ตอนที่ 651 รายนามอันน่าตะลึง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 651 รายนามอันน่าตะลึง โดย ProjectZyphon

คำถามของหลินสวินทำเอาหลินไหวถังแข็งทื่อไปทั้งร่าง สีหน้าผิดแปลกหาใดเปรียบ

เขาก่อนหน้านี้ยังยุยงให้หลินไหวหย่วนยึดอำนาจของภูเขาชำระจิต ตวาดเสี่ยวเคอ ด่าว่าพญาแร้งเป็นคนพิการที่ถูกทำลายปราณ ยิ่งไม่เห็นหลินจงในสายตา เห็นได้ว่าไม่เกรงกลัวสิ่งใด คิดใช้อำนาจบาตรใหญ่

แต่ตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับนัยน์ตาเย็นชานั่นของหลินสวิน เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงพลังกดดันอันน่าหวาดกลัวที่ถาโถมเข้าใส่

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

ในใจเขามีสัญญาณอันตรายหนึ่ง

แต่ทว่าเรื่องราวพัฒนาไปในทางที่ผิดจากที่หลินสวินคาดอีกครั้ง ไม่รอให้หลินไหวถังเอ่ยปาก ก็มีคนโกรธจนลุกขึ้นตวาดลั่น “หลินสวิน เจ้าผู้น้อยคนหนึ่งมาพูดจาเช่นนี้กับท่านอาท่านลุงรึ ยังมีกฎเกณฑ์ตระกูลอยู่หรือไม่”

เมื่อมีคนนำหน้า ก็พาให้พวกเบื้องบนของตระกูลหลินแห่งแสงอุดรคนอื่นใจกล้าขึ้นทันควัน เปิดปากพูดกันเซ็งแซ่

“ใช่แล้ว ตามลำดับอาวุโสนั่นคือท่านลุงเจ้า ตัวเองเป็นผู้น้อย เจ้าตำหนิเช่นนี้เห็นชัดว่าเป็นการไม่ให้ความเคารพ”

“หึ! แม้แต่ตอนที่บิดาเจ้ามีชีวิตอยู่ยังไม่กล้าพูดจาเช่นนี้กับพวกเรา หลินสวิน เจ้าน่ะทำเกินไปแล้ว!”

“นี่มันใช้ได้ที่ไหน ทันทีที่เจ้ากลับมาก็ไม่ไต่ถามผิดถูก ยกตนข่มท่าน ชักสีหน้าใส่ผู้อาวุโสทั้งหมด ยังมีกฎมีเกณฑ์อยู่หรือไม่”

เห็นดังนี้หลินไหวถังที่เดิมใกล้จะพังทลายแอบเป่าปากโล่งอกทันที มุมปากปรากฏรัศมีกระหยิ่มยิ้มย่องวูบหนึ่ง

ต่อให้เจ้าหลินสวินจะกำเริบเสิบสานแค่ไหน ท้ายที่สุดก็แค่เด็กรุ่นหลังตระกูลหลินเท่านั้น แม้เจ้าจะครอบครองภูเขาชำระจิต เป็นผู้สืบทอดตระกูลโดยชอบธรรม แต่เจ้าจะกล้าไม่สนกฎเกณฑ์ตระกูล เผ็นผู้น้อยละเมิดผู้ใหญ่ได้เชียวรึ

ไร้เดียงสา!

ถูกทุกคนต่อว่า หลินสวินสีหน้าไม่เปลี่ยน แต่นัยน์ตาดำขลับเยียบเย็นยิ่งกว่าเดิม มุมปากเขาปรากฏแววเย้ยหยันวูบหนึ่ง “อ้างกฎเกณฑ์? นำลำดับอาวุโสมาบีบข้า? ดูเหมือนก่อนหน้านี้ข้าคงผ่อนปรนพวกเจ้าเกินไป ทำให้พวกเจ้าไม่เห็นข้าหลินสวินอยู่ในสายตาตั้งแต่ต้นจนจบสินะ”

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

หลินไหวถังเวลานี้ก็มีความกล้าเพิ่มขึ้นมาก ตวาดเสียงกร้าว “หรือเจ้าคิดว่าที่ผู้อาวุโสเหล่านี้พูดมันผิดงั้นรึ”

“ดูท่า พวกเจ้ายังไม่เห็นว่าตนเองผิด”

หลินสวินพลันถอนหายใจ สีหน้าปรากฏแววหน่ายใจวูบหนึ่ง

ภายใต้สายตาจับจ้องอย่างไม่เข้าใจ เขาโบกมืออย่างเงียบๆ

ฟึ่บ!

ก็เห็นรุ้งเทพแดงเข้มสายหนึ่งพุ่งทะยานจากนอกโถงมาถึง แปลงเป็นอินทรีแดงที่ราวกับเกิดจากการอาบไล้เพลิงศักดิ์สิทธิ์ตัวหนึ่ง

ปีกของมันปล่อยละอองแสงเปลวไฟ ดูเหมือนสูงแค่สองฉื่อแต่กลับมีพลังอำนาจผงาดผยองน่าหวาดกลัว ชั่วขณะเดียวอุณหภูมิในโถงใหญ่พลันปะทุขึ้นประหนึ่งอยู่ในเตาหลอม

เป็นราชันอินทรีแดงนี่เอง

ทันใดนั้นทุกคนอึ้งงัน คาดคะเนไม่ออกอยู่บ้างว่าหลินสวินต้องการทำอะไร

“เจ้า… นี่ต้องการจะทำอะไร”

หลินไหวถังเดือดดาล “หรือเจ้าคิดจะลงมือที่นี่งั้นรึ ช่างเนรคุณจริงๆ!”

แต่หลินไหวหย่วนเหมือนตระหนักถึงอะไรบางอย่าง ในใจกลับตระหนกวูบหนึ่งอย่างไม่อาจควบคุม เขาหน้าพลันเปลี่ยนสี กล่าวเสียงหลง “ไม่นะ…”

แต่สายไปแล้ว!

พรึ่บ!

ก็เห็นราชันอินทรีแดงยิงแสงอัคคีน่าหวาดกลัวออกจากนัยน์ตา ปีกดั่งปลายดาบสยายแหวกอากาศแผ่วเบา เปลวเพลิงหนึ่งพลันปรากฏโหมออกไป

ดุดันดุจคมศาสตรา เผาผลาญห้วงอากาศ!

“นี่…”

ทุกคนต่างตื่นตะลึง หลินสวินถึงกับกล้าทำเช่นนี้จริงๆ!

ฟิ้ว!

เร็วเกินไปแล้ว ต่อให้ความสามารถของหลินไหวถังจะแข็งแกร่งพอควร จัดอยู่ในกลุ่มบุคคลสำคัญเบื้องบนของตระกูลหลินแห่งแสงอุดร แต่ที่เขาเผชิญหน้าด้วยคือการโจมตีของราชันอินทรีแดง อสูรมารบำเพ็ญที่อยู่ปลายยอดระดับหยั่งสัจจะ

ซ้ำยังเป็นการจู่โจมฉับพลัน ชั่วขณะเขาก็ถูกเปลวเพลิงนั่นกวาดซัด ทั่วสรรพางค์ลุกโหมมอดไหม้

“เจ้ากล้าทำจริงๆ…” หลินไหวถังตาถลน สีหน้ายากจะเชื่อและหวาดกลัวพูดไม่ออกถึงขีดสุด

ตูม!

เพลิงอัคคีปกคลุม เกิดพลังเผาผลาญน่าพรั่นพรึง แค่ชั่วพริบตาทั้งตัวหลินไหวถังก็กลายเป็นเถ้าถ่านไม่เหลือซาก

กระทั่งตายไปแล้วเขายังไม่อาจเชื่อว่าหลินสวินจะลงมือเช่นนี้!

ไม่สนกฎเกณฑ์และมูลเหตุอะไร ไม่สนใจสายตาของผู้อาวุโสทุกคนตรงนั้น ทำอะไรตามใจ เห็นต่างคนละทางก็ลงมือฆ่าสังหาร เห็นชัดว่าทำเอาผู้คนคาดไม่ถึงยิ่งนัก

หลินไหวถังตายแล้ว!

โถงใหญ่เงียบสงัดราวป่าช้า ไร้ซึ่งสรรพเสียง

น้องชายแท้ๆ ของหลินไหวหย่วนคนนี้ บุคคลสำคัญเบื้องบนซึ่งมีอำนาจยิ่งใหญ่คนหนึ่ง ถูกหลินสวินสังหารทั้งอย่างนี้!

กล่าวถึงลำดับอาวุโสและความเกี่ยวพันทางสายเลือด หลินไหวถังคือลุงของหลินสวิน แต่กลับสิ้นชีพลงเช่นนี้!

อีกทั้งไม่ได้ตายด้วยน้ำมือหลินสวิน แต่ดับชีวาภายใต้การโจมตีของสัตว์สงครามตัวหนึ่งข้างกายหลินสวิน วิธีการตายเช่นนี้เป็นการลบหลู่และดูถูกอย่างหยาบคายที่สุดโดยมิต้องสงสัย

ไม่ยอมรับหรือ

เช่นนั้นก็ฆ่าทิ้งซะ!

อะไรผิดอะไรถูกข้ารู้อยู่แก่ใจ สนรึว่าเจ้าเป็นใคร อีกทั้งไยต้องสนใจด้วยว่าเจ้าเป็นใคร

มีผิดไม่รับ มีโทษไม่ไถ่ เช่นนั้นก็สังหารซะให้จบ

นี่ก็คือทัศนคติของหลินสวิน!

“เรื่องราวทำไม… ทำไมจึงพัฒนาถึงขั้นนี้ได้…”

หลินไหวหย่วนนั่งอยู่บนเก้าอี้ สีหน้าเหม่อลอย หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความปวดร้าวและหดหู่ ราวกับชั่วขณะเดียวก็แก่ชราลงหลายปี

หลินไหวถังคือน้องชายแท้ๆ ของเขา แต่กลับถูกสังหารเช่นนี้… นี่… เป็นความผิดใครกันแน่

บุคคลสำคัญคนอื่นๆ ของตระกูลหลินแห่งแสงอุดรล้วนหน้าเขียวคล้ำ ในใจสั่นสะท้านตื่นตระหนก การตายของหลินไหวถังเคาะสัญญาณเตือนแก่พวกเขา ทำให้พวกเขาต่างหวาดกลัวและโกรธแค้น ตระหนักรู้ว่าเด็กหนุ่มเบื้องหน้านี้ไม่อาจใช้เหตุผลทั่วไปมาประเมินได้โดยสิ้นเชิง

เขาไม่สนใจว่าอะไรคือคุณธรรมต่อตระกูล ในสายตาเขาก็ไม่มีการแบ่งลำดับอาวุโสใดอย่างสิ้นเชิง แม้แต่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดล้วนถูกเขามองข้าม!

เผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มที่ไร้ซึ่งข้อห้ามปฏิบัติ ทั้งอำมหิตและแข็งแกร่งเช่นนี้ ใครยังจะกล้าพูดเพ้อเจ้ออีก

เวลานี้แม้แต่หลินจงยังไม่คาดคิด ดวงตาเบิกโพลง นอกจากตกตะลึงแล้วจิตใจยังสับสนอย่างเลี่ยงไม่ได้ นายน้อยท่าน… จากนี้ไปเกรงว่าต้องแบกรับชื่อเสียว่า ‘สังหารเครือญาติ’ แล้ว

แต่หากนายน้อยไม่ทำเช่นนี้ จะสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์คับขันตรงหน้าได้อย่างไร

‘อาการสาหัสก็ต้องใช้ยาแรง ไม่ฆ่าไม่อาจคงอำนาจ ตั้งแต่โบราณจวบจนปัจจุบัน ไม่ว่าสงครามแก่งแย่งบัลลังก์ของแว่นแคว้นหนึ่ง หรือการช่วงชิงความเป็นใหญ่ในตระกูล ล้วนมิอาจหลีกเลี่ยงความขัดแย้งอันนำมาซึ่งการหลั่งเลือด เหตุการณ์ที่บิดาบุตรฆ่าฟันกันเอง พี่น้องแตกหักกันเห็นบ่อยจนชินตา หากครานี้หลินสวินถอยอีก อดทนอดกลั้นต่อไป ไม่ช้าก็เร็วต้องเกิดเหตุการณ์คล้ายคลึงกันอีกครั้ง’

พญาแร้งสื่อจิต ปลอมประโลมความรู้สึกของหลินจง ‘นี่ก็คือความโหดร้ายแห่งศึกชิงอำนาจ ไม่อยู่จุดนั้นก็ไม่อาจเข้าใจได้ว่า การครอบครองตำแหน่งนี้อย่างมั่นคงเป็นเรื่องที่ยากเย็นเพียงใด’

ราชันอินทรีแดงเก็บปีก เกาะอยู่บนไหล่หลินสวิน เชิดหน้ามองไปโดยรอบ นัยน์ตาดุจสายฟ้าเพลิง คล้ายกำลังเสาะหาเป้าหมายจู่โจมสังหารต่อไป ทำคนมากมายต่างไม่กล้าสบตามัน

“ข้าเคยให้โอกาสเขาแล้ว แต่น่าเสียดายที่ตัวเขากลับไม่เห็นคุณค่า”

หลินสวินสีหน้านิ่งสงบ สายตากลับมองไปยังพญาแร้ง “พญาแร้ง ท่านคิดว่าที่แห่งนี้มีผู้ทรยศกี่คนกันแน่ ทั้งมีใครบ้างที่ช่วงนี้คิดไม่ซื่อ หมายมาดวางแผนที่ไม่ควรคิด”

ทุกคนในที่นั้นประหวั่นพรั่นพรึง พลันหน้าเปลี่ยนสี สังหารหลินไหวถังแล้วยังไม่พอ นี่เขาคิดทำการกวาดล้างอย่างหมดจดหรือนี่!

“ผู้นำตระกูล!”

หลินไหวหย่วนลุกยืนขึ้นอย่างเจ็บปวด ในใจหลั่งเลือด “เรื่องในวันนี้ทุกอย่างล้วนผิดที่ข้า หวังว่าท่านจะใจกว้าง อย่าได้สืบสาวราวเรื่องต่ออีกเลย!”

เขาไม่อาจสงบใจได้อีก หากสะสางบัญชี เช่นนั้นตระกูลหลินแห่งแสงอุดรของเขาจะต้องประสบกับการโจมตีที่ไม่เคยมีมาก่อน ถึงขั้นหลั่งโลหิตไม่หยุดหย่อน นี่คือสิ่งที่เขาไม่อาจทนเห็นได้อย่างสิ้นเชิง

หลินสวินกลับใบหน้าไร้ความรู้สึก “ภัยแฝงไม่กำจัดใจข้ายากสงบ หวังว่าท่านลุงเองอย่าทำให้ข้าลำบากใจ”

บางทีความผิดในวันนี้ หลินไหวหย่วนอาจไม่ใช่ตัวการหลัก แต่หลินสวินกลับไม่อาจทนให้สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว!

หากไม่จับแกะดำพวกนั้นออกมาให้หมด มอบบทลงโทษอย่างสาสม หลังจากนี้เมื่อเขาหลินสวินมุ่งหน้าไปฝึกปราณยังดินแดนรกร้างโบราณ บนภูเขาชำระจิตจะต้องเกิดเหตุการณ์เช่นวันนี้อีกเป็นแน่

“นี่คือรายนามฉบับหนึ่ง”

เวลานี้พญาแร้งก้าวมาเบื้องหน้า นำม้วนตำราทอหยกม้วนหนึ่งมอบแก่หลินสวิน

ทุกคนตรงนั้นในใจหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ เดิมทีพวกเขาเห็นพญาแร้งเป็นเฒ่าพิการไม่มีประโยชน์สักอย่าง ใครเล่าจะคิดว่าเจ้าหมอนี่กลับแอบอยู่ในเงามืด ค้นหารวบรวมข่าวกรองนานัปการเพื่อรอลงมือในเวลานี้

ไม่ต้องมองพวกเขาก็รู้ ในม้วนตำราทอหยกนั่นต้องบันทึกสถานการณ์และข้อมูลทั้งหมดของตระกูลหลินแห่งแสงอุดรในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เป็นแน่!

หลินสวินกลับนิ่งสงบยิ่ง พญาแร้งแม้ถูกทำลายปราณ แต่กลับสติปัญญาดุจห้วงสมุทร กลวิธีเป็นเลิศ หากไม่เป็นเช่นนั้นหลินสวินคงไม่มอบอำนาจบนภูเขาชำระจิตให้พญาแร้งควบคุมดูแล

เห็นชัดว่าพญาแร้งไม่ทำให้เขาผิดหวัง รายนามฉบับนี้คือเครื่องพิสูจน์อย่างดีเยี่ยม

หลินสวินเปิดม้วนตำราทอหยกนี้ออก แต่ไม่นานสีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นอึมครึมขึ้นมา ถึงขนาดที่ว่ากลางนัยน์ตาดำปรากฏไอสังหารที่ไม่อาจปกปิดแม้แต่น้อย

รายชื่อที่เรียงอยู่บนม้วนตำรานี้น่าตกตะลึงนัก! ไล่เรียงตามการเคลื่อนไหวที่คิดไม่ซื่อของบุคคลสำคัญส่วนหนึ่งในตระกูลหลินแห่งแสงอุดร ในช่วงเวลาที่หลินสวินหายไปโดยละเอียด

มีทั้งคนคบคิดศัตรูภายนอก!

มีทั้งคนลอบสร้างพันธมิตร วางแผนร่วมกันหมายชิงอำนาจปกครองภูเขาชำระจิต!

ถึงขั้นยังมีคนบางส่วนที่ดูเหมือนไม่กระทำการ ไม่มีการเคลื่อนไหวนอกลู่นอกทางอะไร แต่พวกเขากลับเลือกนิ่งดูดาย ไม่แยแสทุกการกระทำของพวกที่สมคบศัตรูภายนอกพวกนั้น!

บรรยากาศในโถงเงียบสงัดยิ่งกว่าเดิม

บุคคลสำคัญส่วนหนึ่งตรงนั้นราวกับนั่งอยู่บนพรมเข็ม ในใจหวาดกลัวถึงขีดสุด มีคนเหงื่อแตกพลั่ก มีคนดวงตาไร้แวว และมีคนสีหน้าหดหู่ ลักษณะท่าทางนานัปการ ล้วนสะท้อนถึงความลุกลนภายในใจพวกเขาออกมา

“พวกเจ้า… ช่างสามารถจริงๆ!”

หลินสวินเก็บรายชื่อฉบับนี้ นัยน์ตาดำกวาดมองทุกคนที่อยู่ตรงนั้น ทั่วร่างแผ่ไอสังหารเยียบเย็นไร้รูปราวกระแสวารีโถมทะลึกออกมา

สิบกว่าปีก่อนตระกูลหลินเกิดเหตุการณ์นองเลือด คนตระกูลหลักเกือบทั้งหมดถูกฆ่าสังหาร

เวลานั้นในตระกูลสายรองทั้งสี่ก็เกิดเหตุการณ์ต่ำช้าที่สมคบศัตรูภายนอก แบ่งสรรปันส่วนทรัพย์สินตระกูลหลินเช่นเดียวกัน

เพียงแต่หลินสวินคิดไม่ถึงเลยว่า จวบจนวันนี้เรื่องราวเช่นนี้เกือบจะเปิดฉากขึ้นอีกครั้ง!

ดังเช่นหลินไหวถัง เจ้าหมอนี่สมควรถูกสับเป็นหมื่นชิ้นพันชิ้น เขาแอบติดต่อสามตระกูลรองอย่างธารประจิม คานเมฆา ยอดวายุ ขณะเดียวกันก็ปลุกระดมร่วมมือกับคนสำคัญส่วนหนึ่งของตระกูลหลินแห่งแสงอุดร ลอบโหมกระพือจุดชนวน วางแผนบีบให้หลินจงสละบัลลังก์ ยึดอำนาจภูเขาชำระจิต!

นี่คือแผน ‘นอกในตีประสาน’ เมื่อชิงอำนาจปกครองภูเขาชำระจิต หลินไหวถังกับสามตระกูลรองที่เหลือก็จะครอบครองภูเขาชำระจิตร่วมกัน กระโจนขึ้นมาเป็นผู้นำคนใหม่แห่งตระกูลหลิน!

หลินสวินไม่กล้าคิด หากตนกลับมาช้ากว่านี้เล็กน้อย ผลที่ตามมาคงสุดจะทานทน ถึงเวลานั้นภูเขาชำระจิตทั้งหมดล้วนเปลี่ยนผู้ปกครอง ต่อให้หลินสวินคิดช่วยก็สายเกินไปแล้ว!

ไอสังหารในใจหลินสวินซัดสาดถาโถม แทบเกิดเค้าลางควบคุมไม่อยู่ แต่หลังจากเห็นรายชื่อฉบับนี้ แรงโจมตีที่เกิดขึ้นกับเขามันยิ่งใหญ่นัก

…………………….