมีหลักการของตัวเองเหมือนเดิม เธอได้แต่กรอกตาเซ็งๆ “ค่า คุณพูดอะไรก็ถูกทั้งนั้นแหละค่า” 

 

 

           ถึงกระนั้นก็เถอะ จิ้นหยวนยังคงกดเธอไว้ใต้ร่างไม่ปล่อย หาความสุขเล็กๆ น้อยๆ จากเธอจนเต็มอิ่ม ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญที่เขาทำตามใจต้องการไม่ได้ ได้หาความสุขเล็กๆ น้อยๆ พอแก้กระหายก็ยังดี… 

 

 

           ตอนที่เธอกลิ้งลงจากเตียงพร้อมใบหน้าแดงก่ำก็หลังจากผ่านไปแล้วหนึ่งชั่วโมงนั่นแหละ เธอจ้องเขาตาเขียวปั๊ด จิ้นหยวนยิ้มร้ายๆ อย่างพอใจเหมือนแมวที่แอบขโมยกินปลาย่างสำเร็จไม่มีผิด 

 

 

           เธอสะบัดแขนที่ปวดเมื่อยไปหมดของตัวเองแล้ววิ่งพุ่งเข้าไปล้างมือในห้องน้ำ หลังจากล้างมือไปหลายรอบจึงเดินออกมา “จากการกระทำชั่วร้ายของคุณ ฉันขอประกาศว่าวันนี้คุณไม่ต้องกินข้าวเย็น คอยดูฉันกินไปก็แล้วกัน” 

 

 

           ยามแรกจิ้นหยวนไม่แยแสสักนิด แต่พออาหารเย็นถูกนำมาเสิร์ฟแล้วเขาเห็นว่าเธอไม่ยอมป้อนอาหารให้เขาจริงตามที่ลั่นวาจาเอาไว้ จึงเลิกคิ้วขึ้นเอ่ยถาม “นี่คุณจะปล่อยให้ผู้ชายของตัวเองอดตายจริงเหรอ?” 

 

 

           เฉียวซือมู่ครางเสียงฮือย่างเย็นชา “ไม่ให้กิน ฉันว่าคุณอารมณ์ร้อนมากเกินไป ควรจะใจเย็นลงหน่อยนะ” 

 

 

           จิ้นหยวนมองเธอเซ็งๆ ค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่ง แววตาแฝงรอยยิ้มร้าย 

 

 

           คราวนี้เฉียวซือมู่ไม่ยอมอ่อนข้อให้เขาอีก เห็นเขาขยับกายจึงรีบหยกถาดอาหารไปวางอีกทางพลางเอ่ยเตือน “ไม่ให้ก็คือไม่ให้ ต่อให้คุณแย่งฉันก็ไม่ให้” 

 

 

           “ไม่ให้จริงเหรอ?” เขากระเถิบเข้าไปใกล้เธอ เอ่ยเสียงเบาหวิวข้างหูเธอ 

 

 

           เธอขึงตาใส่เขา หมุนตัวหันไปทางอื่น เธอไม่อยากเห็นหน้าผู้ชายหน้าไม่อายคนนี้แล้ว 

 

 

           จิ้นหยวนหัวเราะร่าเสียงดัง เธอกระวนกระวายใจ “นี่คุณอยากตายหรือไง ระวังแผลด้วยสิ” 

 

 

           จิ้นหยวนก้มลงมองหน้าอกตนแล้วเอ่ยอย่างไม่แยแส “จะกลัวอะไร น่าจะตัดไหมได้แล้ว” 

 

 

           “ตัดได้หรือเปล่าต้องให้หมอเป็นคนบอก คุณจะไปรู้ได้ยังไงไม่ทราบ?” เธอกรอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย 

 

 

           จู่ๆ เขาก็เอี้ยวตัวกอดเธอเอาไว้ พร้อมหอมแก้มเธอฟอดใหญ่ “คุณนี่น่ารักจริงๆ เลย” 

 

 

           เธอถูกเขากอดเอาไว้แน่น เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองทำตัวเหมือนเด็กๆ จึงหน้าแดงซ่านด้วยความอาย เธอใช้กำปั้นเล็กๆ ทุบลงบนหลังเขาเบาๆ เป็นการระบายความอารมณ์พอเป็นพิธี