บทที่ 297 รอเธอฟื้นขึ้นมาผมค่อยไป

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

หยาดฝนไม่อยากฟังจึงไปเก็บกระเป๋าเดินทางโดยไม่บอกไม่กล่าว “บางทีฉันคงจะไร้ความสามารถขนาดนั้นแหละ หรืออาจเป็นโชคชะตา ฉันยอมรับแค่ว่าฉันใส่ยาในซุปปลา พี่สะใภ้ไม่ต้องห่วง”

คิ้วสุนันท์ขมวดสูง หยาดฝนจึงปล่อยเธอหมดหวังถึงขีดสุด!

“ไปบ้าบออะไรกัน! ก่อนที่นังแพศยาเชอร์รีนยังไม่ได้เลิกหรืออยู่ห่างจากออกัส เธอก็ห้ามไปไหนทั้งนั้น!”

หยาดฝนไม่เห็นด้วย จึงเตือนเธอเบาๆว่า “พี่สะใภ้ ผู้บัญชาการไกรวิทย์ยังคงอยู่ที่นี่ อันที่จริงฉันไม่ได้อยากเรื่องนี้กับเขาหรอก สิทธิ์การตัดสินใจอยู่ในมือพี่สะใภ้”

สุนันท์รู้ว่าเธอกำลังข่มขู่เธอ ฝันไปเถอะ เธอก็เป็นหมาป่าตาขาว ที่ถึงเวลาก็พร้อมจะแว้งกัด แม่ลูกสามคนนี้ไม่มีใครดีเลยสักคน!

แม้ว่าหยาดฝนจะก้มหน้ายอมรับชะตากรรม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสุนันท์จะยอมรับชะตากรรม

ชั่วพริบตาก็ถึงวันอาทิตย์อีกครั้ง

หญิงชายต่างนอนตะแคง แสงอาทิตย์ส่องผ่านม่านเข้ามา

เชอร์รีนนอนขดตัว ส่วนออกัสกอดเธอจากด้านหลัง ร่างกายทั้งสองแนบชิดกันแน่นไร้ช่องว่าง

แสงแดดค่อนข้างจ้า ขนตาของเธอสั่นเล็กน้อยแล้วลืมตาขึ้น

เธอขยับร่างกายเล็กน้อย แต่ชายที่อยู่ข้างหลังตื่นแล้ว ร่างกายของทั้งสองกอดกันแน่น ริมฝีปากทั้งสี่ยิ่งติดกันอย่างเร่าร้อน

“ไปบริษัทด้วยกันเป็นเพื่อนผมนะครับ”

“ไม่เอา คุณไปเองเถอะ ฉันจะพาซารางไปห้าง” เธอรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย ไม่ค่อยมีชีวิตชีวา

“ที่ห้องทำงานก็สามารถพักผ่อนได้ คุณสามารถนอนที่นั่นได้ รอหลังจากเลิกงานในตอนบ่ายผมไปห้างเป็นเพื่อนคุณกับซาราง”

“แบบนั้นมันเหนื่อยเกินไป ไม่เอา พวกเราจะพักผ่อนอยู่บ้าน คุณไปเองเถอะ ไม่ดื้อน้า” เธอเอื้อมมือไปตบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเบาๆ ขี้เกียจเกินกว่าจะขยับตัว

สีหน้าที่หล่อเหลาของออกัสอบอุ่น ริมฝีปากบางยกขึ้น แล้วตบบั้นท้ายของเธอเบาๆ “ผู้หญิงอย่าขี้เกียจเกิน…”

เธอก็แค่เหนื่อยและขี้เกียจนิดหน่อย นอนอยู่ตรงนั้นไม่ยอมขยับ เลิกคิ้วขึ้น ต้นขาที่แข็งแรงของชายหนุ่มคล่อมอยู่บนตัวทั้งสองด้านเธอ ดึงเสื้อชั้นในมาสวมให้เธอ

ดวงตาของเชอร์รีนยังคงปิดอยู่น้อยๆ เมื่อคืนนี้เขากดทับเธอ ทำอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 3 รอบ เธอเหนื่อยเกินไป

“สิ่งที่ควรเห็นผมก็เห็นมาหมดแล้ว อีกอย่างร่างกายของคุณมีส่วนไหนบ้างที่ผมไม่เคยเห็น ยังจะอายอะไรล่ะ หืม?”

หน้าด้าน!

เชอร์รีนเคลื่อนไหวสวมเสื้อผ้าเสร็จอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ค่อยๆหยิบกางเกงชุดสูทมาสวม

ในที่สุดทั้งสามก็ไปบริษัทด้วยกัน

ออกัสตรวจสอบเอกสาร ส่วนซารางซบอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างว่าง่าย ด้านหน้ามีโน๊ตบุ๊กที่กำลังฉายหมาป่าใจร้ายอย่างออกรสวางอยู่

เสียงที่ดังออกมาจากโน้ตบุ๊กดังเกินไป ทำให้เสียสมาธิ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคำพูดที่มักเข้าหูที่เต็มไปด้วยเสียงเดียวกันคือ ฉันจะกลับมาอีกแน่นอน!

ในที่สุดนิ้วเรียวยาวของออกัสก็นวดคลึงตรงระหว่างคิ้วของเขาเบาๆ “ลูกรัก ลดเบาลงหน่อยได้ไหมครับ?”

“ไม่ได้ หมาป่าเทาน้อยออกมาแล้ว แด๊ดดี้ดูสิว่าเขาหล่อขนาดไหน!”

เอกสารไม่สามารถอ่านได้อีกต่อไป เขาผลักมันออกแล้วเปิดคอมพิวเตอร์ ด้านบนมีหัวข้อข่าว วิธีการขอแต่งงานที่โรแมนติกที่สุด

ดวงตาของเขาขยับเล็กน้อย เขาขยับมือคลิกดู แขนขวากอดซารางแล้วขยับเมาส์เลื่อนลง

ถึงบอกว่ามาทำงานที่บริษัท แต่ประสิทธิภาพกลับต่ำมาก เวลาที่ผ่านไปในตอนเช้า เขาเพิ่งจะอนุมัติเอกสารได้เพียงสองฉบับเท่านั้น

เชอร์รีนนอนหลับจนถึงตอนเที่ยง เธอถึงจะค่อยๆตื่นขึ้นมา เธอตื่นขึ้นมาเพราะความหิว เธอยกมือขึ้นมัดผมที่ยุ่งเหยิงด้วยยางรัดผมหลวมๆ ให้ความรู้สึกที่สบายๆอย่างที่อธิบายไม่ถูก

เธอไม่ได้กินก๋วยเตี๋ยวโลย่ามานาน เธออยากกินก๋วยเตี๋ยว ฝ่ายชายกับซารางไม่มีข้อโต้แย้ง ทั้งสามคนจึงไปร้านก๋วยเตี๋ยวใกล้ๆ

อากาศเย็นลงเรื่อยๆ ซารางก็ไม่มีเสื้อโค้ต ดังนั้นจึงไปห้างใหญ่อีกครั้ง ในที่สุดก็กลับมาพร้อมข้าวของเต็มไม้เต็มมือ

ซารางเลือกเสื้อกันหนาวสีชมพูขนาดเล็ก เธอซื้อเสื้อโค้ตซาร่า ของออกัสเป็นเสื้อคลุมสีดำ

เมื่อดูวันที่ เชอร์รีนไม่ได้วางแผนที่จะกลับไปบริษัทพร้อมเขา เธออยากไปสุสาน เธอคิดถึงพ่อของเธอ

“ผมไปเป็นเพื่อนคุณ” มือออกัสโอบไหล่เธอ

เธอพยักหน้าแล้วเดินไปที่ร้านขายผลไม้ ซื้อผลไม้และขนมที่เขาชื่นชอบในช่วงที่เขามีชีวิต รวมทั้งของที่เขาชอบเล็กๆน้อยๆ ที่เขาโปรดปรานด้วย

ตอนเช้ายังมีแดดอยู่ แต่ตอนนี้กลับอากาศมืดครึ้มมีเมฆดำเต็มฟ้า ดูเหมือนว่าอีกไม่นานฝนจะตก

เป็นไปตามคาดพอไปถึงสุสาน ฝนก็ตกลงมา เม็ดฝนใหญ่มาก โชคดีที่ตอนมาเตรียมร่มมา กางร่มออก

พอเดินมาถึงด้านหน้า เชอร์รีนก็เห็นกนกอรนั่งอยู่บนพื้น เธอไม่รู้ว่านั่งอยู่ที่นั่นมานานแค่ไหน แต่ตอนนี้เธอเปียกปอน

“แม่คะ” เธอเรียกเบาๆ รีบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว กางร่มบังศีรษะเธอไว้ พยายามช่วยพยุงเธอลุกขึ้น

ออกัสปล่อยซารางลงบนพื้น เขาหรี่ตา ก้าวยาวเข้าไปช่วยพยุงกนกอรลุกขึ้นอย่างง่ายดาย

แต่ทันทีที่เห็นว่าเป็นเขา กนกอรก็สะบัดเขาออกอย่างรุนแรง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างไม่ปกปิด “ไป! ไปให้พ้น!”

ใบหน้าที่หล่อเหลาของออกัสมีสีหน้าเย็นชา เขายืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ

สายตาขยับไปที่ข้างกาย กนกอรมองเชอร์รีนอย่างเย็นชา

สายตานั้นคมผิดปกติ ราวกับว่าเข็มเล็กๆที่ทิ่มแทงร่างกายของเชอร์รีน เธอกัดริมฝีปากเล็กน้อย “แม่คะ”

“แกสาบานกับฉันแบบนี้ กับพ่อแกแบบนี้หรอ?” กนกอรชี้ไปที่หลุมศพด้วยมือที่สั่นเทา “มันเป็นฆาตกรที่ฆ่าพ่อแก! เป็นศัตรู! ทำแบบนี้แกไม่ละอายใจต่อแกหรอ? แกลืมคำสาบานที่เคยให้ไว้ที่ห้องเซ่นไหว้พ่อแกไปหมดแล้วใช่ไหม?”

เธอไม่พูดอะไร ยืนกัดริมฝีปากอยู่ตรงนั้น หลับตาลง พูดอะไรไม่ออก

ท่าทางแบบนี้แสดงให้เห็นว่าเธอยอมรับ เห็นเช่นนั้น ร่างกายของกนกอรก็สั่นเทาด้วยความโกรธไม่หยุด แล้วถามว่า “โอ้ แกปฏิบัติต่อพ่อแกแบบนี้งั้นหรอ? พ่อแกอุ้มแกไว้ในมือทะนุถนอมแกกลัวแกตก แกจะตอบแทนกลับแบบนี้สิ?”

ออกัสก้าวไปข้างหน้ากางแขนทั้งสองข้างออกสวมกอดเชอร์รีนเงียบๆไว้ในอ้อมแขน มองกนกอรอย่างแน่วแน่ “คุณป้าครับ เธอเป็นลูกสาวของคุณป้านะครับ ทำไมคุณป้าต้องถึงบีบบังคับเธอแบบนี้”

“บีบบังคับ?” สีหน้าของกนกอรคล้ำขึ้นด้วยความโกรธ สายตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีดำชั่วขณะ

“การส่งต่อความผิดของคนรุ่นก่อนไปยังรุ่นต่อๆไป มันไม่มีประโยชน์อะไรแม้แต่นิดเดียว ไม่ใช่หรือครับ?”

“ไม่มีประโยชน์อะไรแม้แต่นิดเดียว ครอบครัวของเราถูกครอบครัวของพวกแกทำร้ายจนยับแล้ว มันจะจบลงได้ด้วยคำพูดแค่คำสองคำที่หลีกเลี่ยงปัญหาของแกงั้นสิ?”

เห็นได้ชัดว่าคำพูดของออกัสทำให้อารมณ์ของกนกอรตื่นเต้นขึ้นเป็นพิเศษ

“แม่คะ”

“คุณป้าครับ”

เหตุการณ์เริ่มวุ่นวายอีกครั้ง จากนั้นกนกอรถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล

“คุณไปก่อนเถอะ ฉันเกรงว่าถ้าแม่ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นคุณจะตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง” เชอร์รีนเอนตัวพิงกำแพงอย่างรู้สึกเหนื่อย

“รอเธอฟื้นขึ้นมาผมค่อยไป ก่อนถึงเวลานั้นให้ผมอยู่เป็นเพื่อนคุณที่นี่นะ” เสียงของเขาแผ่วเบา หนักแน่นแต่อ่อนโยน