นิทรา โดย Ink Stone_Fantasy
อวี๋จิ้งชิวรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ ‘ตงป๋อเสวี่ยอิง’ ซึ่งสำหรับนางแล้วพลังลึกล้ำเกินหยั่งจนสามารถจัดอยู่ในตำแหน่งสามบรรพชนได้ จู่ๆ จะล้มลงไปกับพื้นภายในโลกวัตถุได้หน้าตาเฉยอย่างนั้นหรือ กฎเกณฑ์ของโลกวัตถุนั้นปกป้องสิ่งมีชีวิตข้างในเป็นอย่างมาก ต่อให้เป็นคนระดับอย่างจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตและประมุขเกาะกาลมิติ อาศัยเหตุปัจจัยของสัตย์สาบานก็ทำได้เพียงสังหารเทพโลกาสวรรค์สามชั้นเท่านั้น
ตงป๋อเสวี่ยอิงมีพลังระดับใดกัน อยู่ในโลกวัตถุก็ควรจะปลอดภัยเต็มที่!
“เสวี่ยอิง เสวี่ยอิง รีบตื่นเร็วเข้าๆ” อวี๋จิ้งชิวพยายามส่งพลังเทพโลกาสายหนึ่งหมายจะถ่ายเข้าไปในร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงเพื่อตรวจดู จึ้กๆๆ เพิ่งจะปะทะกับผิวหนังของตงป๋อเสวี่ยอิงก็เผชิญกับการผลักไสอันไร้รูปร่าง แม้จะตกอยู่ในห้วงนิทรา แต่ลำพังแค่อานุภาพของกายหยาบตามธรรมชาติก็มิใช่สิ่งที่พละกำลังของอวี๋จิ้งชิวจะสามารถแทรกซึมเข้าไปได้
“ท่านแม่ เกิดอะไรขึ้น ท่านพ่อเป็นอะไรไปน่ะ” เกาะธุลีแดงของภูผาศิลาแดงก็ใหญ่แค่นี้ ร่างแยกของตงป๋ออวี้ซึ่งบำเพ็ญอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่งแค่เหลือบมองลงมาแวบเดียวก็เห็นท่านพ่อล้มลงกับพื้นไกลออกไปและท่านแม่ที่อยู่ข้างๆ เขาก็มึนงงไปหมด จึงรีบเคลื่อนที่ในพริบตามาที่นี่
อวี๋จิ้งชิวกลับมิได้สนใจบุตรชายของตนเองเลย นางกำลังดูแลสามีด้วยความร้อนใจ
สวบ
นางอุ้มตงป๋อเสวี่ยอิงขึ้นมาก่อนจะทะยานไปยังห้องด้านข้างที่ใกล้ที่สุดทันที แล้ววางสามีลงบนเตียงนอน
ในตอนนี้วิญญาณอาวุธ ‘ศิลาแดง’ ตงป๋อชิงเหยาและตงป๋ออวี้ต่างก็แตกตื่นและร้อนรนอยู่นอกห้อง
“นายท่านเป็นอะไรไปน่ะ” วิญญาณอาวุธศิลาแดงไม่อยากจะเชื่อ “ระดับขั้นอย่างนายท่าน ทั้งยังอยู่ภายในโลกวัตถุ ไยจึงตกเข้าสู่ห้วงนิทรา จะเรียกอย่างไรก็ไม่ตื่นได้เล่า”
“ไม่น่าเลย เขาควรจะปลอดภัยเต็มที่สิ” ตงป๋อชิงเหยาก็ร้อนรนใจ
ตงป๋ออวี้ก็ตึงเครียดและเป็นกังวล
ก็เพราะ ‘ควรจะปลอดภัยเต็มที่’ แต่ก็ยังคงตกเข้าสู่ห้วงนิทรานั่นเอง สถานการณ์จึงยิ่งรุนแรงขึ้น เห็นได้ชัดว่าผู้ที่ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงถูกกระบวนท่านี้เข้าได้…ยังเหนือกว่าระดับอย่างจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตและบรรพชนหุบเหวลึกเสียอีก
ภายในห้อง
อวี๋จิ้งชิวอยู่ข้างเตียงมองดูสามีที่กำลังหลับสนิทอยู่ตรงหน้า ในใจร้อนรนมากยิ่งขึ้น
“ฝ่าบาทจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิต” อวี๋จิ้งชิวอ้าปากตะโกนออกไป ครั้งนี้นางมิได้ตัดขาดเหตุปัจจัย ตงป๋ออวี้ ตงป๋อชิงเหยาและวิญญาณอาวุธศิลาแดงที่อยู่นอกห้องต่างก็วิตกกันไปหมด พวกเขาเข้าใจดีว่านี่คือการขอร้องให้ ‘จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิต’ ยื่นมือเข้าช่วย
“อ้อ อวี๋จิ้งชิว มีเรื่องอันใดหรือ” บัดนี้จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตเองก็ยุ่งมาก ร่างแยกร่างหนึ่งกำลังสำแดงค่ายกลสองขั้วฟ้าออกมาเพื่อบีบบังคับให้ลัทธิจอมมารดาปรากฏกาย ส่วนอีกสองร่างก็กำลังค้นคว้าบัญชีหมื่นสรรพสิ่ที่ตง ป๋อเสวี่ยอิงนำกลับมาจากจักรวาลคีรีมาร เมื่อรู้สึกว่าด้านหมื่นสรรพสิ่งของตนค่อยๆ ยกระดับขึ้นเรื่อยๆ จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตก็ย่อมอารมณ์ดีมากเป็นธรรมดา
หากเป็นผู้บำเพ็ญทั่วไปกล้าเอ่ยเรียกนามของจักรพรรดิเทพแล้วล่ะก็ จะถือเป็นการล่วงล้ำจักรพรรดิเทพ
แต่อวี๋จิ้งชิวเป็นภรรยาของตงป๋อเสวี่ยอิง น้ำเสียงของจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตจึงยังนับว่าดีอยู่
“เสวี่ยอิงตกเข้าสู่ห้วงนิทรา มิอาจปลุกให้ตื่นได้ ฝ่าบาทจักรพรรดิเทพโปรดทรงช่วยด้วยเถิดเพคะ ช่วยเสวี่ยอิงด้วยเพคะ” อวี๋จิ้งชิวพูดรัว
“อะไรนะ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!” จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตก็ตกตะลึงไปเช่นกัน
……
ไม่นานนัก
ร่างแปรร่างหนึ่งก็ร่อนลงมายังโลกวัตถุ มาถึงโลกภูผาศิลาแดง วิญญาณอาวุธศิลาแดงก็มิได้สกัดกั้นเลย
จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตที่ร่อนลงมาสวมอาภรณ์สีขาวตัวหลวม เนื่องจากเป็นเพียงร่างแปรที่สะท้อนลงมา พลังก็ประสบกับการกดดันของโลกวัตถุจึงย่อมอ่อนแอมากเป็นธรรมดา ทว่าสายตาและระดับขั้นของเขาล้วนยังอยู่ครบ
“ฝ่าบาท” อวี๋จิ้งชิว ตงป๋ออวี้ ตงป๋อชิงเหยาและวิญญาณอาวุธศิลาแดงพากันโค้งคำนับต้อนรับ
“อื้ม”
จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตมองบุตรและภรรยาของศิษย์ตนแวบหนึ่ง จากนั้นสายตาก็จับที่ชายหนุ่มอาภรณ์ขาวซึ่งทอดกายอยู่บนเตียง เขาเผยสีหน้าร้อนรนออกมาอย่างมิอาจควบคุมได้ เมื่อก้าวออกไปก้าวหนึ่งก็ไปถึงข้างเตียง
“เรื่องอันใดกันนี่” จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตมองศิษย์ของตน จากนั้นก็ยื่นมือออกไป นิ้วมือจิ้มลงกลางหว่างคิ้วของตงป๋อเสวี่ยอิง พลังงานอันไร้รูปร่างสายหนึ่งเริ่มแทรกซึมเข้าไป แม้จะประสบกับการกดดันของโลกวัตถุ แต่ลูกไม้ของเขาก็ยังคงพิสดารสูงส่งเลิศล้ำ…เหมือนกับที่บรรพชนเพลิงชาดช่วยตงป๋อเสวี่ยอิงคืนชีพให้อวี๋จิ้งชิวในตอนนั้น
“จึ้กๆๆ…” ร่างกายซึ่งบรรลุถึงวิชาลับผู้ท่องขั้นที่แปด กลับมีอานุภาพอันน่าเกรงกลัว มันขจัดการตรวจสอบของจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตออกไปในทันใด
“เอ๊ะ”
จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตขมวดคิ้ว แล้วลองวิธีอื่นๆ ดูอีกครั้ง
หลังจากเปลี่ยนวิธีการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ท้ายที่สุดดวงตาทั้งคู่ของจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตก็เปล่งประกายออกมา ประกายนั้นปกคลุมตงป๋อเสวี่ยอิงเอาไว้ แล้วจึงเข้าไปภายในร่างกายได้โดยมองข้ามอุปสรรคของร่างกายไป “ศิษย์ข้าคนนี้ช่างมีร่างกายที่แข็งแกร่งเสียจริง เกรงว่าในบรรดาผู้ปกครอง คงมีกว่าครึ่งที่ร่างกายสู้ศิษย์ข้าคนนี้ไม่ได้กระมัง ข้าไม่รู้เลยว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่งปานนี้”
จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตลอบตกตะลึง จากนั้นก็ตรวจสอบวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงโดยละเอียด
ภายในห้วงสมุทรแห่งการรับรู้ กายตนจิตเทพของตงป๋อเสวี่ยอิงก็หลับตาลงแล้วตกเข้าสู่ห้วงนิทรา จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตลองปลุกให้ตื่นดู แต่เพียงแค่สัมผัสกายตนจิตเทพของตงป๋อเสวี่ยอิง ก็มีระลอกอันไร้รูปร่างแผ่กำจายออกมาถึงสติรับรู้ของจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิต
“วิ้ง”
จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตรู้สึกว่าจิตเทพสั่นสะท้าน
ไม่ว่าจะเป็นร่างแยกที่กำลังควบคุมค่ายกลสองขั้วฟ้าอยู่หรืออีกสองร่างที่เหลือ ก็ล้วนแต่สูญเสียสติรับรู้ในชั่วขณะนั้นไป
ร่างแปรของจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตถึงกับสลายไปในทันใด…
“นี่ นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะ” จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตส่งร่างแปรลงมาอีกครั้ง เขามองตงป๋อเสวี่ยอิงที่ทอดกายอยู่ตรงนั้นด้วยความตื่นตระหนก “ที่แท้แล้วเสวี่ยอิงถูกกระบวนท่าอันใดเข้ากันแน่ แค่คลื่นที่หลงเหลืออยู่เพียงนิดเดียวกลับทำให้ข้าสูญเสียสติรับรู้ไปชั่วขณะได้เลยหรือนี่ หากข้าถูกระลอกคลื่นนั้นปกคลุมไปตลอด เกรงว่าคงจะตกเข้าสู่ห้วงนิทราไปตลอดเลยกระมัง”
จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตเข้าใจแจ่มแจ้งอย่างยิ่ง แค่คลื่นที่หลงเหลืออยู่ก็มีอานุภาพน่าเกรงกลัวถึงเพียงนี้แล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงถูกกระบวนท่าเข้าเต็มๆ จะต้องน่าหวาดหวั่นมากกว่าอย่างแน่นอน
“ฝ่าบาท” อวี๋จิ้งชิว ตงป๋ออวี้ ตงป๋อชิงเหยาและวิญญาณอาวุธศิลาแดงที่อยู่ด้านข้างต่างพากันมองดูด้วยความวิตก
“ยุ่งยากมากทีเดียว” จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตขมวดคิ้ว หว่างคิ้วถึงกับแฝงแววดุร้ายเอาไว้ “ข้าจะลองดูว่าผู้อื่นพอมีวิธีหรือไม่”
ไม่นานนัก
จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตก็เรียกตัวอีกหลายคนที่เป็นไปได้ว่าอาจจะช่วยเหลือตงป๋อเสวี่ยอิงได้มา ก็คือผู้ปกครองนรกโลกันตร์ ประมุขหยวนชูและผางอี!
ตัวผางอีเองบุกเบิกเคล็ดการบำเพ็ญใหม่ซึ่งไม่เหมือนใครขึ้นมา มีผลสำเร็จทางด้านวิญญาณลึกล้ำยิ่งนัก ประมุขหยวนชูเป็นผู้ปกครองที่เก่าแก่ที่สุด มีกลเม็ดเป็นรองเพียงจักรพรรดิเทพเท่านั้น ส่วน ‘ผู้ปกครองนรกโลกันตร์’ ก็เชี่ยวชาญทางด้านวิญญาณเป็นอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน นรกโลกันตร์เวียนว่ายที่ ‘ผู้บัญชาการใหญ่แห่งนรกโลกันตร์’ ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาสำแดงออกมาก็คือสิ่งที่ผู้ปกครองถ่ายทอดให้
จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิต ผางอี ประมุขหยวนชูและผู้ปกครองนรกโลกันตร์ พวกเขาทั้งสี่น่าจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งทางด้านวิญญาณที่สุดสี่คน
“ตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นอะไรไปน่ะ” ประมุขหยวนชูเข้ามาในห้องแล้วมองไปทางตงป๋อเสวี่ยอิงซึ่งหลับใหลอยู่ตรงนั้นด้วยความตกตะลึง
“อยู่ในโลกวัตถุก็ถูกกระบวนท่าจนตกอยู่ในห้วงนิทราได้ ทีแท้แล้วเขาพบความยุ่งยากอันใดเข้ากันแน่” ผางอีก็ตกใจเช่นกัน
ผู้ปกครองนรกโลกันตร์ถามว่า “เป็นจักรวาลคีรีมารหรือ”
จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตพยักหน้าอย่างร้อนรน “เสวี่ยอิงไปยังจักรวาลคีรีมารและไปที่ ‘บรรพคีรีมาร’ ด้วย เพื่อนำบัญชีหมื่นสรรพสิ่งกลับมาให้ข้า…ความเป็นมาของบรรพคีรีมารนั้นไม่ธรรมดา เพราะเป็นสิ่งที่สิ่งมีชีวิตอันน่าหวาดหวั่นผู้สร้างจักรวาลคีรีมารทิ้งเอาไว้ ตอนนี้เสวี่ยอิงตกอยู่ในห้วงนิทรา หากมิใช่เพราะเทพอากาศทั้งสามลงมือ ก็ต้องเป็นอันตรายที่บรรพชนเทพมารทิ้งเอาไว้ เฮ้อ หากรู้ตั้งแต่เนิ่นๆ ข้าก็ไม่ควรให้เขาไปเสี่ยงอันตรายเลย”
จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตรู้สึกผิดอยู่บ้าง
เขาได้รับประโยชน์อันใหญ่หลวงอย่างบัญชีหมื่นสรรพสิ่งมา แต่ศิษย์กลับต้องตกอยู่ในห้วงนิทรา จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้
“พวกเราลองดูหน่อยดีกว่า” พวกผางอีทั้งสามคนลองตรวจสอบต่อเนื่องกัน เมื่อตรวจดูพวกเขาก็ล้วนตื่นตระหนกกับความแข็งแกร่งของร่างกายตงป๋อเสวี่ยอิง แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นผู้ปกครองในระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ ทั้งยังเชี่ยวชาญทางด้านวิญญาณเป็นอย่างยิ่ง แต่ละคนจึงสามารถตรวจสอบวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงได้ทั้งสิ้น
แต่ทว่า…
พวกเขาแต่ละคนเพิ่งจะตรวจสอบวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิง ก็ถูกระลอกอันไร้รูปร่างแผ่ออกมาใส่ ร่างจริงและร่างแยกล้วนแต่สูญเสียสติรับรู้ไปชั่วขณะ ร่างแปรล้วนสลายหายไป เมื่อรวมร่างแปรขึ้นมาใหม่แล้ว พวกเขาก็ลองดูอีกหลายครั้งอย่างไม่ยอมจำนน ท้ายที่สุดก็ทำได้เพียงยอมรับว่า…พวกเขามิอาจปลุกตงป๋อเสวี่ยอิงให้ตื่นขึ้นได้
“นี่มันเกินกว่าระดับขั้นของพวกเราไปมากโขแล้ว พวกเรามิอาจปลุกเขาให้ตื่นได้” ผู้ปกครองนรกโลกันตร์พูดเสียงเรียบ “ขึ้นอยู่กับโชคของตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วล่ะ”
“แม้แต่คลื่นที่หลงเหลืออยู่เพียงนิดเดียวพวกเราก็มิอาจรับได้ไหว แล้วจะช่วยได้อย่างไรเล่า” ผางอีก็ส่ายหน้า
“ขึ้นอยู่กับโชคของเขาแล้ว” ประมุขหยวนชูกล่าว
จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตเงียบงัน พลางมองดูศิษย์ที่ทอดกายอยู่บนเตียง ท้ายที่สุดก็ถอนหายใจออกมา
มิอาจปลุกให้ตื่นได้
จะเป็นหรือตายก็ยากทำนาย! ภายใต้สถานการณ์ที่ตกอยู่ในห้วงนิทรา ความเป็นความตายก็ต้องปล่อยให้ผู้อื่นควบคุมแล้ว
“อวี๋จิ้งชิว ตงป๋ออวี้ ตงป๋อชิงเหยา ทิ้งร่างของเสวี่ยอิงไว้ที่นี่ อย่าพาออกไปนอกโลกวัตถุเป็นอันขาด หากพวกเจ้ามีเรื่องอันใดก็สามารถเรียกหาข้าได้โดยตรง” จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตพูดประโยคหนึ่งแล้วร่างก็สลายไปทันที ผู้ปกครองอีกสามท่านส่ายศีรษะเล็กน้อยแล้วพากันจากไป
อวี๋จิ้งชิว ตงป๋ออวี้และตงป๋อชิงเหยาซึ่งเดิมทียังพอมีความหวังต่างก็รู้สึกสิ้นหวังขึ้นมา บรรดาผู้ปกครองยังมิอาจช่วยได้ แล้วจะทำอย่างไรดีเล่า
“ท่านแม่” ตงป๋ออวี้และตงป๋อชิงเหยามองไปทางอวี๋จิ้งชิว
อวี๋จิ้งชิวก็หนักใจ แต่นางก็ยังคงเอ่ยว่า “พวกเรารอก่อนเถิด อีกประเดี๋ยวท่านพ่อของพวกเจ้าอาจจะตื่นขึ้นมาเองก็เป็นได้”
“ใช่” สองพี่น้องก็รอคอยเช่นกัน
……
หนึ่งวัน สองวัน สามวัน…พวกอวี๋จิ้งชิวก็รอคอยอยู่
หนึ่งปี สองปี สามปี สิบปี ร้อยปี พันปี หมื่นปี…
ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับตกอยู่ในห้วงนิทราอยู่ตลอด