หยูชิ่งถังอารมณ์ดีในวันนี้
แม้ว่าหลานชายหยูเต๋อยี่จะถูกทุบตีอย่างหนัก แต่ก็คุ้มมากที่ได้เกาะต้นไม้ใหญ่อย่งหลี่เฟิง
โต้งๆๆ!
เขากำลังประจบหลี่เฟิงอยู่ในสำนักงาน โดยกำลังเพ้อฝันว่าคำว่า”รอง”จะถูกลบออก แต่ประตูสำนักงานก็ถูกเคาะจากด้านนอกในทันใด
คิ้วของหยูชิ่งถังที่ไม่พอใจก็ปรากฏขึ้น ก่อนที่เขาจะเข้ามา เขาได้สั่งไว้เป็นพิเศษว่า ห้ามใครมารบกวนเขา แต่ตอนนี้ ยังมีคนกล้ามาเคาะประตู ถ้าทำให้หลี่เฟิงโกรธจะทำยังไง?
“คุณชายหลี่ ท่านว่า…”
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หยูชิ่งถังจึงขอคำแนะนำจากหลี่เฟิงอย่างกับหมา
“ผู้อำนวยการหยู ในเมื่อมีคนมาเคาะประตู ต้องมีบางอย่างเร่งด่วนแน่นอน”
หลี่เฟิงพอใจกับท่าทีของหยูชิ่งถังมาก จึงไม่ได้ทำให้เขาลำบากใจในตอนนี้
หลังจากได้รับคำตอบแล้ว หยูชิ่งถังก็จัดเสื้อผ้าของเขาและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “เข้ามา!”
“ผู้อำนวยการหยู เกิดเรื่องแล้ว! มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว!”
ประตูสำนักงานถูกผลักเปิดจากด้านนอกทันที และพี่จ้าวก็รีบเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก
“เหล่าจ้าว! คุณก็ทำงานที่นี่มาเป็นเวลานานแล้ว ไม่เห็นหรือว่าผมมีแขกผู้มีเกียรติอยู่ที่นี่ ตื่นตระหนกอะไรเช่นนี้!”
เมื่อสังเกตเห็นถึงใบหน้าที่วิตกกังวลของพี่จ้าว คิ้วของหยูชิ่งถังก็ขมวดขึ้นทันที
พี่จ้าวเหลือบมองหลี่เฟิง เพียงรู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้หน้าคุ้นมาก แต่ ณ เวลานั้นเขาจำตัวตนของอีกฝ่ายไม่ได้
อย่างไรก็ตาม เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปรับอารมณ์ของเขา และการหายใจที่รวดเร็วก็ค่อยๆ กลับคืนสู่ปกติ
“บอกมา เกิดอะไรขึ้นที่ทำให้คุณกลัวขนาดนี้”
หยูชิ่งถังขมวดคิ้วและถาม
“นี่……”
พี่จ้าวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาก็ไม่กล้าพูดออกมา เขาเหลือบมองหลี่เฟิงซึ่งกำลังพักผ่อนอย่างขี้เกียจอยู่บนโซฟา ความหมายชัดเจนอยู่แล้ว
นี่เป็นสิ่งที่ทำอะไรไม่ได้ เย่เทียนกล้าที่จะทุบตีคนอย่างหนักในคุก นี่ไม่ใช่เรื่องน่ายกย่องอะไร เขาจะมีหน้ามาพูดต่อหน้าหลี่เฟิงที่เป็นคนนอกได้อย่างไร?
“ถ้ามีอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะ คุณชายหลี่ไม่ใช่คนนอก!”
หยูชิ่งถังจะไม่รู้ว่าพี่จ้าวหมายถึงอะไรได้ไง ดังนั้นจึงเร่งเร้าด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
เมื่อพี่จ้าวได้ยินคำพูดนั้น เขาจึงไม่ได้ปิดบัง และพูดอย่างตรงไปตรงมา “ผู้อำนวยการหยูผู้ต้องสงสัยสองสามคนที่เพิ่งถูกขังอยู่ในห้องกักกันในวันนี้เริ่มต่อสู้กัน และการลงมือของพวกเขาก็ค่อนข้างโหด!”
“ไม่ใช่มั้ง?”
หยูชิ่งถังตกตะลึงครู่หนึ่งและเขาถามด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “คุณเป็นคนดูแลที่นั่นไม่ใช่หรือ?ทำไมอยู่ดีๆพวกเขาถึงมีเรื่องกันล่ะ?!”
“ผู้อำนวยการหยู ผมไปสูบบุหรี่มา ใครจะไปรู้ว่า…”
พี่จ้าวตกใจและพยายามแก้ตัวอย่างรวดเร็ว
เรื่องนี้ถ้าจะสอบสวนจริงๆ เขาอาจโดนทำโทษเพราะละเลยหน้าที่ จะยอมได้ยังไง!
“ผู้อำนวยการหยูสิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้ไม่ใช่ไปหาว่าใครผิด ผมคิดว่าควรไปที่ห้องกักกันก่อนแล้วดูว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรเพื่อลดผลกระทบ”
หลี่เฟิงดีใจมาก การรายงานของพี่จ้าวไม่ชัดเจน เขาคิดว่าเย่เทียนถูกทุบตีโดยไม่รู้ตัว และ ณ ตอนนั้นเขาแทบอดไม่ได้ที่จะปรากฏตัวในห้องกักกันและเย้ยหยันเย่เทียนอย่างหนัก
“คุณชายหลี่ สิ่งที่คุณพูดนั้นสมเหตุสมผล ไปเถอะ ไปที่ห้องกักกันและดูว่าเป็นอย่างไร!”
หยูเต๋อยี่จะกล้าขัดหลี่เฟิงที่ไหนล่ะ ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ทำท่าทางเชิญหลี่เฟิงและพาเขาไปยังที่ตั้งของห้องกักกัน
หลังจากนั้นไม่นาน กลุ่มคนสามคนกลับไปที่ห้องกักกัน มองเข้าไปข้างในผ่านราวเหล็ก สีหน้าของ หยูชิ่งถังและหลี่เฟิงเปลี่ยนไปอย่างมาก
แม้ว่าหยูชิ่งถังจะไม่รู้จักเย่เทียน แต่สี่คนที่หลี่เฟิงได้จัดเข้ามา อย่างน้อยเขาก็เคยเห็นหน้าผ่านๆ
เป็นถึงบอดี้การ์ดของลูกชายคนโตของตระกูลหลี่จะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ ทั้งสี่คนอาเจียนเป็นเลือดและล้มลงกับพื้น
โดยเฉพาะชายทันสมัยที่ไม่ได้สวมสูท มือและเท้าของเขาหักไปในทิศทางแปลกๆ ใบหน้าของเขาซีดราวกับกระดาษ หลับตาไว้ และเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นลมจากความเจ็บปวด
สิ่งนี้แตกต่างไปจากจินตนาการของเขาอย่างสิ้นเชิง และทันใดนั้นใบหน้าของหยูชิ่งถังก็มืดมนไปหมด
ในทางกลับกัน สีหน้าของหลี่เฟิงก็แย่เช่นกัน
เขารู้ว่าฝีมือของเย่เทียนไม่ธรรมดา แต่เขาได้ปล่อยให้บอดี้การ์ดที่มีความสามารถมากที่สุดสามคนลงมือแล้ว และถึงกับเชิญนักมวยดำกลับมา แต่ก็ยังถูกเย่เทียนจัดการอย่างง่ายดาย
เช่นนี้ เขายังจะมีวิธีไหนที่จะจัดการเย่เทียนได้อีก? หรือต้องทนกับการถูกย่ำยีซ้ำๆซากๆนั้นหรือ?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลี่เฟิงก็ส่ายหัวโดยไม่รู้ตัว
ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นคุณชายคนโตของตระกูลหลี่ ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป เขายังจะมีหน้าอยู่ในสังคมยังไง? จะไม่กลายเป็นเรื่องเล่าตลกของทุกคนหลังอาหารหรอกหรือ!
เนื่องจากลับๆไม่สำเร็จ งั้นก็ทำอย่างเปิดเผย ต้องทำให้ไอ้เด็กคนนี้ติดคุกให้ได้!
หลังจากตัดสินใจในใจแล้ว หลี่เฟิงก็เหลือบมองหยูชิ่งถังข้างๆเขา และมองเย่เทียนด้วยสายตาเย็นชา
ไม่ว่าเย่เทียนจะมีภูมิหลังอย่างไร เขาได้สร้างปัญหาที่นี่ รวมทั้งการที่เขาทำอะไรบางอย่าง ทำให้เขาติดคุกมันจะไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกหรือ?
ต้งๆ!
ในเวลานี้ อาไห่และอาหย่งและตำรวจคนอื่นๆก็รีบวิ่งเข้ามา
เมื่อมองดูสถานการณ์ในห้องขังในตอนแรก ทุกคนก็เบิกตากว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
ข้างหนึ่งคือสี่คนที่ล้มลงกับพื้น อีกข้างคือเย่เทียนที่รออยู่ คาดว่าแม้แต่คนโง่ก็สามารถเดาได้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร
เย่เทียนหน้าตาธรรมดา คิดไม่ถึงว่าจะสามารถสู้กับสี่คนด้วยตัวคนเดียวได้ ไม่เพียงแต่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่ยังทำให้ชายทันสมัยเป็นอัมพาตด้วย!
วินาทีถัดมา ในใจของตำรวจหลายคนก็เต็มไปด้วยความโกรธ
มันหยิ่งผยองเกินไปแล้ว ไม่เกรงกลัวกฏหมายเลย!
ไม่ว่ายังไงที่นี่ก็เป็นสถานีตำรวจ ทำแบบนี้ก็เหมือนไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาโดยสิ้นเชิง!
“คุณชายหลี่ ผมยอมรับว่าแผนการของคุณดีนะ แต่อย่างน้อยคุณก็ควรลงทุนหน่อยสิใช่ไหม?”
“ไอ้แค่คนไม่ได้เรื่องไม่กี่คนนี้ ถ้าจะจัดการผม อย่างน้อยก็คงต้องกลับไปฝึกอีกร้อยปี!”
เย่เทียนเพิกเฉยต่อหยูชิ่งถังไม่แม้แต่จะเหลือบมองเจ้าหน้าที่ตำรวจที่วิ่งเข้ามา และจ้องไปที่หลี่เฟิงด้วยรอยยิ้มที่เหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม
“เย่เทียน ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดอะไรอยู่”
“อย่างไรก็ตาม คุณถูกกักขังยังกล้าที่จะทำร้ายผู้อื่น ผมขอเตือนให้คุณพิจารณาสถานการณ์ของคุณเองก่อนดีกว่า!”
ด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากขนาดนี้ หลี่เฟิงจะยอมรับได้อย่างไรว่าคนสี่คนในห้องขังเป็นคนที่เขาจัดมา
ในระหว่างการสนทนา หลี่เฟิงได้แตะหยูชิ่งถังข้างๆเขาอย่างไร้ร่องรอย และความหมายก็ชัดเจนในตัวเอง
“เย่เทียน! คุณทำผิดกฎและเข้ามาที่นี่ยังไม่รู้จักกลับใจใหม่ แต่คุณยังกล้าที่จะทุบตีนักโทษคนอื่น ๆ!”
“ถ้าวันนี้ผมหยูชิ่งถังไม่จัดการคุณ ผมจะมีหน้าเป็นรองผู้อำนวยการของที่นี่อีกได้ไง?!”
หยูชิ่งถังเข้าใจในทันที ใบหน้าของเขาก็มืดมนในทันที เขาหาข้ออ้างเพื่อจัดการเย่เทียน ชี้มือใหญ่ของเขาไปข้างหน้าและออกคำสั่งให้ตำรวจที่รีบเข้ามา
“พวกคุณเข้าไป จัดการไอ้เด็กคนนั้น ถ้าเขากล้าขัดขืน ก็หักขาแทนได้เลย!”
พี่จ้าวที่เป็นเวรเปิดประตูห้องขังอย่างรวดเร็ว และตำรวจทั้งหมดก็รีบวิ่งไปหาเย่เทียน…