ตอนที่ 1,635 : ความเร็วของต้วนหลิงเทียน
“ถึงแม้ข้าจักมิรู้ว่าเจ้าไปสรรหาวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดมาได้อย่างไร แต่ทันทีที่เจ้าตายทุกสิ่งทุกอย่างของเจ้าย่อมตกเป็นของข้า! รวมทั้งวรยุทธ์เซียนนั่นด้วย!!”
หลินตงกล่าวออกด้วยเสียงเยียบเย็น
ในวาจาคล้ายมันบอกว่าสามารถฆ่าต้วนหลิงเทียนได้แน่ๆ
“วาจาคำโตใครที่ไหนก็พูดได้ เอาเป็นว่าเจ้าทำลายการป้องกันของข้าให้ได้ก่อนค่อยพูดเถอะ…”
ต้วนหลิงเทียนที่ยังไม่คลายระฆังศรคลุมกาย กล่าวออกจากม่านพลังที่เกิดจากดอกศรนับร้อยพันด้วยน้ำเสียงสงบ สองตามองหลินตงอย่างเฉยเมย
“ข้าจำต้องยอมรับว่าพลังป้องกันกระบวนท่านี้ของเจ้าสูงส่งยิ่ง…แต่หากเจ้ามีพลังแค่นี้ เช่นนั้นวันนี้เจ้าต้องตาย!”
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนคล้ายจะดูแคลนไม่แยแส หลินตงถึงกับอดไม่ได้ที่จะหัวร้อนขึ้นมา!
และทันทีที่เสียงกล่าวออกพร้อมหัวเราะเยาะดังจบคำ มันก็จ่ายส่งปราณแท้เปิดใช้การทำงานของอาคมเซียนบนกรงเล็บทันที! เป็นอาคมเซียนระดับ 3 ดาว 2 อาคม และอาคมเซียนระดับ 4 ดาว 2 อาคม!!
ทันใดนั้น ขณะที่ร่างของมันยังพุ่งเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนไม่หยุด มันก็เปล่งพลังกรงเล็บออกมาอีกครา
ทว่ารังสีพลังคมกล้าลักษณ์กรงเล็บที่ผุดโผล่ออกมานับร้อยพันรอบนี้ กลับเปล่งกลิ่นอายพลังน่ากลัวกว่าก่อนหน้า!
ยามรังสีพลังไร้สภาพลักษณ์กรงเล็บนับร้อยพันสายโถมออกมา แผ่นฟ้าอากาศคล้ายจะถูกฉีกขาด! นอกจากนั้นห่าพลังยังเปล่งกลิ่นอายอันทรงพลังน่ากลัวออกมาถึง 4 กลิ่นอาย!!
2 เข้มแข็ง อีก 2 ด้อยลงมา
“นั่นเป็นพลังอำนาจของอาคมเซียน!”
ตอนนี้เองหลายคนพลันร้องโพล่งออกมาเมื่อเห็นว่ารังสีพลังกรงเล็บไร้สภาพชุดนี้ เปล่งกลิ่นอายพลังที่น่ากลัวกว่าชุดแรกหลายขุม!
“อาคมเซียน 3 ดาว 2 อาคม…แถมยังมีอาคมเซียนระดับ 4ดาวอีก 2 อาคม!!”
ทางด้านตระกูลซือถู ป๋ายลี่หงที่ชมดูเรื่องราวอดไม่ได้ที่จะตกใจ “สมแล้วที่เป็นคนจากคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน ศาสตราเซียนของมันกลับจารึกอาคมเซียนเอาไว้ถึง 4 อาคม แถม 2 ในนั้นยังเป็นอาคมเซียนระดับ 4 ดาว!”
ในฐานะที่เป็นปรมาจารย์เซียนจารึกระดับ 3 ดาว ป๋ายลี่หงเป็นธรรมดาที่จะแยกแยะกลิ่นอายพลังของอาคมเซียนทั้ง 4 ได้ออก และสองในนั้นคืออาคมเซียนระดับ 4 ดาวไม่ผิดแน่!
โดยทั่วไปแล้ว ปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 4 ดาว สามารถจารึกอาคมเซียนลงบนศาสตราเซียนได้ถึง 4 อาคม
และมีเพียงปรมาจารย์เซียนจารึกระดับ 4 ดาวที่ชำนาญการเท่านั้น ถึงจะสามารถจารึก 2 ในนั้นให้เป็นอาคมเซียนระดับ 4 ดาว!
เรียกว่าปรมาจารย์เซียนจารึกระดับ 3 ดาวนั้นอยู่คนละโลกกับปรมาจารย์เซียนจารึกระดับ 4 ดาวเลยก็ว่าได้!
ตอนนี้สีหน้าป๋ายลี่หงอดไม่ได้ที่จะเคร่งขรึม
ถึงแม้ว่าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนจะร้ายกาจ กระทั่งย้อนไปในวันนั้นต้วนหลิงเทียนยังถึงขั้นลงมือสังหาร เฉียนคงซึ่งเป็นตัวตนในขอบเขตเซียนอดีตอาวุโสสูงสุดของสำนักจันทร์จรัสแสงได้ในกระบี่เดียว!
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นมันหรือกระทั่งพวกซื่อหม่าฉางฟงและคนอื่นๆ ก็รู้ดีว่าทั้งหมดนั่นเป็นเพราะกระบี่ในมือต้วนหลิงเทียน!
กระบี่เล่มนั้นสามารถทำให้ต้วนหลิงเทียนที่มีพลังฝึกปรือสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ ฆ่าตัวตนในขอบเขตเซียนได้ง่ายดาย!
และเกรงว่ากระทั่งเป็น 10 ยอดศาสตราเซียนในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ก็ไม่ได้มีพลังอำนาจสูงส่งขนาดนี้!
เหตุผลที่ตอนนี้แม้มันจะกังวลใจแต่ก็ยังคงนิ่งเฉยเพราะมั่นใจในพลังฝีมือ รวมถึงมั่นใจในไพ่ตายของต้วนหลิงเทียน อันเป็นกระบี่วิเศษเล่มนั้น!
เป็นเพราะ ‘ใจกังวลหูตาฝ้ามัว’ จึงทำให้พวกมันตื่นตระหนกและหวาดกลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะสู้หลินตงอันเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภาไม่ได้! แต่พอพวกมันคิดถึงกระบี่วิเศษแสนลึกลับในมือต้วนหลิงเทียน พวกมันก็รู้ดีว่าหลินตงไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป…!
“ข้าหวังว่าศิษย์น้องจะมิใช้กระบี่เล่มนั้น…”
อย่างไรก็ตามป๋ายลี่หงไม่อยากให้ต้วนหลิงเทียนใช้กระบี่เล่มนั้นออกมาจริงๆ
เพราะเมื่อพลังอำนาจของกระบี่ถูกเปิดเผยออกมา น่ากลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะตกเป็นเป้ากลุ้มรุมจากยอดฝีมือทุกผู้คนในแดนดิน อย่าว่าแต่ในประเทศฝูเฟิงแห่งนี้ ขี้คร้านเสาหลักของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนจะรีบแจ้นมาด้วยซ้ำ!
เพราะกระบี่นั่นทรงพลังอำนาจมากเกินไป!
ไม่ได้เป็นการกล่าวเกินเลยไปแม้แต่น้อย หากจะบอกว่ากระบี่เล่มนั้น ทรงพลังยิ่งกว่า 10 ยอดศาสตราเซียนในตำนานของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!
แน่นอนว่าแม้ป๋ายลี่หงจะคิดเช่นนั้น แต่มันก็รู้ดีว่ามันทำได้แค่คิดเท่านั้น
พลังอำนาจของอาคมเซียนระดับ 4 ดาวถึง 2 อาคมไม่ใช้อะไรที่ล้อเล่นด้วยได้! คงยากที่ต้วนหลิงเทียนจะป้องกันการโจมตีกระบวนนี้ของหลินตง แม้วรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดของต้วนหลิงเทียนจะมีพลังป้องกันสูงส่งขนาดนั้นก็ตาม!
“อาคมเซียนระดับ 4 ดาว กลับถูกจารึกไว้ถึง 2 อาคม…ดูเหมือนหลินตงผู้นี้จะสำคัญกับตระกูลหลินไม่น้อย”
อ๋องหรงชักสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที
ต้องทราบด้วยว่าตระกูลราชวงศ์ของมันที่มีอำนาจปกครองทั้งประเทศฝูเฟิง แต่อาวุธเซียนที่จารึกอาคมเซียนระดับ 4 ดาวเอาไว้ก็หาได้ยากเย็นนัก มันเองก็ไม่มีไว้ในครอบครองสักเล่ม!
และถึงแม้ตระกูลราชวงศ์ของประเทศฝูเฟิงจะมีปรมาจารย์เซียนจารึกระดับ 4 ดาว แต่ก็เป็นปรมาจารย์เซียนจารึกที่พึ่งบรรลุมาได้ไม่กี่ปีเท่านั้น เช่นนั้นจึงยังไม่มีความสามารถสูงพอจะจารึกอาคมเซียนระดับ 4 ดาวถึง 2 อาคมลงศาสตราเซียน จึงกล่าวได้ว่าศาสตราในมือหลินตงเป็นดั่งสมบัติล้ำค่าของประเทศฝูเฟิง!
สมบัติที่ล้ำค่าถึงขนาดนี้กระทั่งอ๋องหรง องค์ชายรองแห่งราชวงศ์ยังไม่มีใช้สักเล่ม!
“ตอนแรกข้าคิดว่าเมื่อต้วนหลิงเทียนมีวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดที่ทรงพลังป้องกันขนาดนี้ หลินตงคงยากที่จะทำอะไรเขาได้สืบไป…แต่ตอนนี้ต่อหน้าอาคมเซียนพวกนั้น น่ากลัวม่านพลังของต้วนหลิงเทียนคงไม่ต่างใดจากกระดาษ!”
“นั่นน่ะสิ เพราะนั่นมันคือพลังของอาคมเซียนระดับ 4 ดาว 2 อาคม!”
“อาคมเซียนระดับ 4 ดาวแค่อาคมเดียว ก็มากพอจะสั่นคลอนการป้องกันของต้วนหลิงเทียนแล้ว…แต่นี่กลับใช้ออกมาพร้อมกันถึง 2! กระทั่งเมื่อรวมกับอาคมเซียนระดับ 3 ดาวอีก 2 อาคมนั่น น่ากลัวว่าหลินตงคงโจมตีฝ่าม่านพลังป้องกันต้วนหลิงเทียนได้ง่ายดาย!”
“ข้าไม่คิดเลยว่าการประลองเป็นตายพึ่งเริ่มได้ไม่ทันไร ก็กำลังจะจบลงเสียแล้ว…”
……
เหล่ายอดฝีมือในขอบเขตเซียนมากมายต่างกล่าวกันออกมาอย่างเผ็ดร้อน พวกมันสัมผัสได้ไม่ยากว่าม่านพลังป้องกันของต้วนหลิงเทียน ไม่อาจต้านทานได้แน่ และคงต้องถูกทำลายลงทันที
และเมื่อการป้องกันของต้วนหลิงเทียนถูกทำลาย ในสายตาของพวกมันต้วนหลิงเทียนก็คงต้องตายสถานเดียว!
“น่าเสียดายนัก ที่เจ้าไม่ได้ตายด้วยมือข้า!”
อี้เฟิงกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเล็ดรอดไรฟัน
“ตายไปเสีย! ต้วนหลิงเทียน! เจ้าต้องชดใช้กรรมที่ทำกับข้า!!”
ลูกตาซือถูหมิงเผยความดุร้าย กล่าวออกด้วยน้ำเสียงอาฆาตแค้น
“น้องสาม ในที่สุดหลินตงก็กำลังจะล้างแค้นให้เจ้าแล้ว…”
ใบหน้าเยี่ยมู่ไป๋ก็เผยความกระหยิ่มยิ้มย่องออกมา
ขณะเดียวกันความโลภก็ยิ่งพุ่งยิงออกมาจากดวงตาอ๋องเฉียน ราวกับมันเห็นภาพตราผนึกมารอยู่ในมือแล้วก็ไม่ปาน
แม้จากวาจาก่อนหน้าที่หลินตงกล่าว จะเผยให้เห็นว่าหลินตงเองก็สนใจวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดไม่น้อย แต่มันไม่สนใจสักนิดหากจะต้องมอบวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดให้หลินตง…สำหรับมันแล้วอาหารจานหลักวันนี้คือตราผนึกมาร!!
ต่อหน้าตราผนึกมารวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดไม่นับเป็นอะไร!
อย่างน้อยๆ ก็ไม่คู่ควรยกมาเปรียบเทียบ!
ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!
……
ภายใต้สายตาของทุกผู้คน ในที่สุดรังสีพลังลักษณ์กรงเล็บมีสภาพที่แฝงเร้นไปด้วยกลิ่นอายพลังอาคม 4 ขุม ก็ปะทะเข้ากับม่านพลังของต้วนหลิงเทียนที่เป็นดั่งระฆังศรอันเขื่อง!
และรังสีพลังกรงเล็บนั่น ก็ไม่ทำให้เกิดแรงปะทะหรือมีพลังสะท้อนกำจายออกมาอีกแต่อย่างใด…
เพราะพวกมันเจาะทะลวงม่านพลังของระฆังศรคลุมกายต้วนหลิงเทียนไปได้อย่างง่ายดาย! ปานเหล็กแหลมเสียบแทงใบไม้แห้งกรอบ!!
เป็นดั่งที่ใครหลายๆคนคาดเอาไว้ ระฆังศรคลุมกายของต้วนหลิงเทียน ถูกรังสีพลังของหลินตงทำลายลงได้ง่ายดาย! ห่าพลังคมกล้านับพันถล่มลงระฆังศรใบเขื่องอย่างมืดฟ้ามัวดิน!!
ได้เห็นฉากนี้กระทั่งป๋ายลี่หง และคนอื่นๆที่มั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียน ยังอดไม่ได้ที่จะเสียวสันหลัง
เพราะฉากเบื้องหน้ามันน่ากลัวเกินไป!
กระทั่งปายลี่หงและคนอื่นๆ เองก็จำต้องเพ่งมองไปยังระฆังศรที่กำลังจะถูกทำลายสลายหายไปอย่างใจจดใจจ่อ!
แม้พวกมันรู้ดีว่าหากต้วนหลิงเทียนชักกระบี่วิเศษเล่มนั้นออกมา ต่อให้เป็นเซียนก็ต้องตายตก…แต่นั่นต้องหมายความว่าต้วนหลิงเทียนมีโอกาสชักกระบี่ออกมาใช้เสียก่อน!!
ตอนนี้เรื่องราวมันปุบปับฉับไว ทั้งหมดไม่รู้ต้วนหลิงเทียนจะลงมือทันหรือไม่
“จบสิ้นแล้ว…น่าเสียดายยิ่ง”
มีน้อยคนนักที่เชื่อว่าต้วนหลิงเทียนจะรอดพ้นจากสถานการณ์นี้ได้
“ท่านปรมาจารย์ต้วน!!”
ลูกตาของซือถูหังแดงก่ำ ร่างสั่นสะท้านไปอย่างรุนแรง แม้มันต้องการทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยเหลือต้วนหลิงเทียน แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้เลย ทำได้แต่เฝ้ามองเท่านั้น!
นั่นคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของมัน!
หากเลือกได้ ให้มันตายแทนมันก็ยอม!
ซือถูฮ่าวและซือถูโฮ่วที่อยู่ข้างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะหลับตาลงและระบายลมหายใจออกมาอย่างสะทกสะท้อน ปากยังสั่นริกๆ
ถึงแม้พวกมันจะยังไม่เข้าใจว่าไฉนต้วนหลิงเทียนต้องยอมรับคำท้าประลองเป็นตายนี้ด้วย…เพราะในสายตาของพวกมัน การที่ต้วนหลิงเทียนรับคำท้า…ก็เสมือนพาตัวไปอยู่ในสถานการณ์ 9 ตาย 1 รอด! อีกทั้งต้วนหลิงเทียนสามารถหลีกเลี่ยงได้แท้ๆ แต่กลับเลือกที่จะไม่หลีกเลี่ยง…
คนของจวนอ๋องเฉียนหัวเราะร่าออกมาอย่างสะใจ
คนของอ๋องหรงได้แต่ส่ายหน้าไปมา
อย่างไรก็ตามเนื่องจากต้วนหลิงเทียนไม่ใช่แขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูอีกต่อไป จึงนับว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจวนอ๋องหรง ดังนั้นพวกมันจึงชมดูการประลองเป็นตายด้วยความบันเทิงใจ ไม่คิดเสียดายอะไรทั้งสิ้น
“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้เห็นว่าสนิทสนมกับแม่นางเฟิ่งแห่งนิกายอัคคีล่องลอย…บางทีข้าอาจใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ได้ ในเมื่อหลินตงมันฆ่าต้วนหลิงเทียนไปแล้ว ตราบใดที่สามารถยุยงแม่นางเฟิ่งให้ไปรบเร้าสื่ออวิ๋น…ซัดทอดความผิดทั้งหมดให้ไปตกที่อ๋องเฉียน…แม้นางจะไม่ไปหาความจากคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน แต่จวนอ๋องเฉียนไม่น่าจะรอดพ้นแน่!”
พออ๋องหรงครุ่นคิดถึงเรื่องนี้มันก็เผยยิ้มแสยะออกมา มันหาวิธีใช้ความตายของต้วนหลิงเทียนสร้างความลำบากให้อ๋องเฉียนได้แล้ว
“หืม?”
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวการประลองพลันเปลี่ยนไปในฉับพลันอีกครั้ง ทำให้สีหน้ายิ้มเย้ยของอ๋องหรงจำต้องชะงักลงทันที
ในขณะที่ทุกสายตาของผู้คนกำลังจับจ้องไปยังระฆังศรคลุมกายอันเขื่องที่คลุมครอบร่างต้วนหลิงเทียนเอาไว้ พอเห็นระฆังศรนั่นถูกทะลวงทำลายเป็นชิ้นๆ ทั้งหมดก็คิดว่าต้วนหลิงเทียนที่อยู่ด้านในสมควรตกตายแล้วแน่แท้
อย่างไรก็ตามความเปลี่ยนแปลงที่บังเกิดขึ้น ทำให้สองตาของพวกมันต้องเบิกโพลง!
ร่างสีม่วงในระฆังศรนั้นถูกห่ารังสีพลังกรงเล็บป่นทำลายจริงๆ…
อย่างไรก็ตามนั่นเป็นแค่ภาพติดตา…ไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนจริงๆ!!
“อยู่นั่น! ต้วนหลิงเทียนไปอยู่นั่นแล้ว! คะ…ความเร็วนั่นมันอะไรกัน!?”
ในบรรดาผู้ที่เฝ้าชมเรื่องราว ย่อมมีขอบเขตเซียนไม่น้อย และคราวนี้อยู่ๆพวกมันก็ร้องโพล่งออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ
ทันใดนั้นทุกสายตาของผู้คน ก็หันมองไปยังฟ้าว่างทิศทางหนึ่ง!
ที่แห่งนั้นกลับปรากฏร่างชายหนุ่มในชุดสีม่วง ยืนอยู่อย่างสง่างามน่าเกรงขามบนกระบี่พลังมีสภาพเล่มหนึ่ง!
แถมไอพลังคมกล้าจากตัวกระบี่ดังกล่าว ยังแผ่กระจายออกมาวูบวาบไม่หยุดดั่งประกายไฟ เพียงแค่มองก็รู้สึกเสียดแทงลูกนัยน์ตานัก!
“เฮ่! นี่มันเกิดอันใดขึ้นกัน! เขตแดนหมื่นกระบี่ของต้วนหลิงเทียนหายไปแล้ว!?”
ทันใดนั้นก็มีคนค้นพบเรื่องนี้
“มะ…หมื่นกระบี่รวมหนึ่ง! กระบี่ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา เกิดจากหมื่นกระบี่ในเขตแดนหลอมรวมสู่หนึ่ง! เป็นเขาเหินกระบี่ที่ก่อเกิดจากเขตแดนเล่มนั้นหลบหนีออกมา!!”
ขอบเขตเซียนทั้งหลายที่แลเห็นเรื่องราวกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม