ตอนที่ 1717 ใต้สวรรค์หมดความอดทน

Monster Paradise

ตอนที่ 1717 ใต้สวรรค์หมดความอดทน

 

ชื่อเสียงของพันธมิตรดาบพุ่งทะยานหลังงานเลี้ยง

 

แลนเซล็อตล้มเซินลู่ได้ภายในวินาทีเดียวถือเป็นการเหยียบย่ำชื่อเสียงของนครหลวงเทพอย่างมาก

 

แม้เซินถูกับคนอื่นจากนครหลวงเทพจะหงุดหงิดมาก พวกเขาก็ทําได้แค่กัดฟันเงียบๆ เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาคือคนที่หาเรื่องใส่ตัวเอง

 

ยิ่งไปกว่านั้น มันไม่ใช่แค่แลนเซล็อต พันธมิตรดาบมียอดฝีมือลี้ลับที่สามารถปราบเซินเจวี๋ยได้ง่ายๆด้วย

 

พวกเขามีบุคคลระดับจ้าวเทวะขั้นกลางอย่างน้อยสองคน นครหลวงเทพไม่สามารถทําอะไรได้เลย

 

นอกจากนี้ พวกเขาคาดว่าพันธมิตรดาบมราชันย์หนุนหลังด้วย พวกเขาไม่กล้าล้างแค้นอะไรต่อพันธมิตรดาบ

 

ในโลกบ่มเพาะ ผู้บ่มเพาะดาบนับไม่ถ้วนต่างหมายมั่นจะเข้าร่วมพันธมิตรดาบ

 

เหนือสิ่งอื่นใด มันถูกเรียกว่าพันธมิตรดาบ และหัวหน้าหลินก็คือผู้บ่มเพาะดาบ โดยธรรมชาติ ผู้บ่มเพาะดาบนับไม่ถ้วนต่างอยากเข้าร่วมกับพวกเขา

 

มันคือองค์กรระดับเจ็ดที่มีหัวหน้าเป็นผู้บ่มเพาะดาบ ถ้าเข้าร่วม พวกเขาจะต้องสืบทอดเต๋ดาบชั้นดีแน่ๆ

 

ผู้บ่มเพาะดาบหลายคนยังได้รับแรงบันดาลใจโดยแลนเซล็อต

 

เขาคือผู้บ่มเพาะดาบระดับจ้าวเทวะ ตัวตนสูงสุดที่สามารถล้มเซินลู่ได้ภายในวินาทีเดียว

 

ถ้าเขาสามารถชี้แนะพวกเขาได้สักนิด พวกเขาจะได้รับผลประโยชน์มหาศาล!

 

นอกจากผู้บ่มเพาะดาบ ยังมีผู้บ่มเพาะกระบี่มากมายที่หมายเข้าร่วม

 

ผู้บ่มเพาะดาบกับกระบี่ก็ว่าเยอะแล้ว ผู้บ่มเพาะหญิงหลายคนเองก็ด้วย

 

หลายคนมาเพราะหน้าตาของดาบหนึ่ง โดยธรรมชาติ ส่วนหนึ่งมาเพราะหัวหน้าหลิน

 

มีคนส่งคําขอเข้าร่วมให้ดาบหนึ่งทุกวันเต็มกล่องเมลล์เขา

 

หลินฮวงอนุญาตให้เขาแบ่งปันเมลล์กับทาสดาบคนอื่น ให้ช่วยกันคัดกรองเบื้องต้น

 

ต่อมา ดาบ2-12ก็จะทําหน้าที่คัดกรองรอบสอง

 

หลังคัดกรองสองรอบ พวกเขาจะส่งผลสรุปสุดท้ายให้ดาบหนึ่งตัดสินใจ

 

เดิมที หลินฮวงคิดว่าเขาจะให้ดาบ1-12ปิดประตูบ่มเพาะให้เร็วที่สุดหลังงานเลี้ยงจบเพื่อที่พวกเขาจะได้เลื่อนเป็นจ้าวเทวะโดยเร็ว

 

แต่ทว่า พอเห็นคําขอนับล้านต่อวัน เขาก็ได้แต่ล้มเลิกแผนการไปก่อน

 

ดาบหนึ่งกับที่เหลือก็ไม่บ่น

 

มันไม่สําคัญว่าจะปิดประตูบ่มเพาะวันนี้หรืออีกสองสามวันหลังจากนี้

 

ขณะที่พวกเขาตรวจดู ไม่ช้าทาสดาบก็แจ้งว่าบางคําขอนั้นไม่ได้จริงจัง แค่ทําตามกระแส

 

หลินฮวงเพิ่งสังเกตเห็นว่ากระแสไวรัลเริ่มบนเครือข่ายในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

 

ทุกคนจะแสดงค่าขอเข้าร่วมที่ส่งไปยังพันธมิตรดาบ

 

กระทู้ไวรัลสุดจะได้รับยอดกดชื่นชอบเป็นร้อยล้านครั้ง

 

นอกจากผู้บ่มเพาะดาบบางคนที่ไม่มีองค์กร ยังมีบางคนที่เป็นขององค์กรอื่นอยู่แล้วที่สมัครเข้าร่วมด้วยบ้าง คือพวกระดับสูงขององค์กรชั้นนําบางแห่ง แม้กระทั้งพวกเขาก็ทําตามกระแส

 

รองประธานซีโน่อย่างเบ็ธยังแสดงภาพหน้าจอที่ส่งคําขอไปด้วยเช่นกัน นางยังพูดถึงบัญชีของหลินฮวง และพันธมิตรดาบด้วย

 

หลินฮวงอดตอบกลับไม่ได้ “แม้ข้าจะกล้ารับเจ้า แต่ชีโน่จะเต็มใจยอมปล่อยเจ้ามาหรือ?”

 

ไม่ช้าบัญชีของซีโน่ก็ตอบกลับ ‘เราไม่กล้า..’

 

แม้กระแสนี้จะเพิ่มภาระงานให้พันธมิตรดาบอย่างมาก พวกหลินฮวงก็ไม่หยุด

 

หลินฮวงกับดาบหนึ่งรู้ดีว่าพวกเขาแค่สนุก กระแสจะซาลงไปเอง

 

อย่างน้อยชาวเน็ตที่เข้าร่วมกระแสนี้ก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีความรู้สึกเชิงบวกเกี่ยวกับพันธมิตรดาบ

 

แถมนี้ยังช่วยเพิ่มความนิยมให้พันธมิตรดาบอย่างมากด้วย

 

ถึงแม้องค์กรระดับเจ็ดอื่นจะอิจฉาความนิยมของพันธมิตรดาบ แต่ก็ทําอะไรไม่ได้ นครหลวงเทพอับอายสุด และองค์กรที่เหลือก็ไม่กล้าแหย่รังแตน

 

นอกจากนี้ พันธมิตรดาบอยู่ที่จุดสูงสุดของชื่อเสียงแล้ว ไม่ว่าองค์กรอื่นจะทําอะไร มันก็ยากที่จะดึงความสนใจของชาวเน็ต

 

ภายในไม่กี่วันเหล่านี้ เรื่องที่เป็นประเด็นร้อนคือในหมู่เบื้องบนของเคียวแห่งความตาย พวกเขากําลังสู้กัน

 

มันสมเหตุสมผลที่สมาชิกเคียวโลหิตบางคนจะอิจฉาพันธมิตรดาบ

 

เหนือสิ่งอื่นใด เคียวแห่งความตายคือองค์กรระดับเจ็ดที่เพิ่งเลื่อนได้สองสามเดือนก่อน แต่ทว่า พวกเขาไม่ได้เพลิดเพลินกับความนิยมเช่นนี้

 

ทุกคนต่างออกความเห็นและก็คิดว่าแผนพวกเขาดีสุด

 

วันหนึ่ง สุดท้ายใต้สวรรค์ก็ทนไม่ไหวและเรียกสมาชิกเคียวโลหิตทุกคนมาห้องประชุม

 

ทุกคนมารวมกันตอนเก้าโมงเช้า

 

ใต้สวรรค์ ผู้อยู่ในร่างชายหนุ่มฉายภาพหัวข้อไวรัลที่ชาวเน็ตนับไม่ถ้วนกําลังพูดถึง

 

สมาชิกเคียวโลหิตมองกระทู้ต่างๆที่กําลังคุยถึงพันธมิตรดาบ พวกเขาไม่รู้ว่าใต้สวรรค์คิดจะทําอะไร

 

“อิจฉากันเหรอ?”ใต้สวรรค์เหลือบมองทุกคน

 

พวกเขาเงียบและไม่พูดอะไร

 

พวกเขาอิจฉาจริงๆ แต่ก็ไม่อาจพูดออกมาเสียงดังได้

 

“พวกเจ้ารู้ไหมว่าทําไมพันธมิตรดาบถึงเพลิดเพลินกับผลประโยชน์ต่างๆได้ ขณะที่เคียวแห่งความตายเราไม่ได้รับ?”

 

พวกสมาชิกเคียวโลหิตต่างแหงนหน้ามองใต้สวรรค์ พวกเขาไม่อาจเข้าใจได้ว่าท่าไมถึงเป็นงั้น

 

เคียวแห่งความตายจัดงานเลี้ยงเช่นกันตอนพวกเขาเลื่อนเป็นระดับเจ็ดและยังเชิญองค์กรทั้งหมด แม้พวกเขาจะไม่มีผู้เข้าร่วมมากเท่างานของพันธมิตรดาบ มันก็ยังถือเป็นงานใหญ่ ไม่ใช่แค่นั้น จํานวนกลุ่มสื่อที่มาก็ไม่ได้น้อยไปกว่าพันธมิตรดาบ

 

แต่ทว่า การพูดคุยเกี่ยวกับเคียวแห่งความตายมีอยู่แค่สองถึงสามวัน มันเทียบไม่ได้กับพันธมิตรดาบเลยที่ติดกระแสเป็นเวลากว่าเดือน

 

“เพราะเราเป็นแค่เศษฝุ่น!”ใต้สวรรค์ไม่สนใจว่าเขากําลังทําให้สมาชิกผู้อาวุโสเหล่านี้อับอายเลย

 

สมาชิกเคียวโลหิตต่างหน้าดํา

 

“ตั้งแต่เคียวแห่งความตายเลื่อนเป็นระดับเจ็ด พวกเจ้าต่างก็มีความเห็นส่วนตัวในแต่ละการตัดสินใจครั้งใหญ่ของเรา พวกเจ้าทะเลาะกันทุกครั้ง กลัวว่าจะได้รับผลงานน้อยกว่าหรือเสียอํานาจ!ไม่ใช่แค่นั้น พวกเจ้ายังสู้เพื่อสิทธิ์การเป็นสมาชิกเคียวทองคําด้วย เริ่มตั้งพรรคพวกของตนและให้สมาชิกเคียวแห่งความตายเลือกข้าง นี่มันบ้าอะไร?”

 

“ใต้สวรรค์ เจ้าเรียกรวมพวกเรามาเพื่อพูดเรื่องนี้เหรอ?”โลหิตไร้ขอบเขตถามด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร

 

เขาคือหนึ่งในผู้ก่อตั้งเคียวแห่งความตาย เขาคือคนที่มีประสบการณ์สุด ใต้สวรรค์ถือเป็นแค่ผู้เยาว์ในสายตาเขา โดยธรรมชาติ เขาย่อมไม่พอใจที่โดนผู้เยาว์ต่อว่า

 

“ผู้อาวุโสไร้ขอบเขต ท่านอยากให้เคียวแห่งความตายใหญ่ขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นไหม?ถ้าอยาก งั้นก็โปรดอดทนและฟังข้าให้จบ ถ้าใครรู้สึกว่าผลประโยชน์ส่วนตัวสําคัญกว่าเคียวแห่งความตาย ฉันก็เชิญออกไปได้เลย ข้าจะไม่หยุด”

 

สิ่งที่ใต้สวรรค์พูดทําให้โลหิตไร้ขอบเขตปิดปากสนิททันที

 

สมาชิกเคียวโลหิตต่างหน้าดํา แต่ไม่มีใครกล้าออกไป

 

ใต้สวรรค์กวาดตามองรอบห้องและเริ่มพูดหลังรอสักพัก

 

“ดูเหมือนทุกคนจะยังหวังให้เราแข็งแกร่งขึ้น อย่างน้อยเราก็มีมุมมองเดียวกันอยู่”

 

“ทุกคนรู้ไหมว่าท่าไมพันธมิตรดาบถึงโดดเด่นขนาดนั้น?”

 

คําถามนี้คว้าความสนใจของทุกคนทันที

 

“ทุกคนก็รู้ว่าข้าสนิทกับหลินฮวง ดังนั้น ข้าเลยคุยถึงเรื่องนี้กับเขาแล้ว รวมถึงปัญหาที่เกี่ยวแห่งความตาย เราประสบ”

 

“ข้าคิดว่าเขาพูดถูก เขาสามารถชี้ความแตกต่างที่ใหญ่สุดระหว่างพันธมิตรดาบกับเคียวแห่งความตายได้— เคียวแห่งความตายในปัจจุบันนั้นไม่มีเสาหลัก!”

 

“ขณะที่เคียวแห่งความตายยังเป็นองค์กรระดับหก แม้สมาชิกเคียวโลหิตทั้งเจ็ดจะมีพรรคพวกของตน แต่ทั้งเจ็ดคนก็ยังถือเป็นเสาหลักขององค์กรตอนเราผนึกกาลังกัน”

 

“แต่ทว่า ตั้งแต่เฒ่าซุนกับคนอื่นตายไป สมดุลนั้นก็พัง ทุกคนเริ่มสู้กันเพื่อแย่งชิงอํานาจ โดยเฉพาะตั้งแต่เคียวแห่งความตายกลายเป็นองค์กรระดับเจ็ด การต่อสู้ยิ่งเลวร้ายขึ้น”

 

สมาชิกบางคนเงียบไป

 

“วันนี้ สมาชิกเคียวโลหิตคนนี้ได้ออกคําสั่ง พรุ่งนี้ อีกคนจะออกคําสั่งใหม่ พวกคนที่อยู่ใต้เราต่างสับสน ไม่รู้ว่าจะฟังใครดี”

 

“มันผ่านมาเกือบสามเดือนแล้วตั้งแต่เราเลื่อนเป็นองค์กรระดับเจ็ด ข้าขอถามพวกเจ้าอย่างนี้ละกัน พวกเจ้าอยากให้เคียวแห่งความตายพัฒนาไหม?มันคงดีถ้ทุกคนเห็นพ้องกันหมด!”

 

“มันเกือบสามเดือนแล้ว และเราก็ยังอยู่ในสภาพวุ่นวายเหมือนเดิมจากตอนเราเลื่อนเป็นระดับเจ็ด เราอยู่ในสภาพที่ย่าแย่กว่าสามเดือนก่อนซะอีก”

 

“รู้ไหมว่าพันธมิตรดาบทําไปกอย่างแล้วตั้งแต่เลื่อนเป็นระดับเจ็ด?!”

 

แม้สมาชิกเคียวโลหิตจะไม่เต็มใจยอมรับ พวกเขาก็รู้ว่าใต้สวรรค์พูดถูก

 

“งั้นเจ้าอยากให้เราทําอะไร?”หลังเงียบไปนานในห้องประชุม เกาหมิงก็พูด

 

“ก่อนอื่น แก้ไขความยุ่งเหยิง พวกเจ้าสองสามคนต้องชี้แจงความรับผิดชอบให้ชัด อย่าแทรกแซงอะไรทั้งนั้น ไม่งั้น พวกเจ้าจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของทุกอย่างที่ทําให้ลูกน้องเราทํางานยากขึ้น”

 

“สอง จัดทําแผนติดตามผลโดยละเอียดสําหรับการพัฒนาองค์กร พวกเจ้าต้องบรรลุข้อตกลงในเรื่องนี้ อย่าคิดแผนส่วนตัว จากนั้นก็ปฏิเสธแผนของกันละกัน เราต้องใช้แผนที่มีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาของเราสุด ประกาศต่อสาธารณะว่ามันคือเคียวโลหิตที่เป็นคนตัดสินใจ”

 

“สาม ตามกระแสให้ทัน พยายามดึงดูดความสนใจและเกาะข่าวให้ดี ต่อให้จะต้องเกาะชื่อเสียงของพันธมิตรดาบ เราก็ต้องรับสมัครคนใหม่มาเข้าร่วมกับเราให้ได้”

 

“สี่ เริ่มต้นความร่วมมือกับโลกภายนอก เริ่มหารือกับองค์กรที่อยากร่วมมือกับเรา และประเภทความร่วมมือที่เคียวแห่งความตายควรมีส่วนร่วม..”