ตอนที่ 396 ความวิตกของมู่อวิ๋นชาง / ตอนที่ 397 จิ่วซือผู้หนักแน่น

หวนแค้นชะตารัก

ตอนที่ 396 ความวิตกของมู่อวิ๋นชาง

 

 

ฮูหยินมู่รีบหยิบเสื้อนอกมาคลุมให้ซูจิ่วซือ พอเห็นแผลเป็น นางก็รู้สึกใจสั่น สังหรณ์ใจว่าแม่นางคนนี้คือลูกสาวของนาง

 

 

“แม่หนู เจ้าลำบากมามาก”

 

 

“แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก หลายปีมานี้แม้ข้าไม่ได้อยู่สุขสบายนัก แต่แม่ก็ดูแลข้าดีมาก ฮูหยินคงจะดูผิด ข้าไม่เคยได้ยินแม่พูดถึงเรื่องนี้”

 

 

“หลายปีมานี้ เจ้าไม่ได้อยู่สุขสบายหรือ”

 

 

ซูจิ่วซือพยักหน้า “ข้าอยู่ที่จวนอันผิงโหว หลังจากท่านพ่อเสียชีวิต อารองและครอบครัวก็ยึดครองจวนอันผิงโหว ไล่พวกข้าออกไป พอออกจากจวนอันผิงโหว ชีวิตก็ไม่สุขสบายแล้ว ถูกข่มเหงอยู่เรื่อย

 

 

แม่ข้าเลี้ยงดูพวกข้าด้วยความเหนื่อยยาก ข้าเคยถูกอันธพาลเมืองหลวงบีบให้แต่งงาน ข้าจนปัญญาจึงกระโดดน้ำในทะเลสาบ หลังจากมีคนช่วยขึ้นมาได้ ข้าก็สาบานไว้ว่า ต่อไปจะไม่ยอมให้ใครมาข่มเหงอีก

 

 

ต่อมาข้าเข้าร่วมการแข่งขันขี่ม้ายิงธนู ฝ่าบาททรงมีพระบัญชา ให้ครอบครัวข้ากลับไปอยู่จวนอันผิงโหว…”

 

 

ซูจิ่วซือรู้ว่าฮูหยินมู่อยากรู้จักนาง พอเห็นจี้หยก ฮูหยินมู่คงกลัวจะได้ยินข่าวการตายของลูกสาว จึงยินดีที่จะเชื่อว่านางเป็นลูกสาวที่พลัดหลงไปหลายปี

 

 

ซูจิ่วซือจึงอยากเริ่มต้นที่ฮูหยินมู่ก่อน เล่าเรื่องราวที่ตนประสบให้ฮูหยินฟังตามความจริง ฮูหยินมู่ยืนอยู่ข้างๆ ฟังอย่างตั้งใจ ใบหน้าแสดงความรู้สึกสงสาร นึกไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะลำบากมาไม่น้อย

 

 

“แม่หนู วันหลังเจ้าไม่ลำบากแน่ จะไม่มีใครข่มเหงเจ้าอีก”

 

 

พอได้ยินอย่างนี้ ฮูหยินมู่ยิ่งมั่นใจว่านี่คือลูกสาวของนาง อยากรับซูจิ่วซือมาอยู่ด้วย หลายปีมานี้นางคิดถึงทุกวันคืน ในที่สุดพอเห็นจี้หยกนั้น อายุก็ตรงกัน นางจึงไม่กล้าไปตามหาที่อื่นอีก

 

 

“ข้าเองก็รู้สึกถูกชะตากับฮูหยิน จึงเผลอเล่าเรื่องราวให้ฮูหยินฟัง”

 

 

ซูจิ่วซือทำท่าขัดเขิน พูดตามความจริงแล้ว นางก็ชอบฮูหยินมู่ ช่างสุภาพอ่อนโยนจริงๆ คล้ายกับนางหวัง ซูจิ่วซือจึงยินดีเล่าเรื่องราวให้ฮูหยินมู่ฟัง

 

 

“นี่ไม่ใช่เรื่องเหลวไหล ซูจิ่วซือ ข้ารู้สึกว่าเจ้าเป็นลูกสาวข้า พอเห็นเจ้าข้าก็รู้สึกคุ้นเคย”

 

 

ซูจิ่วซือแสดงสีหน้าสับสน นางสั่นหัว “ข้าเองก็ไม่รู้ จี้หยกนี้ข้าเก็บไว้กับตัวมาตลอด แม่บอกว่าพ่อมอบให้ข้า ข้าจึงรักจี้หยกมาก เก็บไว้กับตัวตลอดเวลา”

 

 

“พ่อเจ้าเป็นคนมอบให้เจ้าจริงๆ เราออกไปคุยข้างนอกเถอะ”

 

 

ฮูหยินมู่รู้ว่ามู่อวิ๋นชางนึกระแวงซูจิ่วซือ ไม่ว่าอย่างไร นางก็จะพูดให้มู่อวิ๋นชางยอมรับซูจิ่วซือ

 

 

ทั้งสองเดินตามกันออกมาจากห้อง มู่อวิ๋นชางและคนอื่นๆ นั่งอยู่ที่ห้องโถงนานกว่าชั่วยามแล้ว พอเห็นฮูหยินมู่เดินยิ้มออกมา มู่อวิ๋นชางก็เข้าใจแล้ว ทั้งสองเข้าไปตั้งนาน คงพูดคุยกันตลอด ฮูหยินมู่เป็นคนชอบพูดคุยอยู่แล้ว

 

 

เขานึกไม่ถึงว่าฮูหยินมู่จะชอบซูจิ่วซือปานนี้ เขาไม่เห็นรอยยิ้มดีใจและพอใจบนใบหน้าของฮูหยินมู่มาหลายปีแล้ว

 

 

หลังจากลูกสาวพลัดหลงไป ฮูหยินมู่ก็แทบไม่ยิ้ม แต่ละวันเศร้าโศก กลัดกลุ้มใจตลอดเวลา สุขภาพจึงไม่แข็งแรง กินยามาตลอด แต่ก็ไม่ดีขึ้น

 

 

โรคทางใจไม่มียาใดรักษาได้

 

 

มู่อวิ๋นชางเห็นที่ตาแต่ร้อนที่ใจ แต่ก็จนปัญญา

 

 

เวลานี้พอเห็นฮูหยินมู่ดีใจอย่างนี้ เขาจึงรู้สึกทันที ไม่ว่าซูจิ่วซือจะเป็นลูกสาวที่แท้จริงหรือไม่ไม่สำคัญ ขอแต่ได้พบเด็กคนนี้ ฮูหยินของเขาจึงจะมีความสุขอย่างแท้จริง มู่หยางก็ไม่ต้องโทษตัวเองอีก

 

 

ถ้านางเป็นผู้หญิงธรรมดา มู่อวิ๋นชางคงยอมรับอย่างยินดี ตระกูลมู่มีกิจการใหญ่โต อย่าว่าแต่แม่นางคนเดียวเลย ร้อยคนก็เลี้ยงดูได้

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 397 จิ่วซือผู้หนักแน่น

 

 

แต่ซูจิ่วซือมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฟู่เฉินหรง หากยอมรับนาง วันหลังตระกูลมู่จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็พูดยาก อันตรายเกินไป เขาไม่อยากเอาตระกูลมู่ไปเสี่ยง

 

 

แม้สถานการณ์จะพลิกผันได้ตลอดเวลา ตระกูลมู่ไม่อาจอยู่ตามลำพัง แต่ถ้าเป็นฝ่ายเลือกเข้าร่วมสภาพก็จะต่างออกไป ความโหดเ**้ยมของซิ่นอ๋อง มู่อวิ๋นชางรู้ดี

 

 

ซิ่นอ๋องเคยดึงเขามาเป็นพวก แต่เขาปฏิเสธอย่างสุภาพ ซิ่นอ๋องรู้ว่าตระกูลมู่ไม่ออกหน้า จึงไม่บังคับ ถ้าเขาเลือกข้างฟู่เฉินหรงอย่างเปิดเผย ก็หมายถึงว่าเขาเป็นศัตรูกับซิ่นอ๋อง

 

 

นี่เป็นการเลือกที่เสี่ยงมาก เขาไม่อาจตัดสินใจได้

 

 

“ท่านแม่ เป็นอย่างไรบ้าง”

 

 

มู่หยางตึงเครียดมาก เขามีความหวังว่าซูจิ่วซือจะเป็นน้องสาวที่แท้จริงของเขา สืบหามาหลายปี เรื่องนี้เป็นปมในใจของเขา ถ้ายังไม่เจอน้องสาว ชาตินี้เขาคงไม่สามารถให้อภัยตัวเอง

 

 

ฮูหยินมู่เพียงแต่ยิ้ม “กลับไปค่อยคุยกัน”

 

 

มู่หยางไม่ค่อยได้เห็นฮูหยินมู่ยิ้มอย่างสบายใจ ในใจจึงรู้ทันที มีแต่มู่อวิ๋นชางที่ยังรู้สึกสับสน

 

 

ทั้งสามลุกขึ้นบอกลา ซูจิ่วซือกับกู้หลียวนไปส่งที่หน้าประตู และมองตามหลังจนลับตา

 

 

กู้หลียวนยืนอยู่ข้างซูจิ่วซือ ถามขึ้น “เป็นไง มั่นใจไหม”

 

 

ซูจิ่วซือพยักหน้าอย่างหนักแน่น

 

 

กู้หลียวนกลับไม่รู้สึกสบายใจนัก เขาพูดต่อ “ข้าสังเกตดูใต้เท้ามู่ เขาไม่ค่อยใส่ใจกับการพบเจ้า ไม่พูดไม่จาเลย มีแต่มู่หยางที่คอยถามข้าเกี่ยวกับเจ้า”

 

 

ซูจิ่วซือยิ้ม “หลียวน เจ้าสังเกตเห็นอะไรอย่างหนึ่งไหม”

 

 

“อะไรหรือ”

 

 

“ใต้เท้ามู่กับฮูหยินมู่รักใคร่กันดี พอฮูหยินมู่ออกมาจากห้อง สายตาของใต้เท้ามู่ก็หันมามองฮูหยินมู่ทันที เขารักฮูหยินมาก ข้าจึงมั่นใจเพราะฮูหยินมู่อยากรับข้า หากนางยอมรับ ข้าคิดว่านางสามารถพูดให้ใต้เท้ามู่ยอมรับได้ พวกเรารอฟังข่าวดีก็แล้วกัน”

 

 

กู้หลียวนครุ่นคิด และรู้สึกว่าซูจิ่วซือพูดมีเหตุผล จากนี้ไปพวกเขาก็มีแต่รอฟังข่าวดี

 

 

“เรื่องนี้ผ่านพ้นไประยะหนึ่งแล้ว วันมะรืนข้าจะเปิดกิจการร้านเหล้า จิ่วซือ เจ้ามาช่วยงานร้านเหล้าของข้าก่อน มีคนรับใช้แค่สองคน ข้ากลัวว่าจะทำไม่ทัน”

 

 

ซูจิ่วซือรับปาก “ได้ ข้าจะช่วยเจ้า”

 

 

“เจ้ายังดี ไม่เหมือนเจ้าเด็กปิงปิงนั่น”

 

 

“นางก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง แต่งานก็ยังทำไม่น้อย เจ้าไม่รู้สึกหรือว่ามู่หยางชอบเผยปิงปิง”

 

 

เรื่องนี้ กู้หลียวนดูออกแน่ วันนี้มู่หยางยังถามเขาว่าเผยปิงปิงไปไหน เขานึกดีใจ โชคดีที่เผยปิงปิงไม่อยู่

 

 

แต่เขาไม่อยากยอมรับเรื่องนี้ ยังคงปากแข็ง “ก็ดีแล้ว ข้าจะได้ไม่รำคาญ”

 

 

“หลียวน โลกนี้ไม่มียาแก้โรคเสียดาย เจ้าคิดให้ดีแล้วค่อยพูด ถ้าเกิดปิงปิงหวั่นไหวกับมู่หยางจริงๆ เจ้าอย่ามาคร่ำครวญให้ข้าฟัง ร้องไห้ไม่มีประโยชน์ ข้าขอพูดในแง่ร้ายไว้ก่อน”

 

 

ซูจิ่วซือเตือนกู้หลียวน

 

 

“ข้าเป็นพี่เจ้า พูดกับพี่อย่างนี้ได้หรือ”

 

 

ซูจิ่วซือไม่ใส่ใจคำพูดของกู้หลียวน ลูกแม่ ข้าเป็นแม่ของเจ้านะ

 

 

 

 

จวนซิ่นอ๋อง

 

 

ฟู่จิ่งนั่งที่เก้าอี้ห้องหนังสือ เบื้องหน้าเขามีหญิงสาวสองคนยืนอยู่ คนหนึ่งใส่เสื้อสีน้ำเงิน อีกคนหนึ่งใส่เสื้อสีเหลือง หญิงสาวเสื้อสีน้ำเงินเกล้าผมมวย หน้าตาสะสวย ค่อนข้างอวบ นางคือจูอวี้ซิ่วลูกสะใภ้คนโตของฟู่จิ่ง นางเป็นคนสุภาพ มีความสามารถ พระชายาซิ่นอ๋องสุขภาพไม่ค่อยดี การงานส่วนใหญ่ในจวนอ๋องจึงมอบหมายให้จูอวี้ซิ่วจัดการ

 

 

สะใภ้คนนี้ ฟู่จิ่งกับพระชายาพอใจมาก จัดการงานในจวนได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย