“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”

 

พอได้ยินเสียงต่อสู้ดังขึ้น เฉินเฉินก็ดับไฟแล้วซดซุปที่เหลือเข้าไปในทันที

 

โชคดีที่ซุปไม่ใช่ซุปที่อร่อย ดังนั้นกลิ่นมันเลยไม่ได้ฟุ้งออกมา

 

หลังจากนั้นซักพัก คนแปดคนก็ปรากฎตัวขึ้นบนหน้าผาลมทมิฬ

 

ในกลุ่มแปดคนนั้น มีเจ็ดคนสวมชุดสำหรับใส่กลางคืน และดูเหมือนคนไม่ดีตั้งแต่แวบแรกที่เห็น พวกเขากำลังโอบล้อมชายหนุ่มในชุดขาว

 

พวกเขาทั้งเจ็ดมีทักษะการต่อสู้ค่อนข้างน่าประทับใจ หรืออย่างน้อยก็เก่งกว่านักฆ่าที่ถูกเหลาเฮยชนตาย

 

ส่วนชายหนุ่มในชุดขาวนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่า แต่การสู้กับคนเจ็ดคนด้วยตัวคนเดียวคงจะผลาญเรี่ยวแรงของเขาไปไม่น้อย เขาถูกต้อนไปที่ขอบหน้าผาในเวลาไม่นาน

 

“ท่านจาง หลังชนฝาขนาดนี้แล้วทำไมถึงยังต้องดื้อดึงอยู่อีกหล่ะครับ? ถ้าท่านตกจากหน้าผา ศพของท่านคงจะน่าเกลียดกว่าโดนพวกเราฆ่าอีกนะ และถ้าเป็นแบบนั้น พ่อแม่ของท่านก็คงจะจำหน้าไม่ได้ด้วยซ้ำ แบบนั้นมันจะไม่ทำให้พวกเขาเสียใจหรอครับ?”

 

หนึ่งในเจ็ดกลุ่มชายชุดดำเตือนสติชายชุดขาวอย่างใจดี แต่กระบี่ในมือของเขานั้นกำลังเล็งไปที่จุดตายของชายหนุ่มอย่างดุร้ายในทุกๆการโจมตี

 

ชายหนุ่มชุดขาวไม่ได้พูดอะไร และตั้งใจปัดป้องการโจมตี เขาค่อยๆเข้าไปใกล้ขอบหน้าผามากขึ้นเรื่อยๆ

 

 

เฉินเฉินที่เฝ้าดูเหตุการณ์จากใต้ต้นไม้อยู่ในสภาพสับสน

 

ท่านจางหรอ? หรือว่าจะเป็นลูกชายของหนึ่งในสามตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในมณฑลเสฉวน ตระกูลจาง?

 

ถ้าไม่ใช่แล้วจะมีชายหนุ่มจากตระกูลธรรมดาที่เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ขนาดนี้อยู่ด้วยหรอ โดยเฉพาะด้วยวัยเพียงแค่นี้?

 

มณฑลเสฉวนมีตระกลูใหญ่อยู่สามตระกูลได้แก่ตระกูลเจา ตระกูลจาง และตระกูลหวัง

 

ในตระกูลเหล่านี้ ตระกูลเจาแข็งแกร่งที่สุด รองลงมาก็คือตระกูลจาง และตระกูลหวังที่พึ่งถีบตัวขึ้นมาได้ไม่นานนั้นอ่อนแอที่สุด

 

ในตอนนี้ ขณะที่เฉินเฉินกำลังเฝ้าดูนายน้อยของตระกูลใหญ่กำลังถูกไล่ล่า เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาในทันที

 

ชาวบ้านไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสบาย แต่นายน้อยของตระกูลใหญ่ก็คงไม่ต่างกัน

 

เฉินเฉินไม่ได้คิดอะไรกับมันมากนัก และเขาก็ไม่ได้คิดจะก้าวออกไปทำตัวกล้าหาญด้วย เขาเข้าใจความสามารถของตัวเองดี ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่หวังว่าคนกลุ่มนี้จะรีบๆจบการต่อสู้และจากไปซะ เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่มาทำลายแผนการกระโดดหน้าผาอันยิ่งใหญ่ของเขา

 

“ระบบ เหลืออีกกี่นาทีจะถึงเวลากระโดด?”

 

“สามนาทีค่ะ”

 

เมื่อได้ฟังเช่นนี้ อารมณ์ของเฉินเฉินก็หดหู่ขึ้นในทันที

 

หรือว่าโอกาสนี้จะเป็นของท่านจางคนนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว?

 

ไม่อย่างนั้น ทำไมเขาถึงได้ไปอยู่ตรงนั้นในช่วงเวลานี้หล่ะ

 

‘ท่านจาง อย่ากระโดดหน้าผาจะดีกว่านะ! นี่เป็นโอกาสของฉัน ไม่ใช่ของท่าน’ เฉินเฉินภาวนาอย่างเงียบๆ เขาคาดหวังเอาไว้ว่าโอกาสนี้จะช่วยเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเขา ไม่มีทางที่เขาจะยอมยกมันให้คนอื่นหรอก

 

ในอีกด้านนึง คำว่า ‘โอกาส’ นั้นก็เหมือนกับคำว่าชะตาลิขิต ถ้าเขารู้ว่าโอกาสอยู่ที่ไหนได้ล่วงหน้าเนื่องจากความช่วยเหลือของระบบ มันก็หมายความว่าเขาถูกลิขิตให้มาเจอโอกาสนี้

 

ถ้ามันถูกลิขิตไว้เพื่อเขา มันก็จะต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน ถ้ามันต้องมีเหตุผล ก็คือนี่ยังไงหล่ะ

 

“อย่าบังคับข้าดีกว่า! ข้าจะกระโดดที่นี่แน่ และถ้าไม่มีกระดูกข้ากลับไปด้วยซักชิ้น พวกเจ้าก็จะไม่ได้เงินเหมือนกัน!”

 

ในตอนนั้นเอง ท่านจางได้ตะโกนมาจากขอบหน้าผา สายตาของเขาเต็มไปด้วยความแน่วแน่

 

พวกนักฆ่าถูกคำพูดของเขาข่มขวัญ ซึ่งทำให้ความมุ่งมั่นในการโจมตีของพวกเขาอ่อนลง และในช่วงเวลานั้นเอง ดูเหมือนว่าท่านจางจะมีโอกาสฝ่าวงล้อมนี้ไปได้

 

ในขณะที่เฉินเฉินเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

 

อย่างไรก็ตาม ฉากที่น่ายินดีช่างสั้นนัก หัวหน้านักฆ่าสังเกตุเห็นว่านี่มันไม่ถูกต้อง และการโจมตีของเขาก็กลับมารุนแรงอีกครั้ง

 

“พี่น้องเอ๋ย ไม่ต้องกังวลไปหรอก ต่อให้เขากลายเป็นเศษเนื้อ พวกเราก็แค่เอาอะไรซักอย่างจากเขากลับไปรายงานภารกิจของเราเท่านั้นเอง!”

 

เมื่อได้รับความมั่นใจกลับคืนมา พวกนักฆ่าก็ต้อนท่านจางไปที่ขอบหน้าผาอีกครั้ง

 

เฉินเฉินรู้สึกไม่พอใจ

 

คนพวกนี้สติไม่ดีจริงๆ ทั้งหมดที่พวกเขาทำก็คือบังคับคนไปให้สุด!

 

หน้าผาลมทมิฬมีความสูงหนึ่งพันเมตร คิดว่าการกระโดดลงจากตรงนั้นมันตลกนักรึไง?

 

“ระบบ เหลือเวลาอีกเท่าไหร่?”

 

“หนึ่งนาทีค่ะ” ระบบตอบกลับเหมือนเครื่องจักร ราวกับว่ามันไม่มีความรู้สึกอยู่เลย

 

เฉินเฉินยิ่งรู้สึกหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนี้ เขาเข้าใจแล้วว่าถ้าเขาไม่ทำอะไรเลย ท่านจางคนนี้น่าจะได้กระโดดหน้าผาแน่ๆ

 

แต่ต้องเอาหัวลงด้วยสินะ

 

โลกมันไม่ได้มีความบังเอิญมากถึงขนาดที่จะทำให้โอกาสเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ และท่านจางก็บังเอิญโผล่มาในช่วงเวลานี้พอดีเหมือนกัน

 

เหตุผลเดียวที่อธิบายได้ก็คือว่าโอกาสนี้มันมีไว้เพื่อท่านจาง

 

“หรือว่าชื่อของเขาคือจางอู๋จี*?”

 

เฉินเฉินหงุดหงิด ในโลกนี้มีคนที่ได้รับพรจากสวรรค์ และท่านจางคนนี้ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นหนึ่งในนั้น

 

“จะไม่มีการรีรออะไรอีกต่อไปแล้ว! กดดันเขาให้ตกไปจากหน้าผาซะ!” หัวหน้านักฆ่าหมดความอดทน และออกคำสั่ง

 

ภายใต้การบีบบังคับของพวกนักฆ่า เท้าของท่านจางก็ไปเหยียบที่ขอบหน้าผา ก้อนหินเล็กๆได้ตกลงไปในเหวใต้เท้าของเขา และไม่มีเสียงสะท้อนดังกลับมาเลยซักนิด

 

ซึ่งแค่นี้มันก็ชัดเจนแล้วว่าหน้าผานี้สูงจนน่าเหลือเชื่อจริงๆ!

 

หัวใจของเฉินเฉินเต้นไม่เป็นจังหวะในขณะที่มอง แต่สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นความแน่วแน่ในวินาทีต่อมา

 

ถ้าเกิดเขาไม่ต่อสู้เพื่อมันเขาอาจจะไม่ได้รับโอกาสแบบนี้อีกแล้วก็ได้!

 

ถ้าเขาไม่ไขว่คว้าโอกาส เขาก็จะไม่สามารถเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเองได้ และถ้าเป็นแบบนั้น ครอบครัวของเขาก็จะถูกตระกูลหวังไล่ล่า และผลที่ตามมาก็คงไม่ได้ไปในทางที่ดีสำหรับพวกเขาอย่างแน่นอน

 

อย่างมากมันก็แค่จบชีวิตของเขา แล้วทำไมเขาถึงไม่ลองซักตั้งหล่ะ?

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เฉินเฉินก็ไม่มีความลังเลอยู่อีก เขากระโจนออกมาจากหลังต้นไม้ โดยปกปิดใบหน้าของตัวเองเอาไว้

 

“เดี๋ยวก่อนสิพวก!”

 

ด้วยการตะโกนออกมาดังลั่น นักฆ่าทุกคนรวมทั้งท่านจางก็หยุดการต่อสู้ลงกลางคัน และยืนนิ่งด้วยความตกใจ

 

ถึงยังไง พวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าจะมีคนอื่นอยู่บนผาลมทมิฬในช่วงกลางดึกเช่นนี้

 

“เจ้าเป็นใคร?” หัวหน้านักฆ่าถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ จิตสังหารในตัวเขาไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไปแล้ว

 

เขาจะตกใจและกลัวการที่มีคนอื่นมาเห็นฉากฆาตกรรมไปทำไมหล่ะ?

 

ถ้าเจ้านี่จำเสียงของเขาได้ในอนาคตและชี้ตัวเขา ตระกูลจางก็จะสร้างปัญหามากมายให้เขาอย่างแน่นอน

 

“ข้าชื่อจางชุ่ยซานมาจากสำนักบู๊ตึ๊ง*!” เฉินเฉินตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา แม้ว่าเสียงจะยังหนุ่ม แต่มันก็ฟังดูน่าเกรงขาม และไม่มีความโกรธอยู่เลย

 

นักฆ่าส่งสายตาให้กัน และยืนยันว่าไม่มีพวกเขาคนไหนเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน อย่างไรก็ตามเนื่องจากเขาแซ่จาง และเขาก็โผล่มาที่นี่ในช่วงกลางดึก จึงมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นคนจากตระกูลจาง

 

ด้วยความคิดเช่นนี้เอง นักฆ่าก็เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นกว่าตอนแรก

 

อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นเองเฉินเฉินก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง

 

“วันนี้ ข้ามาที่นี่เพื่อแบ่งปันกฏนึงให้กับพวกเจ้า!” ในขณะที่พูด เฉินเฉินก็เดินไปหาพวกนักฆ่า ท่วงท่าการเดินของเขานั้นทั้งเป็นจังหวะและสงบนิ่ง

 

เมื่อเห็นแบบนี้ พวกนักฆ่าก็รู้สึกกังวลหนักขึ้น ท่าทีที่เยือกเย็นและไร้ซึ่งความหวาดกลัวเช่นนี้แสดงว่าเขาต้องเป็นยอดฝีมือแน่ๆเลยใช่ไหม?

 

“ในโลกนี้มีอยู่กฏเดียวก็คือกำปั้น!” หัวหน้านักฆ่าพูดด้วยน้ำเสียงที่ชั่วร้าย ความหวาดกลัวได้แฝงอยู่ในใจเขาเช่นกันกับการปรากฎตัวอย่างกระทันหันของชายสวมหน้ากากคนนี้

 

“นอกจากนั้น ในโลกนี้ยังมีอีกกฏนึง ซึ่งก็คือทุกอย่างจะต้องทำตามลำดับขั้นที่ถูกต้อง พวกเจ้าเข้าใจใช่ไหม?” เฉินเฉินเข้าไปถึงพวกเขาแล้วในตอนที่พูดออกมา

 

ในขณะที่นักฆ่ากำลังสับสนอยู่นั้นเอง เขาก็เร่งความเร็วขึ้นในทันทีแล้ววิ่งไปที่ขอบหน้าผา!

 

“ฆ่าเขาซะ!”

 

หัวหน้านักฆ่าคิดว่าคนๆนี้กำลังจะโจมตีเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของเขา และรีบออกคำสั่งในทันที อย่างไรก็ตาม ไม่มีพวกเขาคนไหนกล้าเข้าไป และเลือกที่จะตั้งท่าป้องกันแทน

 

ล้อเล่นรึเปล่า? ชายคนนี้ที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้นั้นแค่ดูแวบแรกก็ไม่น่าใช่คนที่จะจัดการได้ง่ายๆเลยนะ ถ้าเกิดพวกเขาถูกฆ่าเนื่องจากบุกเข้าไปก่อนหล่ะ?

 

ความตึงเครียดของเฉินเฉินถูกสลัดทิ้งไปในตอนที่เขาเห็นภาพตรงหน้า เขาพุ่งตรงไปที่ขอบหน้าผาแล้วกระโดดออกไป เขาทะยานไปสูง 1.5 เมตรก่อนที่จะดิ่งลงจากหน้าผาโดยที่เอาศีรษะลง

 

“วันนี้ ข้าจางจะขอฆ่าตัวตายที่นี่ ลาก่อนนะทุกคน!”

 

ในตอนที่เขาพูดจบ เฉินเฉินก็ดิ่งลงจากหน้าผาเหมือนกับดาวตก

 

“บ้าอะไรเนี่ย!”

 

“นี่มันบ้าอะไรกัน!”

 

 

ในขณะที่เขากำลังทิ้งดิ่งลงไปนั้น เฉินเฉินรู้สึกหดหู่ใจ ทั้งหมดที่เขาได้ยิน นอกจากเสียงของลมก็คือเสียงสบถอย่าง ‘บ้าอะไรเนี่ย’ อย่างต่อเนื่อง

 

….

*จางอู๋จี, จางชุ่ยซาน ตัวละครจากมังกรหยก