ตอนที่ 399 สถานการณ์เร่งด่วน / ตอนที่ 400 ฟื้นคืนชีพ

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 399 สถานการณ์เร่งด่วน

 

 

ฉินซื่อหลานเห็นสีหน้าของเหยียนเค่อที่กำลังสนอกสนใจกับป้ายห้อยสองใบในมือแล้วก็ไม่กล้าแสดงท่าทีอะไรออกไปมานัก ทำได้เพียงแอบมองอยู่เป็นระยะๆ

 

 

“มีกระดาษแบบนี้อีกไหม” เหยียนเค่อขอปากกาจากฉินซื่อหลาน

 

 

ฉินซื่อหลานพยักหน้า “มีสีขาว”

 

 

ฉินซื่อหลานอาศัยตอนที่เหยียนเค่อกำลังเขียนอยู่แอบมองไปสองที เนื้อหาข้างในไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรแต่ก็ทำให้เหยียนเค่อยิ้มแบบเป็นเอามากขนาดนี้ได้ ยังจะมาบอกว่าไม่ชอบอีก…ปลอมมาก! ฉินซื่อหลานบ่นในใจ

 

 

เหยียนเค่อเอาป้ายห้อยที่ตนเขียนติดกลับเข้าไปให้ซย่าเสี่ยวมั่วตามเดิม เมื่อแน่ใจว่าติดแน่นหนาดีแล้วจึงจะยอมปล่อยมือ

 

 

“นายนี่มันจริงๆ เลย” ฉินซื่อหลานไม่อยากจะเอาขนมไปให้ซย่าเสี่ยวมั่วแล้ว

 

 

เหยียนเค่อเอากระดาษสองใบที่ดึงออกเก็บสอดเข้าไปในกระเป๋าเงิน มองข้ามสายตาของ

 

 

ฉินซื่อหลาน “งั้นฉันไปก่อนล่ะ”

 

 

“นายมาหาฉันแค่แป๊บเดียวก็จะไปแล้วงั้นเหรอ!”

 

 

“คำพูดของนายฟังดูกำกวมนะ” เหยียนเค่อเตือนให้เขาใช้น้ำเสียงดีๆ

 

 

ฉินซื่อหลานคว้าเสื้อกาวน์ที่แขวนอยู่บนไม้แขวนเสื้อขึ้นมาสวม “วางใจได้ ต่อให้เราจะเป็นศัตรูหัวใจกันแต่ก็กลายมาเป็นคนรักกันไม่ได้หรอก”

 

 

เหยียนเค่อเข้าใจความหมายในคำพูดของเขาจึงไม่พูดอะไร ก่อนจะสั่งกำชับเพื่อเบี่ยงเบนหัวข้อสนทนานี้ “เอาไปส่งให้เขาด้วย”

 

 

“อืม” ฉินซื่อหลานโบกมือให้เขา “ไปเลยไป ได้กันแล้วก็ทิ้ง”

 

 

เหยียนเค่อชะงักไป “นายอยากตายเหรอ”

 

 

“แหะๆๆ” ฉินซื่อหลานเข้าไปแอบด้านหลังโต๊ะ เขาจงใจกดเสียงให้เบาลงแล้วแท้ๆ แต่เหยียนเค่อดันได้ยินซะได้

 

 

ถ้าไม่ใช่เพราะเหยียนเค่อมีเรื่องด่วนต้องเข้าบริษัทละก็ เขาต้องทำให้ฉินซื่อหลานเข้าไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มในโรงพยาบาลของตัวเองแน่นอน

 

 

ตอนที่ฉินซื่อหลานเอากระเป๋าไปส่งให้ซย่าเสี่ยวมั่วนั้น ซย่าเสี่ยวมั่วยังไม่ได้กลับไปที่บ้านของตน

 

 

“ฮัลโหล” เสียงขึ้นจมูกอู้อี้ดังลอดเข้ามาในหู ทำเอาฉินซื่อหลานตกตะลึงไป

 

 

“เธอเป็นอะไร”

 

 

“ฉันโดนไล่ออกจากบ้านแล้ว” ซย่าเสี่ยวมั่วพูดจบน้ำตาก็ร่วงเผาะลงมาอย่างกลั้นไม่อยู่

 

 

ฉินซื่อหลานเองก็ไม่รู้ว่าควรจะปลอบใจเธออย่างไร เมื่อได้ยินเธอร้องไห้ก็เริ่มกลัว ในสถานการณ์เร่งด่วนแบบนี้จึงตัดสายเธอทิ้งไป…

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วกำลังจะระบายความทุกข์ใจของตนให้เขาฟัง แต่สุดท้ายก็ถูกตัดสายทิ้งไปเสียก่อน ทำให้เธอรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจยิ่งกว่าเดิมเสียอีก จึงเดินไปหามุมหนึ่งแล้วนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่อย่างนั้น

 

 

ฉินซื่อหลานมองโทรศัพท์อย่างรู้สึกพ่ายแพ้ ตอนนี้ซย่าเสี่ยวมั่วอยู่ที่ไหนเขายังไม่รู้เลย จริงๆ เลย…

 

 

“โทรหาฉันทำไม!” เหยียนเค่อถามอย่างชัดถ้อยชัดคำ เพิ่งแยกกันเมื่อกี้ แต่ตอนนี้กลับโทรมาหาเขาเสียอย่างนั้น ช่วงนี้ฉินซื่อหลานคงว่างมากจนอยากรนหาที่ตายใช่ไหม

 

 

ฉินซื่อหลานก็ไม่อยากโทรหาเขาเหมือนกันนั่นแหละ เมื่อกี้ยังบอกเหยียนเค่อว่าพวกเขาเป็นศัตรูหัวใจกันอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับต้องวิ่งแจ้นมาขอความช่วยเหลือจากเหยียนเค่อเสียอย่างนั้น

 

 

“เฮ้อ” ฉินซื่อหลานถอนหายใจ

 

 

“มีอะไรก็รีบพูดมา” เหยียนเค่อยังมีประชุมต่ออีก

 

 

ฉินซื่อหลานเรียบเรียงคำพูดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดใจความสำคัญออกมา “ซย่าเสี่ยวมั่วร้องไห้”

 

 

เหยียนเค่อกำลังจะกดวางสายแล้วไปเข้าประชุมก็ได้ยินประโยคใจความสำคัญเสียก่อน “หืม?”

 

 

“ฉัน…” ฉินซื่อหลานรู้สึกว่าตัวเองขี้ขลาดเอามากๆ ที่นึกถึงและโทรหาเหยียนเค่อเป็นคนแรก “คือว่า…” เขายังไม่ทันพูดจบ เหยียนเค่อก็วางสายไปเสียแล้ว

 

 

ผู้ช่วยหวังเห็นเหยียนเค่อเดินเข้ามาหาตน จึงเอาแฟ้มเอกสารที่เตรียมพร้อมแล้วยื่นให้เขา แต่

 

 

เหยียนเค่อไม่ได้รับมา “ผมมีธุระต้องออกไปข้างนอก คุณดูแลการประชุมแล้วกันนะ”

 

 

“ครับ?” แขนของผู้ช่วยหวังค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ ยืนเหม่อมองแผ่นหลังของเหยียนเค่อที่ค่อยๆ เดินห่างออกไปไกล “ไปแบบนี้เลยเหรอ”

 

 

ฉินซื่อหลานโทรหาซย่าเสี่ยวมั่วอีกหลายครั้ง แต่ซย่าเสี่ยวมั่วกลับไม่รับเลยสักสาย ต่อมาเขากลัวว่าจะคลาดกันกับเหยียนเค่อ จึงทำได้เพียงไปรออยู่ใต้ตึกที่บ้านของซย่าเสี่ยวมั่ว

 

 

เฮ้อ ถ้าเป็นเสี่ยวฝูเอ๋อร์เขาก็คงไปง้อตั้งนานแล้ว ความรู้สึกแรกที่เขาได้ยินซย่าเสี่ยวมั่วร้องไห้ก็คือรู้สึกน้ำท่วมปาก และต่อมาก็กดตัดสายไปโดยไม่รู้ตัว ทำไมถึงได้ดูขี้ขลาดแบบนี้กันนะ

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 400 ฟื้นคืนชีพ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นสายเรียกเข้าจากฉินซื่อหลานก็ไม่อยากรับ เขาตัดสายเธอทิ้ง เธอทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว!

 

 

สุดท้ายก็เห็นเบอร์ที่ไม่ได้ขึ้นชื่อว่าฉินซื่อหลานแต่เป็นชื่อของเหยียนเค่อปรากฏขึ้นบนหน้าจอ เธอร้องไห้หนักกว่าเดิม มือไม้สั่นเทาอยากกดรับสายแต่กลับเผลอไปกดวางสายโดยไม่ทันระวัง

 

 

ฉิบหายแล้ว! ตอนนี้ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ เธอกดตัดสายเหยียนเค่อหรือเนี่ย ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยก็เถอะ แต่สภาพของเธอในตอนนี้ดูเศร้าโศกเป็นอย่างมาก เทียบกับเมื่อก่อนไม่ได้เลย

 

 

เสียงรอสายดังขึ้นไม่ถึงสิบวินาทีก็สิ้นสุดลง เห็นได้ชัดว่าซย่าเสี่ยวมั่วเป็นคนกดตัดสาย ปีกกล้าขาแข็งมากขึ้นทุกทีแล้วสินะ เหยียนเค่อลอบกัดฟัน อย่าให้จับตัวได้นะ ซย่าเสี่ยวมั่วเธอตายแน่

 

 

เหยียนเค่อโทรกลับไปอีกครั้ง ถ้าคราวนี้ยังกล้าตัดสายเขาอีกเขาจะไม่สนใจแล้วจริงๆ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วรอให้เขาโทรมาเป็นครั้งที่สองก็รีบกดรับทันที เหยียนเค่อเห็นว่าอีกฝ่ายรับสายแล้วจึงค่อยๆ เบาใจลง

 

 

“อยู่ไหน”

 

 

“ฉันอยู่ตรงอาคารประชาสัมพันธ์ด้านหลังบ้านพ่อแม่” ซย่าเสี่ยวมั่วได้ยินเสียงเหยียนเค่อก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิม เสียงสะอื้นไห้ของซย่าเสี่ยวมั่วดังลอดออกมาจากลำโพง ทำเอาเหยียนเค่อฟังแล้วรู้สึกสงสาร

 

 

“ร้องไห้ทำไม! เงียบไปเลย!” รถของเหยียนเค่อจอดลงไม่ไกลจากบ้านของพ่อแม่ซย่าเสี่ยวมั่วนัก ได้ยินเธอพูดเช่นนี้เขาก็รีบกลับรถแล้วขับขึ้นหน้าไปตามหาเธอทันที “มายืนตรงถนน ฉันจะได้เห็นเธอ”

 

 

เธอเศร้าขนาดนี้ เหยียนเค่อยังจะมาดุเธออีก ซย่าเสี่ยวมั่วที่พอทั้งโมโหและเสียใจแล้ว น้ำตาก็พรั่งพรูออกมามากขึ้นกว่าเดิมอย่างหยุดไม่อยู่ เธอโดนด่าก็เพราะเหยียนเค่อนั่นแหละ…

 

 

“เอาล่ะๆ ไม่ต้องร้องแล้ว” เหยียนเค่อปวดหัว พอซย่าเสี่ยวมั่วร้องไห้เขาก็ทนไม่ไหวแล้ว “เงียบซะ เดี๋ยวฉันจะไปหาแล้ว เธอออกมาเลย”

 

 

“อือ” ทางฝั่งของซย่าเสี่ยวมั่วมีเสียงเช็ดจมูกฟืดๆ ดังลอดออกมา

 

 

เหยียนเค่อขับรถไปอย่างเชื่องช้า มองสองข้างถนนอย่างละเอียดกลัวว่าจะคลาดกับเธอไป สุดท้ายก็เห็นเธออยู่ตรงด้านข้างของอาคารประชาสัมพันธ์

 

 

“ฮือ” ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นคนที่เดินลงมาจากรถก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาไม่น้อย

 

 

เหยียนเค่อยื่นมือออกไปกอดเธอไว้อย่างลืมตัว ส่วนซย่าเสี่ยวมั่วก็กระโจนเข้าสู่อ้อมกอดของเขาทันทีเช่นกัน

 

 

“ฮือออ” ทั้งๆ ที่ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกโล่งใจขึ้นมาไม่น้อย แต่กลับร้องไห้หนักกว่าตอนก่อนหน้านี้อีก

 

 

เหยียนเค่อปล่อยให้เธอใจเย็นลง ไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะปลอบใจเธออย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นเขานึกเสียใจทีหลังที่ตอนนั้นยื่นมือเข้าไปหาเธอ

 

 

“ฉันโดนแม่ด่ามา เขาบอกว่าให้ฉันไสหัวออกไป!”

 

 

เหยียนเค่อลูบผมเธอ คำพูดปลอดประโลมที่คิดเอาไว้กลับผิดเพี้ยนกลายเป็น “ร้องไห้จนเสื้อผ้าฉันเลอะแล้วจะซักให้ไหม”

 

 

“หืม?” ซย่าเสี่ยวมั่วที่กำลังโศกเศร้าก็ถูกคำพูดของเหยียนเค่อทำร้ายจิตใจ เธอกลัวว่าต้องซักเสื้อผ้าให้เหยียนเค่ออีกจึงรีบผละศีรษะออก ก่อนจะใช้แขนเสื้อเช็ดคราบน้ำตา

 

 

เหยียนเค่อเห็นเธอใช้แขนเสื้อสเวตเตอร์ถูหน้าแบบลวกๆ ก็ครวญครางในใจ เขาปัดมือเธอออกก่อนจะพลิกเอาแขนเสื้อของเสื้อเชิ้ตตัวในที่มีเนื้อผ้าอ่อนนุ่มมาเช็ดทำความสะอาดให้เธอเบาๆ แทน

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วทำปากคว่ำอย่างไม่พอใจ แล้วยังต่อล้อต่อเถียงกับเหยียนเค่อต่อ “ฉันไม่ได้ให้นายเช็ดให้สักหน่อย ฉันไม่อยากซักผ้าให้นายนะ”

 

 

“ได้” เหยียนเค่อเช็ดหน้าเธอจนสะอาดแล้วจึงมองแขนเสื้อที่เป็นรอยเปียกชื้นและคราบน้ำตาตรงบริเวณอกของเสื้อคลุมตัวนอกอย่างรังเกียจ ทว่าก็ไม่ได้เรียกร้องให้เธอมารับผิดชอบ “เดี๋ยวฉันไปส่ง”

 

 

“อือ” ซย่าเสี่ยวมั่วคลายมือที่โอบเอวของเหยียนเค่อไว้ แต่ความจริงในใจนั้นอยากจะให้ฟ้าผ่าตัวเองให้ตายไปเสียตรงนั้นเลย

 

 

เมื่อกี้เธอใช้มือข้างหนึ่งโอบเอวของเหยียนเค่อตลอดเลยหรือเนี่ย…ช่าง…เป็นเรื่องที่รับไม่ได้จริงๆ ความรู้สึกที่ได้สัมผัสนั่น ทำไมซย่าเสี่ยวมั่วถึงรู้สึกเหมือนตัวเองได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาเลยนะ!

 

 

เหยียนเค่อไม่สังเกตเห็นถึงความผิดปกติอันใด หรืออาจจะสังเกตได้เพียงแต่ไม่พูดออกมา เพื่อไม่ให้บรรยากาศระหว่างทั้งคู่กระอักกระอ่วนไปมากกว่านี้