ตอนที่ 403 ความคืบหน้าในการประชุม / ตอนที่ 404 เริ่มสงสัย

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 403 ความคืบหน้าในการประชุม

 

 

ฉินซื่อหลานไม่ได้รับคำตอบแถมยังต้องอยู่ช่วยงานอีก ก็รู้สึกหดหู่ใจ “ฉันจะไปหาเหยียนเค่อ”

 

 

ความจริงซย่าเสี่ยวมั่วก็แค่ล้อเล่นเท่านั้น ต่อให้ฉินซื่อหลานอยากจะทำความสะอาดบ้านให้เธอจริงๆ เธอก็รู้สึกไม่สบายใจนักหรอก

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเดินเข้าครัวไปรินน้ำมาให้เขา ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เอาเถอะๆ เลิกเก๊กได้แล้ว”

 

 

“น้ำนี่แช่ไว้กี่เดือนแล้ว” ฉินซื่อหลานสงสัย

 

 

“ก็มาจากขวดที่อยู่ในมือฉันนี่แหละ” ซย่าเสี่ยวมั่วยกขวดกระดกขึ้นดื่ม

 

 

“ถ้าอย่างนั้นก็พอกินได้”

 

 

ขณะที่การประชุมครึ่งหลังกำลังจะเริ่มขึ้น เหยียนเค่อก็มาถึงบริษัทพอดี ผู้ช่วยหวังรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากจนลืมว่าต้องรายงานความคืบหน้าให้เขาฟัง

 

 

เมื่อหน้ามีครั้งไหนบ้างเขาที่ไม่โยนขี้ทิ้งไว้ให้ตน แต่คราวนี้กลับรีบบึ่งกลับมาเสียอย่างนั้น แค่เขารีบกลับมาก็น่าซาบซึ้งใจมากแล้ว แต่รอยน้ำไม่เป็นระเบียบบนเสื้อคลุมกันลมนี่มันอะไรกัน

 

 

“เหม่ออะไรครับ” เหยียนเค่อถอดเสื้อคลุมออก เขาเปลี่ยนเสื้อเชิ้ตตัวในไม่ทัน ทำได้เพียงใส่เสื้อสูททับไว้ด้านนอกแทน

 

 

กลับมาแล้วเหรอครับท่าน” สายตาของผู้ช่วยหวังจับจ้องเหยียนเค่อที่กำลังกลัดกระดุมแขนเสื้ออยู่ เสื้อผ้าไม่เพียงแต่ยับยู่ยี่เท่านั้น แต่ยังเป็นรอยน้ำอีกต่างหาก ไปทำอะไรมาล่ะเนี่ย

 

 

“ครับ” เหยียนเค่อพบว่าผู้ช่วยของตนดูแตกต่างไปจากปกติ “มองผมทำไมครับ เอกสารล่ะ”

 

 

“อ๋อครับ” ผู้ช่วยหวังรู้สึกว่าเขาทำอะไรก็ดูเชื่องช้าไปหมด

 

 

เหยียนเค่อคว้ารายงานความคืบหน้าในการประชุมมาจากมือของเขา ขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะเอ่ย “ปกติยังมองไม่พออีกเหรอครับ”

 

 

น้ำเสียงไม่เหมือนกับการล้อเล่นเลยสักนิด ทำเอาผู้ช่วยหวังใจกระตุกวูบ เจ้านายจะ**เขาอย่างจริงจังอีกแล้วเหรอ

 

 

เหยียนเค่อก็แค่ค่อนแขวะเขาเท่านั้น โมโหซย่าเสี่ยวมั่วจนอารมณ์แปรปรวนไปหมด

 

 

“ทำไมถึงล่าช้าแบบนี้” ด้วยความเร็วเท่านี้เหยียนเค่อคิดว่าน่าจะจบภายในการประชุมครึ่งแรกแล้ว แต่กลับล่าช้ามาจนถึงครึ่งหลังเสียอย่างนั้น

 

 

ผู้ช่วยหวังไม่รู้ว่าวันนี้เหยียนเค่อไปทำอะไรมา พอกลับมาแล้วถึงอารมณ์เสียขนาดนี้ “อีกฝ่ายไม่ยอมถอยครับ พวกเราก็เลยต้องสู้กับพวกเขาให้ถึงที่สุด”

 

 

ธุรกิจต่างชาติพวกนี้มักจะจับกำไรเพียงเล็กน้อยนั้นไว้ไม่ปล่อย แค่นี้ยอมถอยให้พวกเขาไม่ได้เลยหรือไงนะ ทำให้เขาต้องมาโดนด่าเลยเนี่ย

 

 

การประชุมครึ่งหลังจะเริ่มภายในอีกสามนาทีข้างหน้า เหยียนเค่อก็ไม่ทำให้ล่าช้าไปมากกว่านี้ เขาคว้าเอกสารที่จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วก่อนจะเดินเข้าห้องประชุมไป โดยมีผู้ช่วยหวังเดินตามไปติดๆ

 

 

ลูกน้องอย่างพวกเขาไม่มีความสามารถอย่างเหยียนเค่อ ความเร็วในการประชุมที่เหยียนเค่อกำหนดไว้นั้นพวกเขาทำไม่ได้ ต่อให้ฝืนทำให้สิ้นสุดลงได้แต่ก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจอยู่ดี

 

 

เมื่อนั่งลงบนโต๊ะประชุมแล้ว สองฝ่ายยังไม่ทันได้พูดคุยกัน ฝ่ายตรงข้ามก็พูดเข้าประเด็นอ่อนไหวขึ้นมาเสียก่อน

 

 

“ถ้าประธานเหยียนยอมรับแผนการของเรา ต่อไปทางเราจะเป็นผู้ช่วยคนสำคัญที่ทำให้ประธาน

 

 

เหยียนต่อสู้กับอุตสาหกรรมครอบครัวของท่านได้ด้วยนะครับ”

 

 

ภาษาจีนตะกุกตะกักทำเอาเหยียนเค่อฟังแล้วรู้สึกรำคาญใจ แล้วยังกล้ามาพูดยั่วโมโหเขาอีก รนหาที่ตายจริงๆ

 

 

“ขอบคุณที่หวังดีนะครับ” เหยียนเค่อตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย

 

 

จะกลั่นแกล้งเขาอีกแล้วเหรอ ผู้ช่วยหวังรู้จักนิสัยของเหยียนเค่อดี ถ้าด่าให้อีกฝ่ายตายไม่ได้ เขาก็จะด่าต่อไปแบบนั้น

 

 

“ถ้าอย่างนั้นประธานเหยียนก็ตกลงแล้วหรือครับ” อีกฝ่ายได้ยินเหยียนเค่อพูดเช่นนี้ บนใบหน้าก็ปรากฏความพึงพอใจทันที

 

 

“ไม่ครับ” เหยียนเค่อตอบทันควัน “ที่จีนมีคำโบราณว่าไว้ ‘หมาจับหนู[1]’ หวังว่าผู้รับผิดชอบของท่านจะหาเวลาว่างไปเรียนรู้สิ่งที่มีประโยชน์หน่อยนะครับ”

 

 

อีกฝ่ายไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเหยียนเค่อ ผู้ช่วยชาวจีนของฝั่งนั้นแอบปาดเหงื่อ ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร

 

 

“ท่านประธานเหยียนหมายความว่าอย่างไรครับ” เขาเองก็รู้สึกว่าไม่ได้มีความหมายในเชิงที่ดีนัก

 

 

“ความหมายก็ตามที่พูดครับ ผมคิดว่าเราควรจะกลับมาพูดคุยเนื้อหาในเอกสารกันดีกว่านะครับ” ถึงแม้ว่าเหยียนเค่อจะพูดเช่นนี้ แต่กลับงับปิดเอกสารในมือ โน้ตบุ๊กที่วางอยู่บนโต๊ะก็ยังไม่ได้เปิดออกเลยตั้งแต่เข้ามา “ราคาต้นทุนของท่านราคาสูงกว่าประเทศจีนของเราถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์ และยังมีภาษีต่างๆ อีก งั้นผมขอถามผู้รับผิดชอบของฝ่ายท่านหน่อยนะครับ ว่าทำไมพวกคุณถึงมั่นใจว่าบริษัทเราจะเลือกพวกคุณ”

 

 

“ข้อสองกำไรที่บริษัทของพวกคุณร้องขอมานั้นสูงกว่าราคาประเมินของตลาด พวกคุณมีจุดเด่นอะไรที่คุ้มค่าพอที่พวกเราต้องจ่ายกำไรให้พวกคุณเพิ่มอีกเกือบพันล้าน”

 

 

“แผนการและความคืบหน้าการพัฒนาของพวกคุณล่าช้ากว่าแผนการของพวกเรามากทีเดียว พวกคุณเอาเวลาพวกนี้ไปทำอะไรอยู่ครับ แล้วกำไรที่ไม่ได้รับกลับมาในช่วงก่อนหน้านี้ใครจะเป็นคนรับผิดชอบครับ”

 

 

คำถามถูกโยนออกมาทีละข้อ ทำเอาผู้รับผิดชอบของอีกฝ่ายถึงกับใบ้กิน พอกำลังจะตอบ

 

 

เหยียนเค่อก็โยนคำถามออกมาอีก อีกฝ่ายฟังแล้วลมแทบจับ

 

 

 

 

——

 

 

[1] หมาจับหนู เป็นสำนวนจีน แปลว่า ยุ่งเรื่องไร้สาระที่ไม่เกี่ยวข้องกับตน (เพราะปกติหน้าที่จับหนูจะเป็นของแมว)

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 404 เริ่มสงสัย

 

 

ราวกับว่าชัยชนะเป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว

 

 

อีกฝ่ายเซ็นสัญญานัดหมายอย่างซึมเซา แม้แต่กำหนดการก็ถูกเลื่อนขึ้นมาอีกไตรมาสหนึ่ง สีหน้าของผู้รับผิดชอบเศร้าสร้อยเป็นอย่างมาก

 

 

หลังจากที่ผู้ช่วยหวังส่งพวกเขากลับไปเรียบร้อยแล้ว ตอนเดินกลับมาก็อดหัวเราะไม่ได้ “วันนี้ท่านประธานทำดีมากเลยครับ”

 

 

เหยียนเค่อถอดเสื้อสูทออก พับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นข้างหนึ่งแล้วนั่งพิงโต๊ะในห้องประชุม เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามอง สายตายังคงจับจ้องเอกสารที่โดนม้วนจนโค้งงอเล็กน้อยในมือ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “วันนี้คุณทำได้ไม่ดีเลยนะ”

 

 

นี่มันอะไรกัน ผู้ช่วยหวังส่งสายตาไปหาเพื่อนร่วมงานที่ยังนั่งอยู่ที่เดิมโดยไม่กล้าส่งเสียง แต่กลับไม่มีใครกล้ามองเขาสักคน

 

 

“ท่านประธาน” ผู้ช่วยหวังฝากความหวังไว้กับคนพวกนี้ไม่ได้แล้ว ท่าทางวันนี้เหมือนว่าเหยียนเค่อจะอารมณ์เสียอีกแล้วเหรอ

 

 

“ประกาศให้พนักงานระดับกลางมาประชุมด้วยครับ” เหยียนเค่อไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ใคร วันนี้

 

 

สวีอันหรานส่งข้อมูลส่วนหนึ่งที่ไปสืบค้นมาได้ เมื่อกี้ตอนที่คุยกับฉินซื่อหลานก็ได้รู้ข้อมูลมาเพิ่มอีก

 

 

พนักงานต่างก็งุนงง ในห้องประชุมมีบุคลากรมากความสามารถนั่งกันอยู่มากมาย ทุกคนล้วนเป็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี ทุกคนล้วนไม่เคยพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับเหยียนเค่อ

 

 

คำขอของเหยียนเค่อนั้นง่ายมาก คือให้พวกเขาเขียนวิกฤติที่ YAN กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้มาห้าข้อ จะเขียนมากกว่าหรือน้อยกว่าก็ได้

 

 

ผู้ช่วยหวังพอคาดเดาได้รางๆ ว่าเจ้านายของพวกเขาน่าจะสืบค้นเจอข้อมูลอะไรบางอย่าง ซึ่งก็ต้องอยู่ในคนกลุ่มนี้โดยไม่ต้องสงสัย

 

 

“เอาล่ะ เขียนชื่อเสร็จแล้วก็ออกไปได้ครับ” เหยียนเค่อยกมือขึ้นมองนาฬิกาบนข้อมือ เป็นเชิงว่าพวกเขาสามารถออกไปจากที่นี่ได้แล้ว

 

 

“นี่มันอะไรกันคะเนี่ย” ชวีไหน่ส่งกระดาษให้เหยียนเค่อแล้วถามพร้อมรอยยิ้มหวาน

 

 

เหยียนเค่อไม่รับ ให้เธอวางลงบนโต๊ะดีๆ “ไม่มีอะไร ทำงานเยอะๆ พูดให้มันน้อยๆ”

 

 

ทั้งๆ ที่เป็นคำพูดเตือนสติเหมือนกับก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ชวีไหน่ฟังแล้วกลับรู้สึกว่ามันเป็นเหมือนคำเตือนเสียมากกว่า หรือว่าการทำงานของเธอในตอนนี้จะไม่เป็นที่น่าพอใจแล้วอย่างนั้นหรือ เมื่อก่อนพูดประโยคนั้นกับเหยียนเค่อแล้วจะรู้สึกสุขใจ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกแย่เพราะคำพูดที่สื่อความนัยไม่ชัดเจน

 

 

เหยียนเค่อ

 

 

เมื่อคนด้านหลังขยับเข้ามาใกล้ ชวีไหน่ถึงจะได้สติ ตอนเดินออกมานั้น เหยียนเค่อที่นั่งอยู่ที่เดิมไม่มองเธอเลยแม้แต่นิดเดียว

 

 

เธอนึกว่าเธอก็เป็นคนพิเศษอยู่พอสมควร แต่ตอนนี้เพิ่งจะรู้ว่านั่นเป็นเพียงเพราะไม่มีใครมาเปรียบก็เท่านั้น

 

 

หลังจากที่ทุกคนออกไปหมดแล้ว ขณะที่ผู้ช่วยหวังหยิบกระดาษของตัวเองออกมาส่ง

 

 

เหยียนเค่อก็เรียกเขาไว้ก่อน “ดูกระดาษพวกนี้ให้หมด แล้วสรุปรายชื่อมาให้ผม”

 

 

“บอสครับ”

 

 

เหยียนเค่อเอามือยันโต๊ะแล้วหยัดตัวขึ้น “ทำไม คิดว่าผมเชื่อมั่นในตัวคุณมากเกินไปเหรอ”

 

 

“เอ่อ” ผู้ช่วยหวังไม่พูดอะไร ถ้าไม่ต้องมีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้น ท่านจะไม่เชื่อมั่นในตัวเขาก็ได้นี่

 

 

เหยียนเค่อตบบ่าอย่างเข้าใจ “สถานการณ์ยังไม่เข้าที่ คุณก็ช่วยเข้าใจหน่อยแล้วกัน ผ่านอุปสรรคครั้งนี้ไปได้ก็จะดีเอง” จากนั้นก็เดินจากไปอย่างผ่าเผย

 

 

ใครจะล่วงรู้ว่าอุปสรรคครั้งนี้จะผ่านพ้นไปเมื่อไร ผู้ช่วยหวังเหม่อมองเขาเดินจากไป อยากจะร้องไห้กับกองกระดาษตรงหน้านี้

 

 

ตอนนี้เจ้านายของพวกเขาเริ่มทดสอบการทรมานชีวิตพวกเขาแล้วเหรอ หรือว่าการทดสอบที่ผ่านมานี้จะยังไม่พอ ผู้ช่วยหวังบิดแยกกระดาษสองใบที่ติดกัน ก่อนจะพินิจดูอย่างละเอียด อย่างไรเสียเขาก็ต้องทำงานเอาเงินเดือนนี่นา

 

 

เมื่อเช้าสวีอันหรานมาหาเหยียนเค่อ สวีอันหรานที่เมื่อวานกลับบ้านช้าได้ลิ้มลองสิ่งที่ผู้ชายแต่งงานแล้วทุกคนต้องได้ลอง นั่นก็คือการนอนในห้องหนังสือ อีกทั้งยังต้องมานั่งพร่ำบ่นกับชายโสดสองคนที่ยังสะลึมสะลือในตอนเช้าอีก เหยียนเค่อที่ไม่เคยมีประสบการณ์ที่ต้องนอนในห้องหนังสือโยนเขาออกมาด้านนอกทันที การพูดคุยในรุ่งเช้าจึงสิ้นสุดลงโดยปริยาย

 

 

สวีอันหรานโดนสวีรั่วชีโวยวายใส่ทั้งคืนก็ยังยืนยันไม่ได้ว่าคำพูดนั้นของเหยียนเค่อเป็นความจริงหรือไม่ เขาคิดว่าจะลองหาอีกทีในตอนเที่ยงที่แดดกำลังแรงได้ที่ว่าจะเจออะไรใหม่ๆ หรือเปล่า