บทที่ 230 ลานแห่งซากศพ
หลังจากได้รับคำสั่งของหลิงตู้ฉิง โจวจื่อซินจึงเก็บเมล็ดพันธุ์ดอกบัวปีศาจกระหายโลหิตเข้าไปในแหวนมิติ จากนั้นนางจึงเริ่มโคจรพลังวิญญาณสายเลือดพฤกษาสวรรค์ และปล่อยคลื่นพลังของนางกระจายออกไปเป็นบริเวณกว้าง
เมื่อใดก็ตามที่คลื่นพลังของโจวจื่อซินไปถึงดอกบัวดอกไหน พลังวิญญาณทั้งหมดที่กักเก็บอยู่ในดอกบัวดอกนั้นจะถูกดูดเข้ามายังตัวนางทันที
ดอกบัวที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับครึ่งสวรรค์ยังต้องใช้เวลาสักพักในการกำจัดมันออกจากร่างกาย เมื่อพวกมันสัมผัสกับคลื่นพลังของนาง พวกมันก็เหี่ยวเฉาและร่วงหล่นกลายเป็นโคลนทันที
ในพริบตา คลื่นพลังของโจวจื่อซินได้กวาดไปถึงดอกบัวทั้งหมด และดูดพลังวิญญาณที่พวกมันดูดมาจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญที่โชคร้ายจำนวนมากรวมเข้ากับร่างกายของนาง ส่งผลให้ระดับการบ่มเพาะของนางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ภายใต้การหลั่งไหลเข้ามาของพลังวิญญาณที่ถูกเก็บมาจากดอกบัวปีศาจ ระดับการบ่มเพาะของนางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากระดับ 7 ไปถึง 8 ไปถึง 9 และจนสุดท้ายระดับพลังของนางก็ไปหยุดที่ขอบเขตนภาระดับ 12
หลังจากดูดซับพลังทั้งหมดและใส่เสื้อผ้าเสร็จ นางยิ้มและพูดกับหลิงตู้ฉิง “นายท่าน ตอนนี้ยังเหลือพลังวิญญาณที่ได้มาจากดอกบัวปีศาจกระหายโลหิตที่ยังกลั่นเข้าสู่จุดตันเถียนได้ยังไม่หมด หากเมื่อไหร่ที่ข้ากลั่นพวกมันจนครบสมบูรณ์ ข้าคงจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตสวรรค์ได้แน่นอน”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “อืม ดีมาก เอาล่ะหมดหน้าที่เจ้าแล้ว เจ้าเข้าไปในรถม้าก่อน”
โจวจื่อซินที่ในตอนนี้สลายดอกบัวปีศาจกระหายโลหิตให้กลายเป็นพลังของนางหมดเรียบร้อยแล้ว ความแข็งแกร่งในด้านการต่อสู้ของนางจึงลดลงเป็นอย่างมากเนื่องจากตอนนี้นางไม่มีวิชาหรือกระบวนท่าอื่น ๆ ที่ไว้ใช้สำหรับต่อสู้เลยนอกจากดอกบัวปีศาจ หากตอนนี้แม้นางจะเผชิญกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาระดับ 7 นางก็ไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้โดยอาศัยเฉพาะขอบเขตการบ่มเพาะของนางเพียงอย่างเดียว
ครั้นจะให้นางเรียกพวกดอกบัวออกมาอีกครั้งมันก็เสี่ยงเกินไป การใช้ดอกบัวแต่ละครั้งมันอันตรายมาก หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาในการใช้งานมัน มันจะกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ของทุกสรรพชีวิตในอาณาจักรจันทรา
โจวจื่อซิน เมื่อได้ยินคำสั่งของหลิงตู้ฉิง นางก็บินไปที่ด้านข้างของเขา พร้อมกับหอมแก้มของเขาและกระซิบว่า “นายท่าน หลังจากเรื่องนี้จบลง ท่านจะต้องมาหาข้าที่ห้องของข้าเพื่อทำให้ข้าเป็นผู้หญิงของท่านด้วยก็ได้นะ ข้ารอเวลานี้มาเป็นเวลาหลายปีแล้วนะท่านก็รู้…”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและใช้มือดันโจวจื่อซินให้เข้าไปในรถม้า
ทุกคนที่อยู่ในรถม้ามองไปที่โจวจื่อซินด้วยความตกตะลึง พวกเขาตกตะลึงกับวิธีการของโจวจื่อซินที่ใช้ในการสังหารบรรดาผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากที่บุกเข้ามาในคฤหาสน์
ด้วยซากศพที่นอนเกลื่อนกราดไปทั่วคฤหาสน์สราญรมย์ มันแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงคนนี้น่ากลัวเพียงใด
ทุกคนตกตะลึง มีแต่มี่ไลเท่านั้นที่บ่นว่า “บรรดาพวกสมุนไพรที่ข้าอุตส่าห์หล่อเลี้ยงมันในเรือนของข้า ป่านนี้พวกมันคงถูกเจ้าดูดพลังงานจนตายไปหมดแล้วแน่ ๆ เลย! แถมอายุของแต่ละต้นที่ข้าอุตส่าห์หล่อเลี้ยงมาก็ปาเข้าไปตั้ง 7,000-8,000 ปีเข้าไปแล้ว และยังมีบางต้นที่อายุหลักหมื่นปีก็มี”
โจวจื่อซินแลบลิ้นออกมาและพูดขอโทษ “พี่หญิงมี่ ข้าขอโทษ! ตอนนี้ข้ายังไม่สามารถควบคุมเคล็ดคลื่นพลังกลั่นรวมวิญญาณได้ดีสักเท่าไหร่ ข้าเลยทำให้ท่านต้องลำบากไปด้วย แต่ไม่ต้องกังวลนะพี่หญิง เดี๋ยวไว้รอข้าบรรลุไปถึงขอบเขตสวรรค์ก่อนแล้วเดี๋ยวข้าจะแบ่งเลือดของข้าให้ท่านเป็นค่าชดเชยสำหรับสมุนไพรของท่าน”
มี่ไลส่ายหัว “ไม่เป็นไรหรอก เลือดของเจ้ามันล้ำค่าเกินไป ข้าไม่อยากได้มันหรอก ข้าก็แค่บ่น ๆ ไปแค่นั้น อย่างมากข้าก็แค่ต้องเสียเวลาเพิ่มอีกบ้างในการปลูกต้นสมุนไพรชุดใหม่”
“ถ้างั้นเมื่อถึงเวลา ข้าจะใช้พลังธาตุพฤกษาช่วยท่านหล่อเลี้งสมุนไพรชุดใหม่อีกแรง” โจวจื่อซินพูด
“เอาแบบนั้นก็ได้!” มี่ไลพยักหน้า “เอาล่ะ ตอนนี้พวกเรามาดูกันเถอะว่านายท่านจะฆ่าเหล่าคนที่เหลือยังไง”
โจวจื่อซินพยักหน้า นางมองเหตุการณ์ภายนอกผ่านทางหน้าต่าง
ด้านนอกหลังจากที่โจวจื่อซินสลายดอกบัวปีศาจกระหายโลหิตออกไปทั้งหมดแล้ว เหล่าอสูรโลหิตจากสันเขาหมื่นอสูรและขันทีจากอาณาจักรอ้าวเทียนก็ยืนขึ้น และมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าจริงจัง
พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีสิ่งที่น่ากลัวขนาดนี้ซ่อนอยู่ที่นี่
เมื่อมองไปที่ซากศพที่กระจัดกระจาย พวกเขาทำได้เพียงดีใจที่ดอกบัวปีศาจกระหายโลหิตหายไป
“แค่ดอกบัวปีศาจกระหายโลหิตอย่างเดียวมันไม่พอกับการฆ่าข้าให้ตายได้หรอก!” จี้จู่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ตอนนี้เจ้าคงหมดวิธีอื่นแล้วใช่ไหม? หึ กล้ามากินคนจากสันเขาหมื่นอสูรของข้า ถึงเวลาที่เจ้าต้องจ่ายค่าธรรมเนียมด้วยชีวิตของเจ้ามาได้แล้ว!”
ขันทีหลี่พูดอย่างเย็นชา “เราต้องการเพียงองค์หญิงเหลียงเฟ่ยเอ๋อ มอบนางให้พวกเราและเราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก”
ผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ ที่รอดพ้นจากความตายและต้องการที่จะชิงตัวโจวจื่อซินต่างก็พูดอย่างเย็นชาว่า “มอบผู้ครองสายเลือดพฤกษาสวรรค์มาให้กับเรา ไม่งั้นก็อย่าหาว่าพวกเราเลือดเย็น!”
ซือโถวเหวินหยวนมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตากังวลเป็นอย่างมาก
ภายใต้อำนาจเหรียญตราผนึกสวรรค์ มนต์อักษรของเขาก็ไร้ประโยชน์เช่นกัน
หากเขาไม่สามารถใช้วิชาเก้าอักขระมนตราของเขาได้ ด้วยการใช้ความแข็งแกร่งของระดับการบ่มเพาะของเขาเพียงอย่างเดียว เขาสามารถที่จะต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญเหลานี้ได้เพียงแค่ทีละคนเท่านั้น
หลิงตู้ฉิงเองก็ไม่สามารถปลดปล่อยพลังแห่งกฎ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์ได้ แล้วเขาควรทำอย่างไรดี?
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แปลกที่สุดก็คือในตอนนี้แม้ว่าสถานการณ์จะดูแย่อย่างสุด ๆ แต่หลิงตู้ฉิงยังคงดูสงบราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรให้น่ากังวล
“ผู้ครองสายเลือดพฤกษาสวรรค์ในแรกเริ่มนั้นนางมาจากสวนร้อยพฤกษาของข้า และในขั้นตอนการหล่อเลี้ยงมัน สวนร้อยพฤกษาของข้าก็เป็นผู้จ่ายทรัพยากรไปอย่างมหาศาล ดังนั้นร่างของมันทั้งหมดควรเป็นของสวนร้อยพฤกษาของข้าอยู่แล้ว หากใครกล้าแย่งมันไปจากข้า ก็อย่าโทษว่าข้าไม่สุภาพเช่นกัน” หลู่หยุนตี๋และจือหมิงฮ่าวเดินเข้ามาช้า ๆ
เมื่อพวกเขาเห็นหลู่หยุนตี๋ คนอื่น ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาเห็นลำแสงที่ถูกส่องลงมาจากท้องฟ้าคลุมเหนือศีรษะของหลู่หยุนตี๋ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ พวกเขาก็ไม่คิดที่จะเถียงออกมาแม้แต่ครึ่งคำ
เมื่อเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ พวกเขาย่อมไม่มีโอกาสใด ๆ
แต่ในเวลาเดียวกันก็เกิดความผันผวนของพลังวิญญาณอย่างรุนแรง การแสดงออกของหลู่หยุนตี๋เปลี่ยนไป เขาหันหน้าไปมองตามทิศทางของความผันผวนนั่น จากนั้นเขาก็หายตัวไปในพริบตาทำให้คนกลุ่มมองหน้ากันด้วยความตกใจ
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ ผู้นั้นไปไหนแล้ว?
เมื่อดอกบัวปีศาจกระหายโลหิตปรากฏขึ้น เหลียงซานที่ยืนอยู่บนยอดหลังคาของพระราชวังก็เห็นสถานการณ์เช่นกัน
แม้ว่าเขาจะไม่ได้เห็นภาพอันน่าอนาถที่ดอกบัวปีศาจกระหายโลหิตกระทำต่อเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้วยตาตนเองเหมือนกับคนจากยอดเขาหยกจักรพรรดิ แต่เมื่อเขาเห็นดอกไม้หลากสีที่ปะทุขึ้นมาจากที่นั่นอย่างกะทันหันและกลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้นรวมถึงไอสังหารที่น่ากลัวนั้น เขาก็รู้ทันทีว่ามันคืออะไร
“ดอกบัวปีศาจกระหายโลหิต!?” ท่าทีของเหลียงซานเปลี่ยนไปอย่างมาก
ในบรรดาทุกคนที่อยู่ในอาณาจักรนี้ เขาคือคนที่กลัวดอกบัวปีศาจกระหายโลหิตมากที่สุด หากดอกบัวปีศาจกระหายโลหิตแพร่กระจายต่อไปในอาณาจักรของเขา เขาผู้ที่เป็นจักรพรรดิและเป็นผู้บ่มเพาะเต๋าดวงใจจักรพรรดิย่อมจะพินาศตามอาณาจักรของเขาไปอย่างไม่ต้องสงสัย
อาณาจักรที่ไม่มีราษฎร์ให้ปกครองและแผ่นดินก็แห้งแล้ง แม้จะเหลือเขาอยู่ในฐานะจักรพรรดิองค์เดียวมันก็ไม่มีประโยชน์
ยิ่งไปกว่านั้นในฐานะจักรพรรดิ ความผิดของเขาที่ไม่ได้ปกป้องประชาชนในอาณาจักรอย่างถูกต้อง เมื่อถึงเวลาฑัณท์สายฟ้าจากสวรรค์ที่ได้รับการคำนวณมาว่าจะต้องลงทัณฑ์ผู้ใดบ้างกับเหตุการณ์นี้ อย่างน้อยสายฟ้าครึ่งหนึ่งมันต้องฟาดลงมาบนหัวของเขาแน่นอน
ไม่เพียงแต่เขาจะต้องจากโลกนี้ไป เขายังไม่มีโอกาสได้กลับชาติมาเกิดอีก เขาจะต้องหายไปตลอดกาล
“จางหมิง เจ้าตรงไปที่คฤหาสน์ตระกูลหลิงทันที ใช้ทุกอย่างทั้งหมดที่เจ้ามีเพื่อทำลายคฤหาสน์ตระกูลหลิงให้รวดเร็วที่สุด และสั่งให้กองทัพศักดิ์สิทธิ์ถอยออกมาและมุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์สราญรมย์ทันที” เหลียงซานออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด “ตอนนี้เราต้องพึ่งพลังของกองทัพศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ถึงจะสามารถยับยั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์สราญรมย์ทั้งหมดได้”
แต่ในขณะที่จางหมิงจะได้เคลื่อนไหว จู่ ๆ ก็เกิดเสียงดังครืนกังวานทั่วไปทั้งเมืองหลวง และตามมาด้วยภาพของร่างสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่อย่างหาที่เปรียบมิได้ยืนขึ้นสูงเสียดฟ้า สัตว์ประหลาดตัวนี้ดูเหมือนจะสูงเกือบร้อยเมตร มันมีลำตัวเป็นแบ่งครึ่งเป็นกิเลนและราชสีห์สีขาว มีส่วนหางเป็นลำตัวและหัวมังกร บนหลังของมันถูกปกคลุมด้วยกระดองของเต่าอัศนีทมิฬซึ่งปล่อยปราณสายฟ้าออกจากกระดองอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญกว่านั้นสัตว์ประหลาดตัวนี้มีหัวถึงสามหัวแบ่งเป็นหัวของ กิเลน ราชาราชสีห์ ตัวตุ่นปีศาจ เมื่อทุกคนมองไปที่มัน ทุกคนก็รู้สึกตื่นตะลึงถึงความประหลาดของมันอย่างพูดไม่ออก