บทที่ 528 เผาจวนราชครู

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 528 เผาจวนราชครู
อ๋องตวนละเว้นมานานเกินไป แม้จะบอกว่าเขายังคงคิดถึงจวินฉูฉู่ แต่ท้ายที่สุดแล้วในใจก็คิดถึงอวิ๋นหลัวฉวน เขาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อีกด้านหนึ่งเขาไม่อยากลืมจวินฉูฉู่ และอีกด้านหนึ่งก็กลัวว่าอวิ๋นหลัวฉวนจะจากไป ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ล้วนต้องครอบครอง

วันนี้ในใจของอ๋องตวนรู้สึกสับสน และเขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก

ทันใดนั้นเขาก็มีความคิดว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนางก็เป็นของเขา

อวิ๋นหลัวฉวนต่อสู้ต่อไปไม่ไหว นาจึงร้องไห้ด้วยความโกรธ

เมื่ออ๋องตวนเห็นนางร้องไห้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไป

จากนั้นทั้งสองคนก็กอดกัน คนหนึ่งร้องไห้เสียใจ และอีกคนหนึ่งก็กอดไว้ไม่ยอมให้จากไป

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว อวิ๋นหลัวฉวนร้องไห้จนเผลอหลับไป

นางไม่ได้พักผ่อนมาสองสามวันแล้ว ตั้งแต่กลับมาครั้งก่อน นางก็อยากจะกลับไปอยู่ที่จวนกั๋วกงอีกสักสองสามวัน แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ไปที่นั่น นางจึงรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก และอยากจะฉวยโอกาสตอนที่อ๋องตวนกำลังพักผ่อนหนีออกไป

แต่นางเหนื่อยมากจนไม่สามารถหนีออกไปได้

ในตอนนี้นางร้องไห้จนเหนื่อยและเผลอหลับไป

อ๋องตวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็หยิบผ้าห่มขึ้นมาห่ม อ๋องตวนก็เหนื่อยแล้ว และทั้งสองก็นอนพักผ่อนด้วยกัน

เมื่อคนรับใช้ที่อยู่ข้างนอกไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ ก็รู้ว่าทั้งสองคนไม่ได้ทะเลาะกันแล้ว ดังนั้นจึงปิดประตูและจากไป

สตรีในเรือนเซี่ยวเฟิงล้วนแต่กล้าหาญ และพยายามที่จะทำให้ทั้งสองคนคืนดีกัน พวกเขาหากุญแจมาคล้องไว้ที่ประตูหน้าห้อง หจากนั้นก็ล็อกประตู

อ๋องตวนเป็นคนที่เฉลียวฉลาด เมื่อได้ยินเสียงล็อกประตู เขาก็ลืมตาขึ้นและเหลือบมองไปที่ประตูห้อง แต่หลังจากที่มองอยู่สักพัก เขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะลุกขึ้นไปดู

ยากที่จะได้นอนกับคนที่อยากนอนด้วย และแน่นอนว่าเขาไม่อยากลุกขึ้น

ฉีเฟยอวิ๋นหายตัวไป หนานกงเย่จึงไปตามหาทั่วเมืองหลวง อ๋องตวนไม่ได้ไปช่วยตามหา และถูกขังให้นอนอยู่ในห้อง

ในตอนเช้าหนานกงเย่กลับมาที่จวนอ๋องเย่ แต่ฉีเฟยอวิ๋นยังไม่กลับมา เขาจึงไม่สามารถหยุดพักได้ และเดินไปเดินมาในห้องโถงด้านหน้าเพื่อรอฟังข่าว

สถานที่ที่คิดว่านางจะไปก็ไปหามาหมดแล้ว แต่ก็ไม่พบ

“ท่านอ๋อง เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเป็นกากเดนของจงชิน?” ทังเหอก็ไม่ได้นอนทั้งคืน เขากังวลว่าการหายตัวไปของพระชายาจะเกี่ยวกับจงชิน แต่ในเวลานี้ยังไม่มีหลักฐานใด ๆ

หนานกงเย่ส่ายหัว:“ยังไม่มีหลักฐาน และในตอนนี้จงชินก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส เพิ่งจะจัดการเรื่องของหลี่ฮ่วนจงไป พวกเขาคงยังไม่กล้ามาในตอนนี้”

“แล้วในตอนนี้ที่ยังหาพระชายาไม่พบ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่พ่ะย่ะค่ะ?” ทังเหอก็เป็นกังวลเช่นกัน

“ข้ากำลังคิดอยู่” หนานกงเย่เป็นกังวลมาก ทังเหอกระตุ้นให้หนานกงเย่ต้องตะโกนออกมา จากนั้นทังเหอก็เงียบ

หนานกงเย่เป็นกังวลใจกว่าใคร ๆ อวิ๋นจิ่นมาที่นี่หลายครั้งแล้ว และทุกครั้งที่มานางก็จะบอกว่าเด็ก ๆ ไม่ยอมกินอะไรเลย หากยังหาพระชายาไม่พบเช่นนี้ต่อไป ลูก ๆ ของเขาก็คงจะตายไปต่อหน้าต่อตา

ทังเหอยืนอยู่ข้าง ๆ และกล่าวด้วยความประหลาดใจว่า:“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ทรงคิดว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะอยู่ที่จวนของท่านราชครูจวิน?”

หนานกงเย่เงยหน้าขึ้น:“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

“ท่านอ๋อง วันนี้ข้าไปถามที่จวนของท่านราชครูจวิน ท่านราชครูจวินป่วย เป็นฮูหยินของคุณชายรองที่ออกมาต้อนรับข้า ตอนที่ข้าถามเรื่องพระชายา ฮูหยินของคุณชายรองบอกว่าไม่เห็นและไม่รู้เรื่องนี้

แต่ตอนที่ข้ากำลังจะจากไป ข้าเห็นคนขับรถม้าคนหนึ่งยืนอยู่ที่ประตูจวนของท่านราชครูจวิน คนขับรถม้าดูแปลก ๆ เมื่อเขาเห็นข้าก็รีบหันหลังไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าเขามีความผิด

ในตอนแรกข้าคิดว่าเป็นเพราะเขาขวางทางที่ข้าจะไป แต่ในตอนนี้ข้าคิดว่าการที่เขาไม่กล้ามองมาที่ข้าย่อมมีสาเหตุ”

ทังเหอยิ่งคิดก็ยิ่งใจไม่ดี

“ไป!ไปที่จวนราชครู”

หนานกงเย่เดินออกไป และทังเหอก็เดินตามไป

จวนราชครูถูกกำลังทหารล้อมไว้อย่างแน่นหนา

หนานกงเย่เข้าไปในจวนราชครู แน่นอนว่าต้องมีคนมาต้อนรับ และคนที่ออกมาคือจวินเจิ้งหนาน

จวินเจิ้งหนานรีบคำนับในทันที:“ผู้น้อยคารวะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระองค์ทรงเสด็จมาถึงที่นี่ มีเรื่องอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“มาหาฆาตกร รบกวนแล้ว!” หนานกงเย่เอามือไพล่หลัง ทังเหอที่อยู่ข้าง ๆ โบกมือ และคนที่อยู่ข้างหลังก็รีบเข้ามา ทำให้จวินเจิ้งหนานตกใจ

“ฆาตกร?พระองค์ทรงเข้าใจผิดหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ จวนราชครูจะมีฆาตกรได้อย่างไร?”

“ลองค้นดูก็รู้ว่ามีหรือไม่มี”

จวินเจิ้งหนานไม่มีทางเลือกอื่น และปล่อยให้คนเข้าไปค้น แต่หลังจากค้นหานานกว่าหนึ่งชั่วยามก็ไม่พบคนขับรถม้าคนนั้น

มีคนขับรถม้าอยู่เพียงไม่กี่คน แต่ไม่พบคนขับรถม้าที่ทังเหอพูดถึง

หนานกงเย่มองไปที่ทังเหอ ทังเหอส่ายหัวเพื่อบอกว่าหาไม่พบ

หนานกงเย่ส่งเสียงฮึอย่างเย็นชาและกล่าวว่า:“ดูเหมือนว่าจะต้องไปพูดคุยกับท่านราชครูว่าจวนอ๋องเย่ทำให้ใครต้องขุ่นเคืองหรือไม่?”

หนานกงเย่เดินตรงไปที่สวนหลังจวนของราชครูจวิน

เมื่อไปถึงทางเข้าสวนหลังจวน เขาก็เดินตรงเข้าไปหาคน ในเวลานี้ราชครูจวินกำลังนอนอยู่บนเตียงในห้อง และเมื่อเห็นว่าประตูเปิดอยู่ หนานกงเย่จึงเดินเข้าไป

ราชครูจวินไอสองสามครั้ง:“ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มาได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”

หนานกงเย่นั่งลงตรงหน้าราชครูจวิน:“แน่นอนว่ามีธุระจึงต้องมา”

“อ้อ?” ราชครูจวินตอบรับ

“พระชายาของข้าหายตัวไปตั้งแต่เมื่อวาน มีคนเห็นว่านางเดินตามท่านราชครูไป และขึ้นไปบนรถม้าของท่านราชครูจวิน ข้าจึงลองมาถามดู ท่านราชครูจวินพาพระชายาของข้าไปไว้ที่ไหน?”

แววตาของราชครูจวินดูเหม่อลอย เขาจ้องมองไปที่หนานกงเย่และไม่พูดอะไร

“ท่านราชครูจวิน การลักพาตัวพระชายานั้นต้องถูกตัดหัว” สายตาของหนานกงเย่ดูเฉียบขาด ราชครูจวินไอและหัวเราะสองครั้ง

“ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ทรงพูดหยอกล้อแล้ว กระหม่อมนอนอยู่ที่นี่ตลอดเวลา จะลักพาตัวพระชายาเย่ไปได้อย่างไร”

“งั้นหรือ?เช่นนั้นก็เป็นข้าที่รบกวนท่านแล้ว ในเมื่อท่านราชครูจวินไม่ได้ลักพาตัวพระชายาของข้าไป เช่นนั้นข้าก็ขอตัวกลับก่อน”

หนานกงเย่ลุกขึ้นและหันหลังเดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับมามอง หลังจากที่เขาออกไปแล้ว ราชครูจวินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก มีคนเดินเข้ามาในห้องและยืนอยู่ข้าง ๆ ราชครูจวิน

ราชครูจวินกล่าวว่า:“จับตาดูไว้ให้ดี เขาเป็นเหมือนแมลงดูดเลือด หากไม่ถลกหนังออก เขาก็จะไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ อย่าให้เขาทำสำเร็จ”

“ขอรับ” หลังจากที่คนที่ยืนอยู่ในห้องตอบรับแล้ว ก็หายตัวไป

หนานกงเย่ออกมาจากจวนราชครูด้วยความโกรธเคือง

“ท่านอ๋อง พระชายาทรงไม่ได้อยู่ในจวนราชครู แต่เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ข้าเคยคนขับรถม้าคนนั้น แต่ตอนนี้กลับไม่พบ มันช่างไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย” ทังเหอยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิด เขาเห็นคนขับรถม้าคนคนนั้น และคนขับรถม้าคนคนนั้นก็หลบหน้าเขา แต่ตอนนี้กลับไม่พบคนผู้นั้น

คนควรจะอยู่ที่นั่น หากมีอะไรก็จะได้ถามให้ชัดเจน แต่ในตอนนี้ไม่พบแม้แต่เงา มันน่าสงสัยมาก?

หนานกงเย่หันกลับไปมองที่จวนราชครู:“ไปหามาสักสองสามคน แล้วเทน้ำมันลงไปรอบ ๆ จวนราชครู หากไม่พบพระชายาก่อนฟ้ามืด ข้าจะจุดไฟเผา แล้วจะดูสิว่าจะมีคนในจวนราชครูสักกี่คนที่กล้าเอาคนของข้าไปแล้วไม่คืน!”

“ท่านอ๋อง รอบ ๆ จวนราชครูจวินมีผู้คนมากมาย จะทรงทำเช่นนี้จริง ๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ และจะเป็นการทำร้ายผู้บริสุทธิ์ น้ำและไฟก่อให้เกิดภัยที่น่ากลัวขึ้นได้นะพ่ะย่ะค่ะ ยิ่งกว่านั้น หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ชื่อเสียงของท่านอ๋องก็จะพังพินาศ!” ทังเหอเป็นกังวล ไฟไหม้ย่อมไร้ความปรานี และยากที่จะอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น

“เคลื่อนย้ายราษฎรที่อยู่รอบ ๆ จวนราชครูจวินไปยังที่ปลอดภัย แล้วควบคุมไฟให้ดี ข้าต้องการไม่ให้มีใครออกมาจากจวนราชครูได้!”

หลังจากที่พูดจบ หนานกงเย่ก็สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินไป ทังเหอรู้สึกกังวลใจมาก ท่านอ๋องทรงไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ปกติแล้วเขาไม่ได้เป็นเช่นนั้น!