ตอนที่ 495: โต้เถียง

Crazy Leveling System

CLS ตอนที่ 495: โต้เถียง

 

เปลวเพลิงนิรันดร์ใช่ว่าใครก็สามารถดูดกลืนได้ตามใจ ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีพระดับสูงมาก ก็ไม่สามารถที่จะทนได้ มีเพียงแต่คนที่มีเปลวเพลิงที่แข็งแกร่งมากพอ ไม่อย่างนั้น การดูดกลืนเข้าไปจึงเป็นเรื่องยาก ทั้งยังยากที่จะย่อยสลาย

 

ดังนั้น จึงเห็นได้ว่าผู้ฝึกตนที่ทรงพลังอย่างเผ่าฟีนิกซ์ หลังจากดูดกลืนเปลวเพลิงเข้าไป ไม่เพียงแต่จะไม่ทำให้ตัวเองก้าวหน้าขึ้นเท่านั้น มิหนำซ้ำกลับเป็นโทษต่อตัวเองอีกต่างหาก พูดได้ว่า หากดูดกลืนแต่พอดีนั้นไม่เป็นไร แต่หากว่ามากไป นั่นก็คงเป็นการทำร้ายตัวเองแทน

 

ในทันทีที่พวกเขามาถึง ก็ได้มีคนเดินมาต้อนรับในทันที แต่ในขณะที่กำลังจะพูดอะไรนั้น สายตาก็พลันมาตกอยู่ที่ร่างอี้เทียนหยุน พร้อมกับพูดอย่างไม่พอใจว่า “เผ่ามนุษย์นี่?”

 

“ใช่ พอดีมีเรื่องนิดหน่อย จึงได้ให้เขาตามมาด้วย” ผู้อาวุโสลั่วพูดแก้สถานการณ์

 

“ผู้อาวุโสลั่ว ทำแบบนี้หมายความว่าไง ก่อนหน้านี้ก็พาเขาไปวิหาร แล้วคราวนี้ยังพามายังถ้ำฟีนิกซ์อีก?” ผู้อาวุโสเหลยเดินมา พร้อมกับไม่พอใจอย่างมาก ที่พาไปยังวิหารก็เพื่อที่จะรับรางวัล

 

แต่สถานการณ์ของที่นี่ตอนนี้อยู่ในช่วงวิกฤต การพาเขามาที่นี่ด้วย เห็นได้ชัดว่าไม่มีเหตุผล

 

“ผู้อาวุโสเหลย ข้ารู้ว่าเจ้ามีอคติ เจ้าจะมีอคติต่อเผ่ามนุษย์คนอื่นก็ช่างเจ้า แต่ได้โปรดวางอคติที่มีต่อเขาลง! เขาต่างจากเผ่ามนุษย์คนอื่น ที่สำคัญยังเป็นคนพาหลานสาวของข้ากลับมาด้วย!” ผู้อาวุโสลั่วพูดอย่างไม่พอใจ เพราะว่าเขารู้สึกชื่นชมอี้เทียนหยุนจากก้นบึ้งของจิตใจ การที่ผู้อาวุโสเหลยพูดอย่างนี้ จึงทำให้เขาไม่มีความสุข

 

“อคติอย่างงั้นเหรอ? ข้าจะบอกความจริงให้ เผ่ามนุษย์ทุกคนก็เหมือนกันหมด! พูดไปแล้ว บางทีเขาอาจจะใช้หลานสาวของเจ้าเพื่อแทรกซึมเข้ามายังเผ่าฟีนิกซ์ของเราก็ได้!” ผู้อาวุโสเหลยพูดด้วยความคิดเห็นที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังในเผ่ามนุษย์ โดยไม่สนความเป็นจริงแม้แต่น้อย

 

“ผู้อาวุโสเหลย ก็อย่างที่ผู้อาวุโสลั่วพูด ท่านจะไม่ชอบเผ่ามนุษย์คนไหน หรือแม้แต่ไม่ชอบตัวข้าเอง ข้าก็ไม่ว่า แต่การที่ท่านบอกว่าข้าใช้เหยียนเอ๋อเพื่อแทรกซึมเข้ามายังเผ่าฟีนิกซ์ เรื่องนี้ทำให้ข้าไม่พอใจอย่างมาก ท่านคิดว่าข้าใช้เหยียนเอ๋อเพื่อแทรกซึมเข้ามาที่นี่จริงๆ?” น้ำเสียงของอี้เทียนหยุนดิ่งลง จะว่าเผ่ามนุษย์ก็ว่าไป เพราะถึงยังไงเขาก็เข้าใจได้ แต่การที่บอกว่าเขาใช้เด็กเพื่อแทรกซึมเข้ามานี้ มันทำให้เขาไม่พอใจจริงๆ

 

“ทำไม หรือว่าข้าพูดผิดอย่างงั้นเหรอ?” ผู้อาวุโสเหลยยิ้มเยาะ “เผ่ามนุษย์ล้วนแต่เชื่อไม่ได้ ชั่วร้าย ทั้งยังผิดคำสาบาน!”

 

ที่ผู้อาวุโสเหลยพูดนี้ก็เป็นเรื่องจริง มีคนมากมายที่ชอบผิดคำสาบาน จะมีก็แต่เผ่าฟีนิกซ์นี่แหละที่รักษาคำสัญญายิ่งชีพ ตัวอย่างเช่นเรื่องรางวัลที่เขาได้นี่ก็ด้วย หากว่าเป็นขุมอำนาจอื่น ถ้าเกิดว่ามีความขัดแย้งกัน บางทีเขาอาจจะถูกฆ่าก็เป็นได้ อย่าว่าแต่ของรางวัลเลย

 

“พอได้แล้ว!” ผู้อาวุโสลั่วสีหน้าดำคล้ำอย่างน่ากลัว พร้อมกับมองไปยังผู้อาวุโสเหลยแล้วพูดขึ้น “ข้าบอกแล้วว่าเจ้าจะเกลียดชังมนุษย์คนอื่นก็ช่างเจ้า แต่เขาเป็นข้อยกเว้น ข้าขอรับประกันในตัวเขา ว่าเขาไม่เหมือนกับเผ่ามนุษย์คนอื่นอย่างแน่นอน!”

 

“ผู้อาวุโสลั่ว ทำไมเจ้าถึงได้มั่นใจขนาดนั้น?” ผู้อาวุโสเหลยถามอย่างดูถูก

 

“แค่หลานสาวข้าชอบเขา แค่นี้ยังไม่พอหรือไง?” ผู้อาวุโสลั่วพูดอย่างจริงจัง

 

ผู้อาวุโสเหลยตกตะลึง จากนั้นก็เงียบไปสักพัก แล้วพูดขึ้นว่า “ก็ดี ในเมื่อเจ้ารับประกันเขา งั้นก็จงจับตาดูเขาไว้ให้ดี หวังว่าเขาจะไม่ทำผิดอะไรเข้าแล้วกัน!”

 

“พวกเจ้าสองคนหยุดได้แล้ว ตั้งแต่ไหนแต่ไร พวกเจ้ายังทะเลาะกันไม่พออีกเหรอ?” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยพลังส่งออกมาจากข้างใน จากนั้นก็มีผู้เฒ่าคนหนึ่งเดินถือไม้เท้าออกมา พร้อมกับสายตาที่จับจ้องมายังพวกเขาอย่างเย็นชา

 

“ผู้อาวุโสใหญ่…..” พวกเขาพากันคารวะอย่างรีบร้อน

 

“หากมีเวลามาพูดกับข้า ก็รีบไปจัดการเปลวเพลิงนั่นซะสิ!” ผู้อาวุโสใหญ่แค่นเสียงออกมา พร้อมกับกระแทกไม้เท้าในมือจนทำให้พื้นเป็นแตกเป็นหลุม

 

“ครับ!”

 

พวกเขาพากันตาเหลือก แต่ในขณะที่กำลังจะไปจัดการกับเปลวเพลิงนี้ ผู้อาวุโสลั่วก็เหมือนกับมีอะไรจะพูด แต่ผู้อาวุโสใหญ่ก็ถลึงตาใส่เขาซะก่อน “ยังไม่รีบไปอีก!”

 

ผู้อาวุโสลั่วจึงทำได้เพียงรีบไปจัดการกับเปลวเพลิงนี้ พร้อมกับทิ้งอี้เทียนหยุนไว้กับผู้คุ้มกันคนหนึ่ง

 

ในใจอี้เทียนหยุนอยากจะพูดออกไปอย่างมากว่าเขาก็อยากไปด้วย! เปลวเพลิงนิรันดร์เยอะขนาดนี้ พวกเขาต้องดูดกลืนด้วยความเจ็บปวดอย่างมาก แต่หากให้เขาเป็นคนดูดกลืน มันย่อมทำให้เขาเต็มไปด้วยความเพลิดเพลิน!

 

“สหายน้อย ได้ยินว่าเจ้าเป็นคนพาหลานสาวของผู้อาวุโสลั่วกลับมาใช่หรือเปล่า?” ผู้อาวุโสใหญ่ไม่ได้เดินเข้ามา ด้วยอายุที่มากอย่างเขา การเดินเหินจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากลำบาก

 

แม้ว่าโลกภายนอกจะลือกันว่าเผ่าฟีนิกซ์ไม่มีวันตาย แต่ไม่ตายก็ไม่ได้แปลว่าจะมีอายุขัยไร้ขีดจำกัด เพียงแต่หากเทียบกับเผ่าอื่นๆ แล้ว อายุขัยของพวกเขานั้น ยาวนานกว่าแค่นั้นเอง

 

“ขอตอบผู้อาวุโสใหญ่ คนที่พาหลานสาวผู้อาวุโสลั่วมาส่ง เป็นผู้น้อยจริงๆ” อี้เทียนหยุนมองไปยังผู้อาวุโสใหญ่ พร้อมกับสายตาที่เป็นประกาย ผู้อาวุโสใหญ่ผู้นี้มีพลังอยู่ในระดับราชาวิญญาณขั้นสูงสุด แม้ว่าอายุจะมาถึงปลายทาง แต่หากระเบิดพลังออกมาเมื่อไหร่ ย่อมน่าสะพรึงอย่างแน่นอน

 

“ถ้าให้พูดจริงๆ แล้ว การที่เจ้าพาเธอกลับมาส่งนั้น ถือเป็นเรื่องหายากมาก หากไม่ใช่เพราะมีข้อแลกเปลี่ยน ก็ต้องเป็นเพราะมีแผนการเพื่อทำให้พวกเราเชื่อใจ” ผู้อาวุโสใหญ่พูดด้วยรอยยิ้มคลุมเครือ “แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าคงไม่เป็นอย่างนั้น เพราะผู้อาวุโสลั่วบอกว่าเด็กน้อยคนนั้นชอบเจ้า เผ่าฟีนิกซ์ของพวกเราไวต่อสัมผัสมาก เด็กน้อยคนนั้นรู้ว่าเจ้าจริงใจต่อเธอ ดังนั้นจึงได้ติดเจ้า”

 

อี้เทียนหยุนอ้าปากค้าง ไม่แปลกที่เมื่อครู่นี้ ผู้อาวุโสเหลยจะหมดคำพูดไป ที่แท้ก็เป็นเพราะอย่างนี้นี่เอง

 

เขายังห่างไกลจากคำว่าดีต่อเหยียนเอ๋อมาก เขาก็แค่ให้ของกินเธอ และไม่มีจิตมุ่งร้ายต่อเธอก็แค่นั้น เผ่าฟีนิกซ์นั้นไวต่อสัมผัสมาก หากว่าเขามีจิตมุ่งร้ายแม้สักนิด เหยียนเอ๋อจะต้องไม่ติดเขาอย่างแน่นอน

 

อี้เทียนหยุนไม่ได้มีความคิดที่จะดึงเอาแก่นโลหิตอะไรจากเธอ ดังนั้น เหยียนเอ๋อจึงไม่รู้สึกถึงจิตมุ่งร้ายจากเขา

 

“ขอบคุณในความเชื่อใจของผู้อาวุโสใหญ่ ขอถามได้ไหมว่าที่นี่เกิดอะไรขึ้น?” อี้เทียนหยุนสนใจต่อเรื่องนี้

 

“วิญญาณร้ายในถ้ำฟีนิกซ์ไม่สามารถสะกดได้ ดังนั้นจึงก่อให้เกิดเปลวเพลิงพุ่งออกมาไม่หยุด นอกจากว่าจะมีคนลงไปผนึกวิญญาณร้ายที่มีชีวิตอยู่ในนั้นอีกครั้ง ไม่อย่างนั้น เปลวเพลิงนิรันดร์ก็จะสะท้อนออกมาไม่จบ เปลวเพลิงนิรันดร์นี้ กระทั่งพวกเรายังดูดกลืนไว้ไม่ไหว นอกจากว่าราชาของพวกเรา…..” ผู้อาวุโสส่ายหัว แล้วไม่พูดอีก

 

นี่เป็นการมอบข้อมูลให้กับเขาอย่างมาก ทำให้เขาพอจะรู้สถานการณ์คร่าวๆ ว่าเป็นเพราะวิญญาณร้าย! เขาจำได้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงบอกว่ามีแต่พวกเขาเท่านั้นที่ช่วยได้ ความหมายของพวกเขาก็คือ สามารถช่วยสะกดวิญญาณร้ายไว้ได้สินะ

 

“ผู้อาวุโสใหญ่ ไม่ทราบว่าข้าจะช่วยดูดกลืนเปลวเพลิงนิรันดร์ได้หรือไม่? หากให้ว่ากันแล้ว ข้าก็ถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งเหมือนกัน” อี้เทียนหยุนเสนอตัวอย่างกล้าหาญ

 

“เปลวเพลิงนิรันดร์นี้ เป็นเปลวเพลิงอมตะที่ร้ายกาจมาก หากว่าไม่ระวังแม้แต่นิดเดียว อาจจะถูกเปลวเพลิงคร่าชีวิตเอาได้ เจ้าคิดดีแล้วใช่ไหม?” ผู้อาวุโสใหญ่ขมวดคิ้วถามขึ้น

 

“ไม่มีปัญหา เพราะเปลวเพลิงของข้าคือ…..” อี้เทียนหยุนยื่นมือออกไป พร้อมกับจุดเปลวเพลิงนิรันดร์ขึ้น หลังจากผู้อาวุโสใหญ่ได้เห็น ก็พลันชะงักไปในทันที

 

“ไม่น่าเชื่อ เป็นเปลวเพลิงนิรันดร์?” ผู้อาวุโสใหญ่มองด้วยสีหน้าแตกตื่น ผู้ฝึกตนที่สามารถมีเปลวเพลิงนิรันดร์ได้ ต้องเป็นตัวไหนแบบไหนกัน?

 

“ใช่แล้ว ตอนนี้ข้าสามารถช่วยได้แล้วหรือไม่?” อี้เทียนหยุนไม่อยากเห็นเปลวเพลิงนิรันดร์ต้องเสียเปล่า หากไม่แสดงออกไป ผู้อาวุโสใหญ่จะต้องไม่ยอมให้เขาผ่านไปอย่างแน่นอน

 

“ดะ ได้….” ผู้อาวุโสใหญ่ตื่นเต้น พร้อมกับมองไปที่อี้เทียนหยุนด้วยสายตาที่มากไปด้วยความหวัง!

 

หลังจากได้รับอนุญาต อี้เทียนหยุนก็ตาเป็นประกาย ตอนนี้ตัวเขาสามารถดูดกลืนได้อย่างหนำใจแล้ว