ราชันเร้นลับ 477 : เดอะฟูลกับความกังวลร้อยแปด

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ 477 : เดอะฟูลกับความกังวลร้อยแปด โดย Ink Stone_Fantasy

สิ่งแรกในการมองเห็นไคลน์คือแท่นบูชาขนาดใหญ่ รอบนอกมีม่านแสงห่อหุ้มหนาหลายชั้น ด้านในสุดเป็นร่างของบุคคลผู้หนึ่งกำลังยืนตัวตรงในสภาพหลับตา

อีกฝ่ายสวมชุดคลุมยาวสีดำของนักบวช แต่ปลดผ้าคลุมหัวลง เผยให้เป็นใบหน้าอันงดงามลักษณะค่อนไปทางเพศหญิง บริเวณหน้าอกซ้าย หัวไหล่ ช่องท้อง และต้นขา ถูกปกคลุมด้วยก้อนเนื้อแดงฉ่ำน่าขยะแขยงกำลังยุบพอง

รอบตัวบุคคลดังกล่าวเต็มไปด้วยร่างมายากึ่งล่องหนจำนวนมาก ออร่าอัดแน่นด้วยอารมณ์ด้านลบมหาศาล ทั้งด้านชา สิ้นหวัง เจ็บปวด และหดหู่

เหนือสุดแท่นบูชามีร่างของสี่บุคคลสวมชุดคลุมสีดำ พวกมันเคยสวดภาวนาจนถึงเมื่อครู่ แต่ปัจจุบัน ผิวพรรณทุกคนเริ่มแห้งเหี่ยว ร่างกายหดเกร็งผิดรูป คล้ายกับซากศพซึ่งเสียชีวิตมาแล้วหลายปี

เหนือสุดของหลังคาโดมสูง ลำแสงเส้นหนึ่งแหวกอากาศสาดส่องลงมายังกึ่งกลางแท่นบูชาใหญ่ รอบข้างเป็นเสาหินต้นใหญ่สี่ทิศ รวมถึงอักขระเวทมนตร์ซึ่งกำลังลอยบนอากาศอีกจำนวนหนึ่ง

เมื่อไคลน์ออกจากจุดซ่อนตัว มิสเตอร์ A ลืมตาขึ้นและมองไปยังทิศทางชายหนุ่มทันที

ดวงตาของมันแดงก่ำราวกับเลือด อัดแน่นด้วยความบ้าคลั่งเหนือพรรณนา เจือความเย็นชาไว้เล็กน้อย

หากเป็นผู้วิเศษปรกติ คงได้รีบเบือนหน้าหนีอย่างหวาดผวา แต่ไม่ใช่กับไคลน์ ผู้เคยเฟอะฟะจ้องมองเทพสุริยันเจิดจรัสด้วยตาเปล่า แถมยังเคยเผชิญหน้ากับอามุนด์ ผู้เย้ยเทพจากอดีตกาล รูปลักษณ์ของมิสเตอร์ A จึงมิได้ส่งผลต่อจิตใจ ชายหนุ่มเพียงลั่นไกอย่างเยือกเย็นพร้อมกับส่งกระสุนปราบมารสีเงินสลักลวดลายซับซ้อนตรงไปยังแท่นบูชา

เมื่อเห็นภาพตรงหน้า จิตใต้สำนึกมิสเตอร์ A เตรียมสั่งให้มันยกมือ แต่สุดท้ายกลับชะงักไว้กลางคัน และทำเพียงจ้องมองกระสุนเงินพุ่งผ่านม่านแสงรอบนอกอย่างไม่กะพริบตา

กระสุนปราบมารสีเงินเริ่มละลาย ก่อนจะหายไปโดยสมบูรณ์ท่ามกลางแสงสว่างและอารมณ์ด้านลบอันเข้มข้น ไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวหรือร่องรอยการมีตัวตน

ดวงตาไคลน์เริ่มกระตุก ตาดำหดลีบ

มันรีบรัวยิงกระสุนนัดอื่นในรังเพลิงเข้าใส่จนหมด ไม่ว่าจะเป็นกระสุนชำระล้างสีทองอ่อนหรือกระสุนปัดเป่าสีทองแดง ทุกนัดพุ่งปะทะกับม่านแสงในเวลาไล่เลี่ย

ทว่า ทั้งหมดมีชะตากรรมเดียวกับกระสุนปราบมารนัดแรก สลายหายไปราวกับไม่เคยมีตัวตนบนโลก มิอาจสร้างการคุกคามแก่แท่นบูชาได้แม้แต่เศษเสี้ยว

มิสเตอร์ A หัวเราะแหบพร่า

“เปล่าประโยชน์… พิธีกรรมเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว ด้วยพลังเยี่ยงหนอนแมลงอ่อนเช่นเจ้า การขัดขวางพิธีกรรมเป็นได้เพียงความฝัน แม้จะเป็นลำดับ 5 ก็หมดโอกาส! แต่อย่าได้เสียใจไป เจ้าคือผู้โชคดีอันหาได้ยากยิ่ง เจ้าได้รับสิทธิ์ให้เป็นเป็นพยานการลงมาจุติของพระองค์ และยังจะได้รวมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกายาพระองค์ท่าน!”

มิสเตอร์ A เมินเฉยไคลน์อย่างแท้จริง มันกลับไปหลับตาและทำตัวสงบนิ่ง ประหนึ่งชายหนุ่มเป็นเพียงหนอนแมลงอ่อนแอตามปากว่า

ทันใดนั้น คนเลี้ยงแกะยกแขนขึ้นทั้งสองข้างในท่ากางออก ตามด้วยการเปล่งเสียงภาษาเฮอร์มิสโบราณ

“พระองค์ผู้รังสรรค์ทุกสิ่ง พระองค์ผู้คอยปกครองอยู่ด้านหลังเงามืด ผู้เป็นรากฐานแห่งการเสื่อมถอยทั้งปวง”

“สาวกอันซื่อสัตย์ของท่าน ขอวิงวอนให้ท่านลงมาจุติ ตัวข้า ขอสละร่างกายเพื่อเป็นภาชนะสำหรับบรรจุปณิธานอันยิ่งใหญ่ของท่าน!”

ท่ามกลางเสียงสวด แสงปริศนาโผล่ขึ้นเหนือศีรษะมิสเตอร์ A อย่างไร้เหตุผล ร่างกายของมันถูกลำแสงดังกล่าวห่อหุ้มอย่างทั่วถึง

ขณะเดียวกัน อารมณ์โศกเศร้าด้านลบรอบตัวเริ่มหลั่งไหลเข้าผสานเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายมิสเตอร์ A คล้ายกับวังวนวารี

ปัง! ปัง! ปัง!

ไคลน์พยายามดีดนิ้วอย่างต่อเนื่อง รวมถึงใช้พลังควบคุมไฟเข้าช่วย ทำทุกวิถีทางเพื่อให้แท่นบูชาได้รับความเสียหาย แต่ผลลัพธ์ช่างน่าเศร้า ไม่มีสิ่งใดทะลวงผ่านชั้นม่านแสงเข้าไปได้เลย

เราทำอะไรไม่ได้เลยหรือ สมบัติวิเศษเกือบทั้งหมดอยู่บนมิติสายหมอก การจะนำออกมาต้องผ่านพิธีกรรม ซึ่งสิ้นเปลืองเวลาไม่ต่ำกว่าหนึ่งนาที หากร่างกายบนโลกจริงไม่ได้อยู่ในจุดปลอดภัย อันตรายสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ…

เรายังทำอะไรได้อีก?

ไคลน์เลิกพฤติกรรมเปล่าประโยชน์และหยุดยืนครุ่นคิด

ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเข็มกลัดสุริยัน ขวดพิษชีวภาพ ดวงตาดำล้วน หรือไพ่จักรพรรดิมืด ในทางทฤษฎี ไม่มีสิ่งใดสามารถใช้พังม่านแสงรอบแท่นบูชาได้เลย

เราทำได้แค่รอให้กำลังเสริมจากจัสติสส่งมาถึงจริงหรือ… ต้องเป็นประจักษ์พยานการลงมาจุติของพระผู้สร้างแท้จริงเนี่ยนะ?

ไคลน์เริ่มตึงเครียด ความคิดมากมายแล่นผ่านสมองอย่างรวดเร็ว วิธีแก้ปัญหาถูกจำลองในหัวหนแล้วหนเล่า

มันพยายามสำรวจว่า ตอนนี้ตนพกสิ่งใดติดตัวอยู่บ้าง ขณะใช้มือล้วงจับ เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดแทรกขึ้นตามรูขุมขนฝ่ามือเป็นระยะ

ทันใดนั้น มันฉุกคิดบางสิ่งได้

โดยไม่มัวไตร่ตรองให้เสียเวลา ชายหนุ่มควักวัตถุบางชนิดซึ่งมีผิวสัมผัสเป็นโลหะออกมาไว้ในมือ

กึก. กึก. กึก.

ไคลน์รีบวิ่งไปข้างหน้าสามก้าว ตามด้วยการกระตุกแขนขว้างวัตถุเนื้อโลหะไปยังแท่นบูชาเต็มแรง

แสงสีทองแดงส่องประกายวิบวับขณะวัตถุดังกล่าวทะลวงผ่านม่านแสงชั้นนอก

กุญแจราบเรียบทรงโบราณ

มาสเตอร์คีย์!

ภายในม่านแสง ผิวมาสเตอร์คีย์ทองแดงเริ่มละลายในลักษณะเดียวกับกระสุนปืน

แต่หลังจากเปลือกนอกสลายไป คำสาปด้านในจึงมีโอกาสสัมผัสกับโลกมนุษย์โดยตรง อุโมงค์เชื่อมต่อกับเสียงเพรียกของมิสเตอร์ประตูถูกสร้างขึ้นภายในแท่นบูชาทันที

เขตราชินี คฤหาสน์หรูของเคาต์ฮอลล์

ออเดรย์กำลังยืนข้างหน้าต่างเต็มบานพลางจ้องมองออกไปด้วยสีหน้ากังวล

เด็กสาวเพ่งพิจารณากลุ่มหมอกทึบบนเส้นขอบฟ้าอีกฟากฝั่ง ปริมาณหมอกหนาแน่นขึ้นทุกขณะ สีสันเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเหลืองซีดผสมดำเหล็ก อาณาเขตของมันค่อย ๆ ขยายตัวทีละนิด

“มีบางอย่างไม่ปรกติ” โกลเดนรีทรีเวอร์ตัวใหญ่ขนฟู ซูซี่ ผู้กำลังนั่งด้านข้างปลายเท้าออเดรย์ กล่าวพลางมองไปยังทิศทางของหมอกหนาแน่นบนท้องฟ้าในจุดห่างไกล

ใช่แล้ว… ขอให้เหตุการณ์สงบลงโดยเร็ว…

แม้ออเดรย์จะยังไม่เข้าใจความหมายของหมอกเหล่านี้ แต่เธอก็เพ่งสมาธิสวดวิงวอนถึงเทพธิดารัตติกาลและเดอะฟูลอย่างเป็นกังวล โดยหวังว่าพวกท่านจะขัดขวางการลงมาจุติของแม่มดบรรพกาลสำเร็จ

ทันใดนั้น มุมสายตาเด็กสาวเหลือบเห็นการโยกเอนของกิ่งไม้แห้งอย่างรุนแรง กรอบหน้าต่างข้างลำตัวเริ่มกระทบกระเทือนเสียงดังโครมคราม

สายลมนี่มัน…

ออเดรย์พลันโล่งใจ

เขตเชอร์วู้ด มหาวิหารวายุ

ผู้คนสามารถมองเห็นมหาวายุสลาตันได้ด้วยตาเปล่าจากด้านนอกวิหาร ลมพายุอันเกรี้ยวกราดเริ่มก่อตัวเป็นวงกลมและมุ่งตรงหน้าไปยังทิศตะวันออก

ฟ้าว!

หมอกหนาทึบบนท้องฟ้าเริ่มสลายตัวอำนาจอันเบ็ดเสร็จของแรงลมผู้ปกครองผืนนภาตัวจริง ควันข้นสีเหลือสลับเทาเจือจางลงภายในพริบตา

ฟ้าว

กิ่งไม้แห้งหลุดร่วงจากต้น ใบไม้แห้งบนพื้นรวมถึงฝุ่นสีน้ำตาลถูกพายุลูกมหึมาพัดพาไปไกลพร้อมกับกลุ่มหมอก

ฟ้าว

หมวกของผู้คนเดินถนนจำนวนมากเริ่มปลิวกระเด็นไปคนละทิศทาง ร่างกายพวกมันโน้มเอนเนื่องจากพยายามรักษาสมดุล บางคนต้องอาศัยกิ่งไม้หรือกำแพงในการป้องกันมิให้ตัวเองลอยไปพร้อมกับพายุ

เมื่อได้เห็นมหาวายุสลาตันบนท้องฟ้า ลูกเรือตามท่าเรือพลันรู้สึกราวกับตนกำลังติดอยู่บนเกาะกลางทะเลลึก

เพียงพริบตา หมอกควันในเขตตะวันออก ย่านท่าเรือ และย่างโรงงาน สลายตัวไปอย่างรวดเร็ว ใครหลายคนต่างพากันแสดงสีหน้าโล่งใจอย่างชัดเจน

ครืนน! ครืนนน!

เปรี้ยง! ซ่า

เสียงฟ้าร้องคำรามมาพร้อมกับการโปรยปรายของสายฝนเม็ดใหญ่ เปรียบดั่งน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ช่วยชุ่มชโลมดินแดนเบื้องล่างให้ใสสะอาด

“…คราวนี้โบสถ์วายุสลาตันตอบสนองได้เร็วผิดคาด… ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแผนการของเราต้องเลื่อนมาเร็วขึ้น ทำให้มีเวลาเตรียมตัวไม่มากพอ… ฮิฮิ~ น่าเสียดาย ไม่อย่างนั้น พวกชนชั้นกลางและชนสูงของอาณาจักรคงได้ลิ้มรสความสิ้นหวังแบบเดียวกับเหล่าคนจนรอบนอก พวกมันเกือบจะได้เป็นลูกแกะรอวันถูกเชือดแล้วเชียว…” ท่านหญิงสิ้นหวังกำลังนั่งภายในรถม้าพลางฟังเสียงสายฝนโปรยปรายบนกระจก

แม้ว่าแผนการของเธอจะถูกขัดขวางหลังจากเพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน แต่จากการคำนวณเบื้องต้น หมอกควันชุดแรกสามารถคร่าชีวิตมนุษย์ได้ไม่ต่ำกว่าสองหมื่นราย และเหนือสิ่งอื่นใด หลังจากนี้ยังจะมีปัญหาของโรคระบาดตามมาอีกสักระยะ

ด้วยความพินาศระดับนี้ โอสถของเราคงถูกย่อยจนเกือบสมบูรณ์… แต่นี่เป็นเพียงผลพลอยได้ ส่วนจุดประสงค์แท้จริงนั้น… ถึงแม้จะมีคนตายจำนวนมาก แต่บาปทั้งหมดจะตกเป็นของชุมนุมแสงเหนือและพระผู้สร้างแท้จริงแทน จึงไม่มีใครเอะใจว่า ราชวงศ์กำลังแอบวางแผนกระทำสิ่งใดอยู่…

ท่านหญิงสิ้นหวังครุ่นคิดอย่างอารมณ์ดี

เส้นทางหนีและแหล่งกบดานของเธอถูกปกปิดเป็นความลับสูงสุด ทุกสิ่งถูกเตรียมการล่วงหน้าเป็นเวลานาน จึงไม่ต้องกังวลว่าจะถูกกองทัพครึ่งเทพล้อมจับขณะเดินทางหลบหนีออกจากกรุงเบ็คลันด์

หากเริ่มพบเบาะแสของเธอเมื่อไร หมายความว่าเธอเผ่นหนีออกจากเมืองไปไกลมากแล้ว

ขณะท่านหญิงสิ้นหวังเตรียมลงจากรถม้าเพื่อหลบหนีไปยังเส้นทางถัดไป บุคคลผู้หนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นบนเบาะฝั่งตรงข้ามของห้องโดยสารอย่างน่าพิศวง

อีกฝ่ายคือหญิงสาวใบหน้าอ่อนเยาว์ สวมชุดคลุมนักบวชสีดำ ดวงตาและเส้นผมดำขลับแวววาว ใบหน้างดงาม แต่ปราศจากอารมณ์ใดทั้งปวง

หลังจากขว้างมาสเตอร์คีย์ออกไป ไคลน์รีบหยิบนกหวีดทองแดงอะซิกมากำในมือแน่น ลมหายใจเข้าออกเป็นไปอย่างกระเส่า สายตาจดจ้องผลลัพธ์ด้วยใจจดจ่อ

ถ้ากุญแจทองแดงยังไม่สามารถขัดขวางพิธีกรรมได้ มันเตรียมใช้นกหวีดทองแดงของมิสเตอร์อะซิกเพื่อเรียก ‘ผู้ส่งสาร’ ออกมา และทดสอบว่าตนสามารถพึ่งพาอีกฝ่ายได้มากน้อยแค่ไหน

ถ้านั่นยังล้มเหลวอีก ไคลน์จะเข้ามิติสายหมอกและนำสมบัติวิเศษออกมาใช้ ไม่เว้นแม้แต่ไพ่จักรพรรดิมืด เพราะไม่ว่าอย่างไร พิธีกรรมชั่วร้ายตรงหน้าก็ต้องถูกยับยั้งจนกว่าจะหมดสิ้นหนทางอย่างแท้จริง

ปัจจุบัน ท้องฟ้าด้านบนปราศจากจันทราเต็มดวงสีแดงเข้ม อย่าว่าแต่จันทร์เต็มดวง ตอนนี้เป็นเวลากลางวันเสก ๆ ไม่มีแม้แต่จันทร์แดงธรรมดา

ไคลน์จึงไม่มั่นใจว่าคำสาปภายในมาสเตอร์คีย์จะแสดงผล หวังเพียงแค่ ให้เสียงเพรียกของมิสเตอร์ประตู สามารถทะลวงผ่านม่านแสงเข้าไปเล่นงานบุคคลด้านในได้บ้าง

ผ่านไปราวสามวินาที ไคลน์มองเห็นผิวชั้นนอกของมาสเตอร์คีย์เริ่มหลุดลอก ตามด้วยการแตกตัวเป็นเศษสีแดงระยิบระยับ

ประกายสีแดงสว่างวาบหนึ่งหน ก่อนจะเกิดเป็นระเบิดกัมปนาทรุนแรงหนักหน่วง!

เพียงพริบตา ไคลน์สูญเสียการได้ยินไปโดยสิ้นเชิง แต่ดวงตายังคงจ้องมองร่างมายาล่องหนรอบแท่นบูชา และพบว่าพวกมันแหกปากกรีดร้องอย่างโหยหวน

ร่างวิญญาณเหล่านั้นถูกย้อมกลายเป็นเขียวเข้มน่ารังเกียจ ศีรษะงอกเพิ่มหนึ่งข้าง ดวงตางอกเป็นสาม และแขนขางอกเป็นห้า

กลุ่มสัตว์ประหลาดดังกล่าวพลันกรูเข้าใส่มิสเตอร์ A จากทุกทิศทางอย่างบ้าคลั่ง

มิสเตอร์ A ลืมตาขึ้น สีหน้าเผยอาการตกตะลึงเจือความเฉยเมยแสนโอหัง

ถัดมาไม่นาน ม่านแสงหลายชั้นรอบแท่นบูชาเกิดการบิดเบี้ยวและพังครืนลงมาต่อหน้า

บึ้มมมมม!

เกิดระเบิดตามมาอีกระลอก ณ ใจกลางแท่นบูชา สายลมโดยรอบก่อตัวเป็นพายุกระโชกเกรี้ยวกราด

เปรี้ยะ!

เสาหินสี่ต้นรอบแท่นบูชาเริ่มแตกร้าว ผิวหินหลุดลอกเป็นแผ่น เศษดินร่วงกราวพร้อมกับละอองฝุ่นเม็ดเล็ก

แม้แต่ไคลน์ ผู้อยู่ห่างออกไปค่อนข้างไกล ก็ยังตอบสนองไม่ทันต่อแรงระเบิดระลอกสอง

โครม!

ร่างกายชายหนุ่มกระแทกกับกำแพง ก่อนจะบางลงจนกลายเป็นเพียงกระดาษหนึ่งแผ่น

สายลมรุนแรงเฉือนทำลายแผ่นกระดาษจนฉีกขาดเป็นเศษเล็กเศษน้อย

ไคลน์โผล่ออกจากอีกมุมหนึ่งของห้อง อาศัยแผ่นหลังพิงกำแพงช่วยซับแรงปะทะ

มันไม่เคยคิดมาก่อน ว่ามาสเตอร์คีย์จะสร้างความพินาศได้มากถึงเพียงนี้!

คำสาปภายในกุญแจถูกบังคับให้แสดงผลหลังจากเนื้อกุญแจละลายไปจนหมด การทำงานของมันไม่ซับซ้อน เพียงส่งผ่านเสียงเพรียกของมิสเตอร์ประตู บุคคลจากอดีตกาลอย่างน้อยยุคสมัยที่สี่ บุคคลผู้มีระดับไม่ต่ำกว่าเทวทูต เข้าไปในเขตแท่นบูชาและกัดกร่อนเหล่าวิญญาณอาฆาตรอบนอก ซึ่งเปี่ยมด้วยอารมณ์สิ้นหวัง หดหู่ ด้านชา จนเกิดอาการคลุ้มคลั่งและอาละวาดใส่แท่นบูชาอย่างขาดสติ ผลลัพธ์ตามมาคือการเสียสมดุลและเข้าสู่วงจรระเบิดตัวเอง

เมื่อแรงระเบิดเริ่มสงบ ไคลน์พุ่งออกมาตรวจสอบสถานการณ์เบื้องต้น

ร่างมายาซึ่งเต็มไปด้วยอารมณ์ด้านลบเลือนหายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงซากปรักหักพังของแท่นบูชาแตกหักกระจัดกระจาย

มิสเตอร์ A อยู่ในสภาพคุกเข่าพลางเอนตัวมาด้านหน้า แขนหายไปหนึ่งข้าง ใบหน้าหายไปครึ่งซีก รวมถึงอวัยวะภายในอีกมาก

ดวงตาเพียงข้างเดียวกำลังแฝงความอาฆาตแค้นต่อไคลน์อย่างไม่ปิดบัง

ขณะเดียวกัน บาดแผลของมันกำลังถูกปกคลุมด้วยก้อนเนื้อชุ่มฉ่ำไปด้วยเลือด!

เพียงชำเลืองผ่านครู่เดียว ไคลน์ตัดสินใจเผ่นหนีสุดชีวิตโดยปราศจากความลังเล

สำหรับมัน จุดประสงค์หลักผ่านไปอย่างราบรื่นตามความปรารถนา ตนสามารถขัดขวางการลงมาจุติของพระผู้สร้างแท้จริงได้ทันเวลา

ในเมื่อมิสเตอร์ A กำลังบาดเจ็บหนักและยังฟื้นฟูตัวเองไม่เสร็จ แล้วจะให้ผู้วิเศษลำดับ 6 อย่างตน อยู่รอกินข้าวเย็นฉลองปีใหม่ร่วมกับคนเลี้ยงแกะทรงพลังหรืออย่างไร

……………………