บทที่ 445 เริ่มต้นใหม่

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

บทที่ 445 เริ่มต้นใหม่
สำหรับเหยียนเยว่เอ๋อร์แล้ว หลัวซิวไม่มีเรื่องที่สงวนเอาไว้หรือปิดบังเป็นความลับเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นวิชาท่าร่างบรรลุมังกรเขียว วิชายิ่งเลิศพลังแปรเสวียนเทียน เขาก็ถ่ายทอดให้อีกฝ่ายทั้งหมด

การปิดขังครั้งก่อนใช้เวลาไม่นานนัก ตั้งแต่ราชายุทธ์ขั้น 4 จนบรรลุไปถึงขั้น 5 อันที่จริงแล้วหลัวซิวรู้ดีว่า ไม่ใช่เพราะการฝึกตนของตนเองนั้นรวดเร็วราวกับติดปีก แต่เป็นเพราะเมื่อก่อนตอนที่เขาอยู่ในแดนนานาอสูร หลังจากที่เขากลืนกินยาโลหิตที่ได้มาลงไปแล้ว มีพลังงานส่วนใหญ่ที่ไม่สามารถกลั่นแปรได้ และถูกเก็บสะสมอยู่ในร่างกาย

หลังจากที่ได้รับวิชาฝึกจิตไท่เสวียนจากหอคอยมังกรบินชั้นที่ 9 พลังงานที่สะสมอยู่ในร่างกายนี้ก็ถูกกลั่นแปรและดูดรับอย่างรวดเร็ว นี่จึงทำให้สามารถบรรลุได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาอันสั้น

การก่อสร้างสำนักเขาด้านนอกแดนปริศนาเกือบจะเสร็จสิ้นลงแล้ว ในช่วงนี้หลัวซิวเองก็กำลังทำความเข้าใจกับความลับของค่ายกลขั้น 7 โดยมีจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำคอยชี้แนะ

แนวค่ายกลคุ้มเขาที่เขาตั้งยังมีข้อบกพร่องอยู่ สาเหตุหลักเป็นเพราะระดับผลการฝึกตนของเขาไม่เพียงพอ ยังต้องการการยกระดับอีก จึงจะสามารถปกป้องสำนักเขาไม่ให้ถูกผู้อื่นมาทำลายได้

แต่การยกระดับกระแสค่ายกล ไม่ใช่จะอาศัยเพียงแค่ระดับของค่ายกลที่บรรลุตามเงื่อนไขเท่านั้น เรื่องของวัสดุในการตั้งค่ายกลเอง ก็มีเงื่อนไขที่สูงขึ้นเช่นกัน

วัสดุระดับ 7 บริเวณโดยรอบประเทศเทียนหวู ถือได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าหายาก ถึงแม้จะมีหินพลังจิตที่มากพอ ก็ใช่ว่าจะสามารถหาซื้อสมบัติที่ตนเองปรารถนาได้

เมื่อไม่มีทางเลือก หลัวซิวจึงตัดสินใจออกตามหาด้วยตนเอง เขาต้องการยกระดับกระแสของค่ายกลคุ้มเขาให้สูงขึ้น หากเป็นเช่นนี้ ต่อให้ไม่มีเขาคอยนั่งดำรงตำแหน่งเจ้าสำนักด้วยตนเอง อาศัยเพียงแค่พลังของค่ายกล ก็สามารถขัดขวางผู้บุกรุกที่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎยุทธ์ได้อย่างง่ายดาย

หลัวซิวรู้ดีว่า ตนเองไม่สามารถอยู่รักษาการตำแหน่งเจ้าสำนักที่สำนักเขาได้ตลอดไป ดังนั้นการยกระดับกระแสค่ายกลจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ

จากข้อมูลที่ได้รับจากองค์กรนักล่ายุทธ์ หลัวซิวได้รู้จักกับวัสดุระดับ 7 ประเภทหนึ่งที่ชื่อว่าดินดำเหลือง ซึ่งเคยปรากฏขึ้นที่เทือกเขาเหิงหยุนมาก่อน

เทือกเขาเหิงหยุนตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเทียนหวู เป็นป่าภูเขาดั้งเดิมที่โบราณและกว้างใหญ่ มีอสุรกายหลับใหลอยู่ภายในป่าภูเขานับไม่ถ้วน ได้ยินว่าเป็นฐานที่มั่นแห่งหนึ่งของตระกูลมาร

ตระกูลมาร คืออสุรกายที่มีความสามารถในการกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ ยิ่งเป็นอสุรกายที่มีศักยภาพในการเติบโตมากขึ้น ก็จะกลายเป็นตระกูลมารได้เร็วขึ้น ยกตัวอย่างเช่นหลงหมิง หลังจากที่บรรลุถึงขั้นที่ 5 แล้ว ก็กลายร่างเป็นมนุษย์ได้

ตระกูลมารมีอยู่จำนวนไม่มาก แต่ทุกตนล้วนมีพลังที่แข็งแกร่ง เพราะตระกูลมารจำนวนมากจะมีความสามารถในการกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ หลังจากบรรลุขั้นที่ 7 ขึ้นไป

จากเบาะแสบางอย่างที่ซ่อนอยู่ หลัวซิวเข้าใจถึงรูปแบบของโลกแสงดาวในตอนนี้แล้ว มีสถานะแบบไตรภาคี ได้แก่ มนุษย์ ปีศาจ และอสุรกาย

เผ่าพันธุ์ของมนุษย์ ถือเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีจำนวนมากที่สุดในบรรดาสามเผ่าพันธุ์อย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนตระกูลมารมีจำนวนน้อยที่สุด แต่ตระกูลแต่ละตนนั้นต่างมีพลังที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังสามารถควบคุมอสุรกายได้อีกด้วย และทำให้เกิดการแพร่พันธุ์ของสัตว์ร้ายขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงประมาทไม่ได้

หลัวซิวเองก็เคยทำความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์หลังสมัยโบราณมาบ้าง ทั้งสามเผ่าพันธุ์เคยเกิดสงครามครั้งใหญ่ที่น่าตกใจมาก่อน เป็นเพราะการเข่นฆ่าที่น่าเศร้าในครั้งนั้น ทำให้โลกในทุกวันนี้ถูกทำลายพลังจิตลงไปมากมาย สิ่งที่เอื้อต่อการฝึกตน จึงไม่มากเท่าสมัยโบราณ

ฐานที่มั่นของตระกูลมาร สำหรับนักยุทธ์เผ่าพันธุ์มนุษย์แล้ว ถือเป็นสถานที่ที่น่ากลัวอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงแม้เมื่อหลายหมื่นปีก่อน เผ่าพันธุ์มนุษย์และตระกูลมารจะมีการทำข้อตกลงระหว่างกันได้สำเร็จ ว่าจะไม่เกิดการต่อสู้กันขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เผ่าพันธุ์ต่างกัน ความรู้สึกนึกคิดก็ย่อมต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ ตระกูลมาร หรือว่าเผ่าพันธุ์อสุรกาย ส่วนเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นศัตรูทั้งสิ้น

แม้แต่เผ่าพันธุ์เดียวกันก็ยังเข่นฆ่ากันเองเพื่อผลประโยชน์ แล้วจะนับประสาอะไรกับเผ่าพันธุ์อื่น ?

ดังนั้นจากบันทึกข้อมูลภายในขององค์กรนักล่ายุทธ์ เทือกเขาเหิงหยุน ถือเป็นสถานที่ที่วุ่นวายอย่างมากแห่งหนึ่งในอาณาจักรใต้

บริเวณใกล้กับเทือกเขาเหิงหยุน มีสำนักของเผ่าพันธุ์มนุษย์แห่งหนึ่ง ชื่อว่าสำนักไม้เสวียน เป็นสำนักกลั่นยาแห่งหนึ่ง ดังนั้นจึงได้สร้างสำนักเขาเอาไว้ใกล้ ๆ กับเทือกเขาหยุนเหิง นั่นเป็นเพราะเห็นความสำคัญของตัวยาที่อุดมสมบูรณ์ภายในป่าภูเขา รวมไปถึงทรัพยากรสำหรับฝึกตน

ในอาณาจักรใต้ มีเพียงแค่เทือกเขาเหิงหยุนเท่านั้นที่เคยปรากฏดินดำเหลืองขึ้น นี่ถือเป็นวัสดุที่ค่อนข้างพิเศษ มีเพียงแค่การนำวัสดุชนิดนี้กลั่นแปรเข้าไปในค่ายกล จึงจะสามารถเพิ่มพลังในการป้องกันของค่ายกลคุ้มเขาระดับ 7 ได้

เมื่อเทียบกับความสามารถในการโจมตีของค่ายกลคุ้มเขา หลัวซิวให้ความสำคัญกับพลังในการป้องกันมากกว่า เพราะการป้องกัน หลายครั้งก็มีประโยชน์ยิ่งกว่าการโจมตี

ทันทีที่เกิดความคิด หลัวซิวก็สัมผัสได้ถึงยาเทพจิตที่อยู่ในจุดตันเถียน ตอนนี้ยาเทพจิตของเขามีขนาดเท่า ๆ กับกำปั้นของเด็กทารกแล้ว ครึ่งหนึ่งสีดำ ครึ่งหนึ่งสีขาว ส่องแสงสีม่วงเข้มออกมา และมีแสงสีทองประกายอ่อน ๆ

โดยปกติแล้ว ขอเพียงแค่ผลการฝึกตนบรรลุถึงราชายุทธ์แดนขั้นสูงขั้น 6 ก็จะสามารถสลายยาม่วงได้อย่างสมบูรณ์ และกลายสภาพเป็นยาทองได้สำเร็จ รอจนกระทั่งบรรลุราชายุทธ์ขั้น 9 แล้ว ยาทองจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นขึ้นอีกหรือไม่ เรื่องนี้ก็ไม่อาจรู้ได้

เวลาค่อย ๆ ผ่านไปโดยไม่รู้ตัว

หลังจากใช้เวลาสร้างนานกว่าหนึ่งเดือน สำนักเขาด้านนอกแดนปริศนาก็ถือว่าแล้วเสร็จเสียที

นอกจากแดนปริศนาแล้ว ยังมีเขาอีกแปดลูกล้อมอยู่โดยรอบ ส่วนตรงกลาง คือพิกัดทางเข้าแดนปริศนา

รอบนอกสุดของสิ่งก่อสร้างชุดนี้ก็คือนอกสำนัก มีการสร้างบ้านที่มีห้องใต้หลังคาเอาไว้จำนวนมาก รวมไปถึงพื้นที่ฝึกตนด้วย

ถัดเข้ามาก็คือในสำนัก ศิษย์ที่อยู่ในสำนักทุกคนต่างมีที่พักส่วนตัว เพราะเป็นการสร้างสำนักเขาขึ้นเป็นครั้งแรก ดังนั้นที่อยู่ของศิษย์ในสำนักจึงมีไม่ถึงหนึ่งร้อยหลัง เมื่อเทียบกันแล้ว นอกสำนักมีค่อนข้างมาก ราว ๆ สองร้อยกว่าหลัง

แต่หลัวซิวเองก็ไม่รีบร้อน ต่อไปหากมีคนจำนวนมาก รอให้สถานการณ์ทุกอย่างสงบนิ่งแล้ว ก็สามารถขยับขยายเพิ่มเติมได้อีก ส่วนในช่วงสั้น ๆ นี้ คงยังไม่รับคนเข้ามามากนัก

ส่วนเรื่องการพัฒนาสำนักไท่เสวียนในอนาคต หลัวซิววางแผนที่จะเลือกรับเฉพาะลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์เท่านั้น ถึงแม้เขาจะพาคนจากตระกูลสวีมาไม่น้อย แต่คนที่จะเข้ามาในสำนักไท่เสวียนได้นั้น กลับมีอยู่ไม่มาก

ด้านหลังในสำนัก มีจวนอยู่สิบแปดหลัง เพื่อเป็นที่อยู่ของผู้คุมกฎ

ด้านหลังของจวนทั้งสิบแปดหลัง มีหอคอยอีกสามหลัง เพื่อเป็นที่ฝึกตนสำหรับผู้อาวุโสทั้งสาม

ถัดไปทางด้านหลังอีก เป็นห้องโถงใหญ่ของเจ้าสำนัก โถงวัฏจักร และมีห้องโถงแบ่งออกอีกสองด้านซ้ายขวา ได้แก่โถงเป็นและโถงตาย !

วังทั้งสามหลังนี้ หลัวซิวเป็นคนเพิ่มเข้าไปด้วยตนเอง โดยไม่ได้สร้างตามฉากเดิมของสำนักไท่เสวียนอย่างที่เป็นมา ตามคำบอกเล่าของจักรพรรดิยุทธ์ทั้งหมด

“ถึงแม้สำนักไท่เสวียนจะสร้างขึ้นมาใหม่ด้วยมือของข้า แต่ก็จะเริ่มต้นทุกอย่างใหม่อีกครั้งที่นี่……”

ดังนั้นการที่สามารถสร้างสำนักเขาจนแล้วเสร็จได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงหนึ่งเดือน ประการหนึ่งก็เป็นเพราะค่ายกลคุ้มเขาที่หลัวซิวตั้งเอาไว้ สามารถปกคลุมพื้นที่เอาไว้ได้อย่างจำกัด

ส่วนอีกประการหนึ่งก็คือ เพราะเขาไม่สนใจเรื่องเงินทุน การเรียกช่างฝีมือมาเป็นจำนวนมาก จึงจะทำให้งานแล้วเสร็จได้ภายในระยะเวลาอันสั้น

หลังจากบรรดาช่างได้รับเงินเดือน สวีจิงเหนียนก็จัดเตรียมคนให้พาพวกเขากลับไปส่งทั้งหมด

วันนี้ภายในโถงวัฏจักร หลัวซิวนั่งขัดสมาธิอยู่บนบันไดขั้นหนึ่งของชั้นแปดสิบเอ็ด เหยียนเยว่เอ๋อร์ยืนอยู่ข้างเขา ด้านล่างภายในห้องโถงใหญ่ สวีจิงเหนียนพาราชายุทธ์ของตระกูลสวีมาหลายคน