สถานการณ์เงียบลงไปพักนึงก่อนที่เฉินเฉินจะเข้าไปใกล้ด้วยความระมัดระวัง
ณ ตอนนี้ เว่ยเหลาซานได้นอนจมกองโคลนไปเรียบร้อยแล้ว หน้าอกของเขายุบลงจากการกระแทกอย่างรุนแรง การสูดลมหายใจของเขานั้นเบาบางกว่าการหายใจออกมาซะอีก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ
แม้ว่าจะเป็นนักฆ่ามืออาชีพ แต่เขากำลังจะตายด้วยเงื้อมมือของหมูตัวนึง นี่มันเป็นจุดจบที่ยอมรับไม่ได้สำหรับชีวิตของเขา มันยอมรับไม่ได้เลยไม่ว่าจะทั้งสถานการณ์หรือไม่ว่าอะไรก็ตาม อย่างน้อยมันก็ไม่ได้สำหรับเขา
จากแผนการที่เขากำหนดเอาไว้ให้ชีวิตของตัวเอง ในซักวันนึง เขาจะไปลอบสังหารพระราชา ทำให้มั่นใจว่าชื่อเสียงของเขาจะเป็นที่จดจำในประวัติศาสตร์ไปตลอดการ หลังจากความสำเร็จนั้น ต่อให้เขาต้องตายในที่เกิดเหตุเลย มันก็ถือเป็นราคาที่คุ้มจ่าย
เพราะหลังจากตอนนั้น อุตสาหกรรมบการลอบสังหารทั้งหมดจะจดจำเขาในฐานะยอดนักฆ่าเว่ยเหลาซาน ฉายา “ราชาน้อยแห่งนรก”
ไม่สิ! ถ้าไปถึงจุดนั้นได้คำว่า “น้อย” คงจะไม่ได้อยู่ในฉายานั้นอีกแล้ว
อย่างไรก็ตาม สำหรับตอนนี้ตัวเขาและความฝันอันยิ่งใหญ่ของเขาคงต้องตายด้วยเงื้อมมือของหมูตัวนึง
“หมู” ไม่ใช่ในฐานะคำคุณศัพท์ แต่ในฐานะคำนาม เขาจะถูกหมูฆ่าจริงๆ!
“ถือเป็นความอับอายของนักฆ่ายิ่งนัก!” เว่ยเหลาซานตัดพ้อในใจ แล้วจากโลกนี้ไปตลอดกาลด้วยความเดือดดาล
…
เฉินเฉิน มองเว่ยเหลาซานที่สิ้นลมกับเหลาเฮย แล้วรู้สึกพูดไม่ออกขึ้นมาอย่างกระทันหัน
ทำไมหมูกลายพันธ์ถึงแข็งแกร่งขนาดนี้ สามารถฆ่าคนได้ด้วยการพุ่งเข้าใส่เฉยๆเนี่ยนะ?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็อดยกนิ้วโป้งให้เหลาเฮยไม่ได้
“ฝืดด! ฝืดด!”
เหลาเฮยส่งเสียงฮึดฮัดในขณะที่เดินกลับไปยังเล้าหมูอย่างสง่างาม มันเหมือนกับผู้ประสบความสำเร็จที่ออกจากฉากไปโดยเก็บซ่อนทั้งชื่อและเกียรติยศเอาไว้
ในตอนนั้นเองแม่ของเฉินเฉิน ฉินโหลว ก็ได้พาหัวหน้าหมู่บ้านกับคนอื่นๆเข้ามาในเหตุการณ์ ทุกคนต่างก็พูดไม่ออกในตอนที่เห็นภาพการตายของเว่ยเหลาซาน
หลังจากความเงียบปกคลุมอยู่พักนึง ชาวบ้านคนนึงก็พูดขึ้นมา “พวกเราควรรายงานเรื่องศพไปให้ทางการรึเปล่า? ถึงยังไงก็มีคนตายเลยนะ”
เฉินชานกับฉินโหลวยังคงลังเล ถึงพวกเขาจะเป็นชาวบ้าน แต่พวกเขาก็ไม่ได้โง่ พวกเขาพอรู้ตัวคนจ้างวานแล้ว
“ไม่จำเป็นต้องรีบบอกทางการหรอกครับ พวกเรารอได้อีกซักพัก” เฉินเฉินพูดขึ้นมาอย่างกระทันหัน
เมื่อเทียบกับพ่อแม่ของเขา เขาไม่ใช่แค่ “ไม่โง่” แต่ยังฉลาดมากด้วย
เขานึกภาพความเป็นไปได้อื่นไม่ออกแล้วนอกจากบ้านหวังที่ว่าจ้างคนมาสังหารครอบครัวของเขา
เหมือนกับที่นักฆ่าคนนี้พูด ทั้งครอบครัวของเขารวมกันยังไม่คุ้มกับเงินสามสิบตำลึงเงินเลย
ผนวกกับที่พวกเขาไม่ได้ออกจากหมู่บ้านเป็นเวลานานแล้ว พวกเขาคงไม่มีโอกาสไปสร้างศัตรูกับใครได้หรอก ดังนั้นถ้ามองในแง่นี้เอง ใครจะเป็นคนส่งนักฆ่ามาได้หล่ะ?
“บ้านหวังคิดจะลบทั้งครอบครัวของเราให้หายไปจากแผ่นดินนี้แค่เพราะท่านพ่อพูดเรื่องอดีตออกมาในตอนนั้นอย่างงั้นหรอ? นี่มันจะชั่วร้ายเกินไปแล้ว”
หลังจากได้ประสบกับความไม่เป็นธรรมของสังคมเป็นครั้งแรก เฉินเฉินก็เริ่มมองโลกนี้ในแง่ร้าย แต่ในความเป็นจริงนั้นมันกำลังสอนอีกบทเรียนให้เขาอยู่
คนไม่ดีในโลกนี้แย่ยิ่งกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้ พวกเขาเป็นมืออาชีพด้านการตอบแทนความช่วยเหลือด้วยการแทงข้างหลังอย่างแท้จริง
“รอไปอีกซักหน่อยแล้วแยกย้ายกันก่อนเถอะ พวกเราค่อยคุยรายละเอียดเพิ่มเติมในวันพรุ่งนี้ ซึ่งสิ่งแรกที่จะทำในวันพรุ่งนี้ก็คือพวกเราจะสืบค้นตัวตนของคนๆนี้ แล้วจากนั้นค่อยรายงานไปที่ทางการ”
หัวหน้าหมู่บ้านผ่านอะไรมาเยอะและเข้าใจเจตนาของเฉินเฉินในทันที
มีแค่ตระกูลที่ทรงอำนาจเท่านั้นถึงจะสามารถใช้นักฆ่าได้ ถ้าพวกเขารายงานเรื่องที่เกิดขึ้นกับทางการตอนนี้เลย ทางการก็อาจจะยึดร่างนี้ไปแล้วกล่าวหาใครซักคนจากหมู่บ้านหินว่าเป็นฆาตกร ซึ่งถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น จะให้อธิบายอะไรไปก็คงจะไม่มีประโยชน์
ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของทุกคน พื้นเพของคนๆนี้จะต้องทำการสืบค้นเอาไว้ล่วงหน้าก่อน
เมื่อได้ฟังคำพูดของหัวหน้าหมู่บ้าน ฝูงชนก็แยกย้ายออกไป ผู้ชายที่มีพละกำลังหลายคนได้แบกศพไปที่ศาลบรรพบุรุษของหมู่บ้าน
เมื่อเห็นทั้งหมดนี่ สีหน้าของเฉินชานกับฉินโหลวก็เต็มไปด้วยความกังวล
ตระกูลหวังตั้งใจจะฆ่าพวกเขาหรอ? แล้วพวกเขายังสามารถรอดมาได้ด้วยเนี่ยนะ?
พวกเขาก็แค่ครอบครัวชาวนาทั่วๆไป ตระกูลเจ้าของที่ดินอย่างหวังนั้นมีวิธีการนับไม่ถ้วนในการจะกำจัดพวกเขา รวมทั้งการลอบสังหารด้วย
ข้างในห้อง ฉินโหลวพูดกับเฉินชานอย่างจริงจัง “พ่อ พวกเราควรคิดเรื่องหนีกันจริงๆจังๆได้แล้วนะ ต่อให้เป็นผู้ลี้ภัยมันก็ยังดีกว่ารอความตายในหมู่บ้านแบบนี้”
เฉินชานหวั่นไหวกับความคิดนี้แล้วพูดขึ้นมาในเวลาไม่นาน “นั่นสินะ พวกเราควรเก็บของคืนนี้แล้วออกไปเช้าวันพรุ่งนี้เลย!”
…
ในระหว่างนั้น เฉินเฉินกำลังให้อาหารเหลาเฮยในเล้าหมู ตอนนี้ เขามีความรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“เหลาเฮย ข้าคิดว่าพ่อกับแม่คงกำลังคุยเรื่องหนีกันอยู่ ถ้าเกิดเป็นแบบนั้นพวกเราจะทำยังไงกับเจ้าดีนะ? พวกเราคงหนีไปพร้อมกับหมูตัวใหญ่ไม่ได้ มันสะดุดตาเกินไป! เจ้าเคยเห็นใครหลบหนีไปพร้อมกับฝูงสัตว์ไหมหล่ะ?”
เหลาเฮยส่งเสียงฮึดฮัดในขณะที่ก้มหัวลงและเคี้ยวอาหารของมันต่อไป อย่างไรก็ตาม เฉินเฉินมองเห็นร่องรอยของความไม่เต็มใจและความเศร้าโศกในดวงตาของมัน
“เจ้าเป็นหมูที่ไม่ธรรมดา ข้าคิดว่าเจ้าอยู่บนเส้นทางสู่การกลายเป็นสัตว์วิญญาณนะ!” เฉินเฉินหัวเราะในขณะที่ลูบหัวของเหลาเฮย
จากนั้นเขาก็เบี่ยงประเด็นสนทนาออกไปจากหัวข้อนั้น สายตาของเขาเคร่งขรึมอย่างมาก
การเป็นคนที่ได้มาใช้ชีวิตที่สองนั้นทำให้จิตใจของเขาไปไกลกว่าวัยรุ่นทั่วไปมาก
“ไม่ต้องห่วง ข้าแค่ล้อเล่นหน่ะ ข้าจะไม่หนีเว้นเสียแต่ว่าจะไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ”
เหลาเฮยยังคงกินต่อไป
ในขณะที่มองเหลาเฮย เฉินเฉินก็เผยรอยยิ้มดีใจออกมาในขณะที่พูดในใจอย่างเงียบๆ
“ระบบ ปลดปล่อยการตรวจหาความเป็นไปได้ที่อยู่ในมณฑลเสฉวนทั้งหมด ข้าแค่ต้องการอะไรซักอย่างที่สามารถทำให้ข้าแข็งแกร่งได้ไวที่สุด”
“รับทราบค่ะ! เริ่มระบบการตรวจหาแล้ว!
“มีเห็ดกลายพันธุ์อยู่ใต้แผ่นจารึกหินที่ประตูหมู่บ้านห่างจากท่านไปหนี่งร้อยเมตร โปรดรับประทานมันเพื่อเพิ่มพลังของท่าน
“มีพืชน้ำสีแดงอยู่ในทุ่งห่างออกไปสามร้อยยี่สิบเมตร โปรดรับประทานมันเพื่อเพิ่มความเร็วการตอบสนองของท่าน
“ในเวลา 12:40 จะมีปลาคาร์ฟว่ายมาที่กลางแม่น้ำในอ่าวเล็กๆที่อยู่ห่างออกไปสามพันเมตร โปรดนำมันมาประกอบอาหารและรับประทานมันเพื่อเพิ่มคุณสมบัติการฝึกตนของท่าน
“ในเวลาตีหนึ่งห้าสิบสองนาที โปรดช่วยหญิงสาวที่อยู่ใต้อาคารซีไซในมณฑลเสฉวนเพื่อที่พ่อของเธอจะได้สอนทักษะวรยุทธให้ท่าน”
…
“ในเวลาตีสาม โปรดกระโดดลงมาจากหน้าผาเฮยเฟิง ทางตอนเหนือของมณฑลเสฉวนโดยเอาหัวดิ่งลงไปเพื่อโอกาสอันยิ่งใหญ่ (ต้องรักษาเวลาอย่างเคร่งครัด)”
ในขณะที่อ่านข้อมูลนับร้อยในสมองของเขา เฉินเฉินก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก หัวใจของเขาเต้นรัว
อย่างไรก็ตาม บางข้อมูลมันก็ดูจะเป็นองค์ประกอบเสริมเกินไปหน่อย มีหลายวิธีที่จะทำให้แข็งแกร่งขึ้นได้ในชั่วข้ามคืน! หรือว่าในโลกนี้จริงๆแล้วมันจะมีโอกาสแบบนั้นอยู่มากมายอย่างงั้นหรอ?
ไม่ว่าจะเป็นการกินหญ้า กลืนหิน มีปฏิสัมพันธ์กับเด็กสาวที่เฉพาะเจาะจง การพลาดพลั้ง หรืออะไรก็ตามแต่
แต่ก็นั่นแหล่ะ ส่วนใหญ่นั้นให้แค่ผลประโยชน์ที่จำกัด ยกตัวอย่างเช่น ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการมีเพศสัมพันธ์นั้นจะช่วยพัฒนาระบบการทำงานของไต
นี่มันการพัฒนาอะไรกัน? หรือว่าระบบกำลังปั่นหัวเขา?
แม้ว่าจะมีข้อมูลที่ไม่ได้ช่วยอะไรอยู่มากมาย แต่เฉินเฉินก็อดสะกิดใจกับข้อมูลสุดท้ายไม่ได้
“กระโดดลงจากหน้าผาเฮยเฟิงในเวลาตีสามเพื่อรับโอกาสอันยิ่งใหญ่!”
แม้แต่ปลาคาร์ฟที่ช่วยพัฒนาคุณสมบัติการฝึกตนยังไม่นับเป็น ‘โอกาสใหญ่’ แล้วโอกาสใหญ่ที่ระบบพูดถึงนี่มันต้องใหญ่ขนาดไหนกันนะ?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นอย่างมาก ความน่าสนก็คือว่าพล็อตที่เคยเห็นในนิยาย ที่ตัวเอกกระโดดลงจากหน้าผาเพื่อไขว่คว้าโอกาสตอนนี้ได้กลายเป็นความจริงแล้ว!
เมื่อคำนวณจากเวลาเขาก็รู้สึกตัวว่าเขาต้องรีบเคลื่อนไหวแล้ว ตอนนี้มันใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว มีเวลาแค่สามชั่วโมงก่อนจะถึงตีสาม แต่ว่าหน้าผาเฮยเฟิงนั้นอยู่ห่างจากหมู่บ้านหิน 15 กิโลเมตร
ถ้าเขาวิ่งค่อนข้างเร็ว เขาน่าจะมีโอกาสไปจับปลาคาร์ฟในระหว่างทางด้วย
โดยไม่มีความลังเลอะไรอีก เฉินเฉินก็วิ่งไปที่บ้านในทันที เขาหยิบหม้อกับพลั่วขึ้นมาแล้วจากนั้นก็วิ่งออกไปข้างนอก
“ลูกเฉิน จะไปไหนหรอ?” แม่ของเขาตะโกนถามด้วยความประหลาดใจ
เฉินเฉินไม่ได้หันกลับมา แต่ว่าเขายกพลั่วขึ้นมาแล้วพูด “ข้าจะไปถอนพืชกับจับปลาครับ!”
“ลูกเฉิน เดี๋ยวก่อน! คือว่ามีเรื่องบางอย่าง..”
“ท่านแม่! ท่านพ่อ! ช่วยรอจนกว่าข้าจะกลับมาด้วยนะครับ! ถ้าตอนรุ่งสางข้าไม่กลับมา ก็ไปโดยไม่ต้องมีข้าได้เลย! ข้าอาจจะได้ขึ้นเป็นผู้ฝึกตนก็ได้!” เฉินเฉินตะโกนในขณะที่วิ่งหายเข้าไปในความมืด