ตอนที่ 483 – การมาถึงของกองทัพ
เจี้ยนเฉินและแม่ทัพทั้งสามของกองทัพเทพดาบตะวันออกออกจากตำหนักสวรรค์ฉินทันที แม่ทัพทั้งสามแยกทางกับเจี้ยนเฉินเพื่อที่เจี้ยนเฉินจะได้ไปร่ำลาฉินจี๋ที่ตำหนักดอกเมฆในขณะที่แม่ทัพจะไปรวมกำลังพล
เมื่อมาถึงตำหนักดอกเมฆ องครักษ์ที่อยู่ข้างนอกก็แสดงความเคารพแก่เจี้ยนเฉินโดยไม่ปิดบังความชื่นชมที่พวกเขามีให้เจี้ยนเฉิน
ขณะที่เจี้ยนเฉินเดินผ่านทหารหลายคน หนึ่งในนั้นก็ร้องออกมาทันที “ท่านผู้พิทักษ์จักรพรรพิมาถึงแล้ว!” นี่เป็นสิ่งที่ฉินจี๋ได้ยิน ด้วยตัวตนที่ยอดเยี่ยมของเจี้ยนเฉิน สถานะของเขาแตกต่างจากเดิมที่เคยเป็นมาก่อน สำหรับองครักษ์ สถานะของการเป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดินั้นมีสถานะสูงกว่าสถานะของฉินจี๋ หากฉินจี๋ไม่ได้ออกมาต้อนรับผู้พิทักษ์จักรพรรดิด้วยตนเอง มันจะเป็นเรื่องไร้มารยาท
แน่นอนว่าพอได้ยินเสียงองครักษ์ ฉินจี๋ก็รีบออกมาจากห้องในตำหนักของเขา แม้ว่าเขาและเจี้ยนเฉินจะสนิทกันมาก แต่สถานะของเจี้ยนเฉินนั้นสูงมากจนฉินจี๋ไม่กล้าหยาบคายกับเขา
“ฮ่าฮ่า เจี้ยนเฉิน ลมอะไรที่พัดให้เจ้ามาเยี่ยมข้าในวันนี้ ? หากเจ้าต้องการบางอย่าง ส่งข้อความมาก็พอ” ฉินจี๋หัวเราะ เมื่อเห็นว่าเจี้ยนเฉินมาพบด้วยตนเอง ทำให้เขารู้สึกภาคภูมิใจและดีใจ
“ตอนนี้ข้ามาบอกลา” เจี้ยนเฉินยิ้มจาง ๆ ขณะที่เขาพูด
“จะจากไปในเร็ว ๆ นี้หรือ ? ทำไมไม่อยู่ต่อซักพัก” ฉินจี๋ค่อนข้างลังเลที่เห็นเจี้ยนเฉินจะออกเดินทางในเร็ว ๆ นี้
เจี้ยนเฉินมองหน้าเขาเชิงขอโทษ “ข้ามีเรื่องต้องทำที่บ้าน ดังนั้นข้าต้องจากไปแล้ว ข้ากลัวว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นที่บ้าน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของฉินจี๋ก็นิ่งเงียบ คิ้วของเขาขมวดแน่นด้วยความกังวล จากนั้นราวกับว่าเขาได้ตัดสินใจแล้ว ฉินจี๋ก็มองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยดวงตาที่สดใส “เจี้ยนเฉิน อนุญาตให้ข้าไปกับเจ้า”
“อะไรนะ! ” เจี้ยนเฉินมองดูเขาด้วยความประหลาดใจ” เจ้าต้องการไปที่อาณาจักรเกอซุนกับข้าหรือ ? “
ฉินจี๋ยิ้มและพูดอย่างสบาย ๆ ” ข้าจะไป เจ้าไม่ต้องการให้ข้าไปหรือ ? เจ้ามาที่บ้านเกิดของข้าได้ แล้วข้าไม่สามารถไปบ้านเกิดของเจ้าหรือ ? “
เจี้ยนเฉินยิ้มแล้ววางมือบนไหล่ของฉินจี๋ ” ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าจะปฏิเสธได้อย่างไร ? เจ้าได้ต้อนรับข้าเข้าสู่บ้านของเจ้า ข้าไม่สงสัยเลย ครอบครัวของข้าต้องยินดีมากที่ได้ต้อนรับเจ้า”
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว ข้าเป็นห่วงว่าครอบครัวของเจ้าจะไม่ต้อนรับข้า ไปบ้านเจ้ากันเถอะ ข้าไม่มีอะไรจะนำติดตัวไป ทุกอย่างอยู่ในแหวนมิติของข้าแล้ว” ด้วยเหตุนี้ฉินจี๋จึงออกจากพระราชวังไปพร้อมกับเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินและฉินจี๋ทั้งคู่เดินออกจากพระราชวังและมุ่งหน้าสู่ประตูมิติ จากที่ไกลออกไป ทั้งคู่จะเห็นกองกำลังทหารสวมเสื้อคลุมสีเงินเรียงรายอยู่ด้านหน้าของพระราชวัง แต่ละคนยืนอยู่ในแถวโดยไม่มีทหารแม้คนเดียวแตกแถวออกไป เสียงฝีเท้าของพวกเขาบนพื้นสะท้อนด้วยเสียงดังก้องเหมือนสายฟ้าที่ฟาดลงมาที่พื้น แม้จะมีเสียงที่ซ้ำซากทั้งกองทัพก็ยังมีกลิ่นอายชั้นเลิศและจิตสังหารที่พุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า นี่เป็นข้อพิสูจน์ถึงความจริงที่ว่าทหารเหล่านี้แต่ละคนและทุกคนได้รับการฝึกฝนจากการต่อสู้ที่เอาชีวิตเป็นเดิมพัน มือของพวกเขาแต่ละคนชุ่มโชกไปด้วยเลือดเพื่อขึ้นไปเป็นบุคคลชั้นยอดในกองทัพ
“นี่คือกองทัพเทพดาบตะวันออกหรือ ? พวกเขาสมควรได้รับการขนานนามว่าเป็นทหารชั้นยอดในอาณาจักรฉินหวง แม้แต่อาณาจักรเกอซุนก็มีกองทหารชุดเกราะดำเพียง 3,000 คน” เมื่อเห็นสิ่งนี้เจี้ยนเฉินก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้ายอมรับ
“กองทัพเทพดาบตะวันออกเป็นหนึ่งในห้ากองกำลังที่ยอดเยี่ยมในอาณาจักรฉินหวงของเรา โดยรวมแล้วพวกเขามี 2,000,000 นาย ทหารแต่ละนายที่ความสามารถเข้าสู่กองทัพเทพดาบตะวันออกได้รับการคัดเลือกอย่างพิถีพิถันจากคนที่ดีที่สุด จากนั้นพวกเขาจะถูกโยนลงไปในเขตแดนของเทือกเขาครอสเพื่อทดสอบการฝึกฝนในการสังหารสัตว์อสูรมากมาย ดังนั้นทหารแต่ละคนในกองทัพเทพดาบตะวันออกจึงได้เผชิญหน้ากับการต่อสู้เดิมพันชีวิตมากมาย ในทวีปเทียนหยวนจะมีเพียงกองกำลังระดับสูงของสามมหาจักรวรรดิเท่านั้นที่จะสามารถเปรียบเทียบได้” ฉินจี๋อธิบายด้วยความภาคภูมิใจ
“เป็นกองทัพที่ทรงพลังอย่างแท้จริง หากทหาร 500,000 นายอยู่ในบ้านเกิดของข้า พวกเขาจะสามารถกำจัดอาณาจักรใกล้เคียงได้อย่างง่ายดาย” เจี้ยนเฉินถอนหายใจด้วยความชื่นชม
ฉินจี๋หัวเราะ “การกำจัดอาณาจักรเพียงอาณาจักรเดียวจะไม่มีอะไรเลย ทหารเหล่านี้จะสามารถทำลายหลาย ๆ อาณาจักรได้อย่างง่ายดาย อาณาจักรฉินหวงของเรามอบทักษะการต่อสู้ระดับมนุษย์กว่า 200 ทักษะและ 50 ทักษะการต่อสู้ระดับปฐพีสำหรับทหารชั้นยอดเพื่อฝึกฝน ดังนั้นทหารทุก ๆ คนในห้ากองกำลังจะมี ทักษะการต่อสู้อย่างน้อย 1 ทักษะ ด้วยความแข็งแรงเช่นนี้ไม่สามารถเปรียบเทียบกับอาณาจักรที่มีขนาดเล็กใด ๆ “
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เจี้ยนเฉินตกตะลึงในหัวใจของเขา ทักษะการต่อสู้ในทวีปเทียนหยวนนั้นมีค่าอย่างยิ่ง แม้ว่าจะมีใครบางคนจะมี พวกเขาก็จะไม่แบ่งปัน แม้แต่อาณาจักรเกอซุนก็ไม่ได้ให้ทักษะการต่อสู้แก่กองกำลังทหารเกราะดำเปล่า ๆ แต่ละคนต้องมีความแข็งแกร่งและความดีความชอบก่อนจึงจะสามารถเข้าถึงได้ แต่อาณาจักรฉินหวงไม่จำเป็นต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยให้ทหารทุกคนเรียนรู้ทักษะการต่อสู้ระดับมนุษย์ 200 ทักษะและทักษะการต่อสู้ระดับปฐพี 50 ทักษะโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย นี่ไม่ใช่กรณีที่เรื่องที่เรียบง่ายของการเป็นคนรวยหรือ
“ไม่น่าแปลกใจที่อาณาจักรฉินหวงเป็นหนึ่งในแปดมหาอาณาจักร ข้าไม่สามารถเข้าใจได้ถึงความแข็งแกร่งของอาณาจักรฉินหวง เจี้ยนเฉินถอนหายใจเมื่อเขาประเมินความแข็งแกร่งของอาณาจักรฉินหวงใหม่อีกครั้ง
เจี้ยนเฉินและฉินจี๋ทั้งคู่มาถึงหน้าประตูมิติซึ่งราชาแห่งราชอาณาจักรฉินหวงกำลังรอเขาอยู่พร้อมกับผู้อาวุโสอีก 5 คน
“ผู้พิทักษ์จักรพรรดิ ข้าคนนี้เป็นห่วงว่าทหาร 500,000 นายจะไม่เพียงพอ ดังนั้นข้าจึงปรึกษากับที่ปรึกษาจักรพรรดิหลายคนและ 5 คนในนั้นเห็นด้วยที่จะไปกับท่านเพื่อกำจัดศัตรู ให้ข้าแนะนำท่านกับ 5 คนนี้ นี่คือ ซื่อรี่, ฮ่าวหยุน, รายเป๋อ, จาติรายเอ้อ และจาติไค่จิง” ในขณะที่ราชาทรงแนะนำพวกเขา พวกเขาแต่ละคนเดินไปที่เจี้ยนเฉิน
“เราขอคาราวะท่านผู้พิทักษ์จักรพรรดิ ! “
หลังจากการแนะนำของราชา ผู้อาวุโสทั้งห้าก็คำนับให้เจี้ยนเฉินด้วยความเคารพ
“ที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้งห้าคนไม่จำเป็นต้องมีมารยาท ข้า เจี้ยนเฉิน ขอขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของพวกเจ้าอย่างแท้จริง” เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างสุภาพและยอมรับความช่วยเหลือจากทั้งห้า ถ้าหากเขาให้เซียนสวรรค์เหล่านี้กลับไปกับเขา มันจะขัดขวางอาณาจักรอินทรีสวรรค์จากการขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น แม้ว่าจะมีเพียงไม่กี่อาณาจักรที่จะต่อต้านอาณาจักรฉินหวง แต่พวกเขาไม่ต้องการปกป้องอาณาจักรอื่นจากพวกเขา
เมื่อมาถึงจุดนี้ ฉินหวู่หมิง ได้นำกองทัพเทพดาบตะวันออกไปยังบริเวณประตูมิติแล้ว โดยไม่ชักช้า เจี้ยนเฉินได้ส่งผลึกที่เกาอวี่ฉินมอบให้พร้อมกับแผนที่ของอาณาจักรเกอซุนให้แก่ที่ปรึกษาจักรพรรดิ์ที่มีหน้าที่ดูแลประตูมิติ
ที่ปรึกษาจักรพรรดิที่ดูแลประตูมิติหยิบแผนที่จากมือของเจี้ยนเฉินและวางผลึกไว้เหนือแผนที่ จากนั้นเขาวางแกนสัตว์อสูรระดับ 5 สี่อันเพื่อเติมพลังงานให้เพียงพอสำหรับเปิดใช้งานค่ายกล ค่ายกลบนพื้นดินเริ่มสว่างขึ้นและก่อตัวเป็นมิติที่สับสนในประตูอย่างช้า ๆ หลังจากเวลาผ่านไป มิติภายในประตูก็เริ่มก่อตัวเป็นภาพที่ชัดเจน
ภายใต้สายตาที่จับตามองของเจี้ยนเฉิน เขาเห็นได้ว่าจุดนี้เป็นตำแหน่งที่แน่นอนที่เกาอวี่ฉินวางผลึกอีกอันเอาไว้ เจี้ยนเฉินยังสามารถเห็นกำแพงเมืองที่ห่างไกลของเมืองลอร์
“ใช่แล้ว มันคือพื้นที่นี้ ไปกันเถอะ ! ” เจี้ยนเฉินตอบ จากนั้นก็ข้ามผ่านประตูมิติ เขาจากอาณาจักรฉินหวงไปยังเมืองลอร์เร็วกว่าชั่วพริบตา
หลังจากข้ามประตูมิติ เจี้ยนเฉินมองไปที่เมืองลอร์อันไกลโพ้นเพียงเพื่อดูว่ามันเป็นเช่นเดิมหรือไม่ กระแสของผู้คนนับไม่ถ้วนสามารถมองเห็นได้เข้าและออกโดยไม่ต้องกังวลหรือตกใจ
เมื่อเห็นนี้ เจี้ยนเฉินก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ปรากฏว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เขาจากไป
“เจี้ยนเฉิน นี่คือบ้านเกิดของเจ้าหรือ ? ” ฉินจี๋เดินผ่านประตูมิติและตามหลังเจี้ยนเฉินด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเมือง
“ถูกต้อง ครอบครัวของข้าอยู่ในเมืองนั้น” เจี้ยนเฉินพยักหน้า
ในไม่ช้า แม่ทัพทั้งสามแห่งกองทัพเทพดาบตะวันก็ออกมาจากประตูมิติพร้อมกับทหารเทพดาบตะวันออกที่สวมชุดเกราะสีขาวที่ตามหลังพวกเขาออกมา
ขณะที่พวกเขาเดินผ่านประตูมิติ พวกเขาแต่ละคนมองไปรอบ ๆ สถานที่ด้วยความสงสัย พวกเขาทุกคนต่างก็สงสัยว่าผู้พิทักษ์จักรพรรดินั้นมาจากไหน
“ผู้พิทักษ์จักรวรรดิ เราควรตั้งฐานที่ไหน ? ” ฉินหวู่หมิงถามเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินมองไปรอบ ๆ บริเวณขณะที่เขาพิจารณาคำถาม “ในเมืองมันค่อนข้างมีข้อจำกัด สำหรับสถานที่ที่เหมาะสมกับทหาร 500,000 นายมันยากเกินไป เนื่องจากบริเวณนี้กว้างขวางเพียงพอ ให้ตั้งค่ายที่นี่”
“ขอรับ ! ” ฉินหวู่หมิงคำนับก่อนจะวิ่งไปสั่งการทหารที่ข้ามประตูมิติมาแล้ว
ไม่นานหลังจากนั้น ทหารหลายร้อยคนยืนอยู่ในพื้นที่และภายใต้คำสั่งของแม่ทัพฉินหวู่หมิง พวกเขากระจายออกไปเพื่อให้มีที่ว่างพอสำหรับทหารที่เหลือ
เจี้ยนเฉินยืนอยู่ไม่ไกลจากประตูมิติและดูทหารปรากฏตัวจากอีกด้านหนึ่ง” ฉินจี๋ เจ้าคิดว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนที่ทหารทั้งหมดจะมาถึงที่นี่”
ฉินจี๋ดูที่ประตูมิติสักครู่ก่อนที่จะทำการคำนวณหลายอย่างในหัวของเขา “ด้วยความเร็วนี้มันน่าจะใช้เวลามากกว่า 1 ชั่วยาม กว่าทหาร 30,000 นายจะมาถึง ด้วย 12 ชั่วยามต่อวัน เราน่าจะรับทหารได้ 360,000 คน นั่นหมายความว่ามันจะใช้เวลาประมาณ 1 วันครึ่ง”
เจี้ยนเฉินพยักหน้าและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างใจเย็น ดูทหารเทพดาบตะวันออกเดินออกมาจากประตูมิติเหมือนกระแสน้ำที่ไหลไม่รู้จักจบสิ้น ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ที่ได้รับการปลอบประโลมเกิดขึ้นภายในใจของเจี้ยนเฉิน
ภายในเมืองลอร์ หนึ่งในหัวหน้าของกองกำลังหนึ่งกำลังอ่านหนังสือเล่มหนึ่งอย่างสบายใจเมื่อทหารหลายคนวิ่งเข้ามา พวกเขาคุกเข่าพูด “รายงานหัวหน้า มีกองกำลังนิรนามกลุ่มใหญ่อยู่ห่างจากตัวเมืองไป 10 กิโลเมตร แต่ละคนใส่ชุดเกราะซึ่งหมายความว่าพวกเขาเป็นทหารในกองทัพ อย่างไรก็ตามจำนวนของพวกเขาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และจำนวนของพวกเขาอยู่ในหลักพันแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ใบหน้าของหัวหน้าก็ตกตะลึง เขาโยนหนังสือลงทันที หมดอารมณ์ในการอ่าน เรื่องราวระหว่างอาณาจักรเกอซุนและอาณาจักรอินทรีสวรรค์นั้นไม่มีความลับและข่าวได้แพร่กระจายไปทั่วอาณาจักรเกอซุนแล้ว ดังนั้นเมื่อทหารนับพันพลันปรากฏตัวขึ้นมา หัวใจของหัวหน้าก็พลันเต้นรัวขึ้นในทันที