RC:บทที่ 576 ผลการต่อสู้

 

หลินเฟิงยังคงจำได้อย่างชัดเจนถึงคราวที่เขาใช้ชิปคลาส SSS ครั้งแรก พลังที่รุนแรงนั้นแทบจะระเบิดตัวเขาเอง

ในตอนนี้เขาได้มาถึงจุดสูงสุดของระดับ SSS ในชั่วพริบตา หลินเฟิงหยิบชิ้นส่วนทั้งสามชิ้นออกมาแล้วติดไว้ที่กึ่งกลางคิ้วของเขา

ในช่วงเวลาต่อมาหลินเฟิงก็รู้สึกได้ถึงความน่าสะพรึงที่เกือบจะเป่าเขาจนกระเด็นได้อีกครั้ง

ความแข็งแกร่งของหลินเฟิงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของหลินเฟิงได้รับการเลื่อนขั้นสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์สวรรค์ชั้นสองและยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ดันออกมาสุดกำลัง!” หลินเฟิงคำราม ใบหน้าของเขากลายเป็นสีเขียวและแดง

หลินเฟิงเคยเห็นแล้วว่าชิปทั้งสามตรงหว่างคิ้วของเขานั้นเคยมีรอยแตกอยู่ก่อนหน้า แต่ในเวลานี้น้ำวนสีดำที่อยู่ภายในโทรศัพท์มือถือกำลังหมุนวนอย่างรุนแรงกลับทำให้รอยแตกเหล่านั้นหายไปทันที ในช่วงเวลาสั้น ๆ ระดับของเขาได้มาถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นสามแล้ว

 

“อะไรนะ เด็กหนุ่มคนนี้ใช้สิ่งใดกัน? ถึงทำให้ได้รับการเลื่อนขั้นจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไปถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์สวรรค์ชั้นสามได้! มันน่าเหลือเชื่อนัก” ทั้งราชินีเงือกและราชินีมังกรต่างตกตะลึง

ราชามังกรแห่งกาลเวลารู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงมานานแล้วเลยไม่แปลกใจเท่าไหร่ เขาเอ่ยขึ้นว่า “นี่คือผลงานของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในยุคนี้ มันวิเศษมากซะจนข้าไม่อาจเข้าใจได้เลย!”

 

ในเวลานี้ผู้นำของสามตระกูลได้พุ่งไปข้างหน้าแล้ว ขณะที่หลินเฟิงกับเสี่ยวไช่กำลังจะเริ่มลงมือ เสี่ยวหยางก็มาปรากฏตัวอยู่ข้าง ๆ หลินเฟิง

“พี่หลินเฟิง ฉันจะช่วยท่านจัดการกับพวกมัน!” เสี่ยวหยางดีใจมากที่ได้พบหลินเฟิง

หลินเฟิงมองมาที่เขาแล้วพูดว่า “เยี่ยม! ลุยกันเลย”

เสี่ยวหยางต่อสู้กับราชามังกรทพเลที่แข็งแกร่งที่สุด หลินเฟิงต่อสู้กับราชาแห่งฉลาม ส่วนเสี่ยวไช่ก็ต่อสู้กับราชินีงู

สงครามกำลังจะเกิดขึ้น ชาวเงือกและอีกสามเผ่าที่ยังมีชีวิตอยู่ได้หยุดต่อสู้แล้ว มีเพียงผู้นำทั้งสามเท่านั้นที่ยังคงเหลือพลังต่อสู้และกำลังต่อสู้อยู่กับหลินเฟิง

 

คู่ต่อสู้ของหลินเฟิงคือราชาแห่งฉลาม แม้ว่าความแข็งแกร่งของหลินเฟิงจะมาถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม และราชาแห่งฉลามจะอยู่ที่ระดับสามของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน แต่ก็ยังคงมีช่องว่างระหว่างทั้งสอง

สายเลือดราชาฉลามถูกหลินเฟิงกดข่มเนื่องจากร่างกายของหลินเฟิงมีกลิ่นอายของมังกรดำ

 

มังกรดำมาจากเผ่ามังกรที่แท้จริงและยังเป็นทายาทสายตรงของราชามังกรหมิงแห่งความมืด ซึ่งมีแรงกดข่มในระดับสายเลือดต่อราชาฉลามเป็นอย่างมาก

สิ่งนี้ทำให้ความแข็งแกร่งของราชาฉลามไม่สามารถแสดงออกมาได้อย่างเต็มที่ จึงได้แต่ถูกหลินเฟิงโจมตี

ยิ่งไปกว่านั้นชิป SSS สามอันที่อยู่ตรงหว่างคิ้วของหลินเฟิงยังเป็นชิปมังกร

 

วัตถุของชิประดับ SSS ทั้งสามก็คือมังกรที่แท้จริงระดับ SSS สามตัว มาจากมังกรจื่อเหยียน มังกรผลึกน้ำแข็ง และมังกรไม้

ทั้งสามมีสายเลือดมังกรที่แท้จริง แม้ว่าจะไม่ทรงพลังเท่ามังกรดำ แต่ความแข็งแกร่งนั้นก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ในเวลานี้ทั้งสามได้รับการกระตุ้นเข้าด้วยกันจึงทำให้ความสามารถในการกดข่มราชาแห่งฉลามเกิดผลสูงสุด

 

เวลานี้หลินเฟิงมีปีกวิเศษคู่หนึ่งอยู่ที่ด้านหลัง เหตุผลที่บอกว่ามันเป็นปีกวิเศษก็คือปีกทั้งสองจะประกอบขึ้นด้วยผลึกน้ำแข็งที่ปีกหนึ่งและเปลวไฟอีกปีกหนึ่ง

เปลวไฟแสดงถึงจื่อเหยียนหลง ในขณะที่ผลึกน้ำแข็งหมายถึงมังกรผลึกน้ำแข็ง ทั้งสองมอบความแข็งแกร่งและความรวดเร็วให้แก่หลินเฟิง เขาต่อสู้กับราชาแห่งฉลาม ความรวดเร็วนั้นมากเกินไปที่ราชาแห่งฉลามจะไล่ตามทันหรือหลบหนีได้

 

นอกจากนี้ยังมีเถาวัลย์สองสายพันอยู่รอบแขนของหลินเฟิง ซึ่งเป็นความสามารถของเฉียนมู่หลง(มังกรไม้)​

ภาพลักษณ์ของหลินเฟิงนั้นไม่ได้กล่าวเกินจริงแต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น

“เถาวัลย์มังกรไม้พันปี!” หลินเฟิงคำรามและสบัดมือของเขา

 

ทันใดนั้นเถาวัลย์เล็ก ๆ สองสายก็ขยายใหญ่ขึ้นและยาวขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับงูหลามยักษ์ พวกมันเลื้อยไปยังราชาแห่งฉลามที่อยู่ในร่างมนุษย์

ความเร็วของมันรวดเร็วเท่าเรือประจัญบาน

ชั่วขณะต่อมาพวกมันก็ถูกราชาแห่งฉลามตัดทิ้ง

หลินเฟิงไม่แปลกใจนักเพราะเขาไม่ต้องการพึ่งเถาวัลย์ให้ไปจับราชาแห่งฉลาม แต่แค่อยากจะถ่วงเวลาสักพัก

 

ขณะที่ราชาแห่งฉลามกำลังถูกหยุดเอาไว้ ปีกที่อยู่บนหลังของหลินเฟิงได้สั่นกระพือ ทันใดนั้นผลึกน้ำแข็งและประกายไฟจำนวนนับไม่ถ้วนก็ลอยออกมาจากปีกทั้งสองข้างแล้วพุ่งยิงไปยังราชาแห่งฉลามที่เพิ่งหลุดจากเถาวัลย์

 

ปัง ปัง

ทันทีที่ราชาแห่งฉลามหลุดจากเถาวัลย์ เขาก็พบกับผลึกน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วนและได้ถูกประกายไฟห่อหุ้มเอาไว้อย่างกะทันหัน เขากระเด็นออกไปและชนเข้ากับพระราชวังของชาวเงือก

 

พระราชวังถูกกระแทกจนเกิดรอยแตกขนาดใหญ่หลายแห่ง

ในอีกด้านหนึ่ง เสี่ยวหยางต่อสู้อยู่กับราชามังกรทะเล แม้ว่าความแข็งแกร่งของเสี่ยวหยางจะไม่สูงเท่าราชามังกรทะเล แต่ร่างกายของเสี่ยวหยางก็เป็นเจ้าของแก่นเลือดของราชามังกรแห่งกาลเวลาหยดหนึ่ง ซึ่งหาได้ยากมาก

 

แม้แต่ในตัวของราชามังกรแห่งกาลเวลาเองก็มีอยู่ไม่เกินสิบหยด หมายความว่าเลือดของเสี่ยวหยางนั้นมีแรงกดข่มอยู่ถึงหนึ่งในสิบของราชามังกรแห่งกาลเวลา

อย่าได้ประเมินว่าแรงกดข่มหนึ่งในสิบนี้ต่ำนัก เพราะมันส่งผลและกดข่มความแข็งแกร่งของราชามังกรได้ถึงสิบเปอร์เซ็นต์อย่างทันที

 

แต่ทว่าเขาสูญเสียความแข็งแกร่งไปเป็นอย่างมากจากการต่อสู้ครั้งก่อนจึงทำให้เหลือน้อยกว่า 70% ในเวลานี้เขาถูกกดข่มลงถึง 20% จึงสามารถแสดงประสิทธิภาพการต่อสู้ออกมาได้เพียงครึ่งหนึ่งและก็มาต่อสู้กับเสี่ยวหยางอีก

 

ในอีกด้านหนึ่งราชินีงูและเจ้าหญิงเสี่ยวไช่ การต่อสู้ระหว่างพวกเขานั้นถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจที่สุดเพราะทั้งคู่มีความงดงามเป็นอย่างยิ่ง เป็นธรรมดาที่จะดึงดูดสายตาได้มากกว่า

และนี่คือพลังมรดกของเจ้าหญิงเงือก ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ของเธอส่งผลต่อชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ของสนามรบแห่งนี้ อย่างน้อยก็ในมุมมองของชาวเงือกและอีกสามเผ่าพันธุ์

และเจ้าหญิงเงือกก็ไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง เธอกับราชินีงู ทั้งสองแยกกันไม่ออก การเคลื่อนไหวของแต่ละฝ่ายมีพลังที่รุนแรงมาก

 

หลังจากที่เจ้าหญิงเงือกได้รับมรดกแล้ว เธอก็มีคฑาซึ่งเป็นอาวุธประจำตัวของราชินีเงือกคนสุดท้ายอยู่ในมือ มีเพียงเงือกสายรุ้งที่ได้รับมรดกเท่านั้นที่จะสามารถควบคุมและใช้งานมันได้

ในอีกด้าน ราชินีงูก็ถือดาบที่เรียวยาวอันหนึ่งเช่นกัน ทั้งสองต่อสู้กันทุกวิถีทาง รังสีของแสงผันผวนไปมาและชนปะทะกัน

 

ส่งผลให้ทุกคนต่างตกตะลึงที่ทั้งสองยังไม่รู้ผลแพ้ชนะภายในสามร้อยกระบวนท่า

เราควรรู้กันก่อนว่าความแข็งแกร่งของราชินีงูนั้นแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาหญิงที่อยู่ในพื้นที่ทะเลทั้งหมด แม้แต่ราชินีเงือก(เมียราชาเงือก)​ของเผ่าเงือกก็ยังไม่ถือเป็นคู่ต่อสู้ของราชินีงู

ทั้งสองมีพละกำลังเท่ากัน เสี่ยวไช่สามารถต่อสู้กับเธอได้ 300 รอบโดยไม่พ่ายแพ้ จึงทำให้ชาวเงือกต่างก็มองเห็นความหวังขึ้นมา

 

ในเวลานี้หลินเฟิงเป็นคนแรกที่ยุติการต่อสู้ เนื่องจากแรงกดข่มของหลินเฟิงที่มีต่อราชาแห่งฉลามนั้นแข็งแกร่งเกินไปและความสามารถของเขาก็ไม่มีที่สิ้นสุด ราชาแห่งฉลามจึงไม่ถือเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้เลย

ในท้ายที่สุด หลินเฟิงใช้พลังของมังกรคริสตัลน้ำแข็งและมังกรจื่อเหยียน สร้างเป็นพลังน้ำแข็งและไฟที่น่ากลัวจนเอาชนะราชาแห่งฉลามได้

 

ต่อมาเสี่ยวไช่ก็เริ่มย้อนคิดหลังจากที่ต่อสู้กับราชินีงูมาเป็นเวลานาน เสี่ยวไช่เริ่มพบจุดอ่อนของราชินีงู จากนั้นเธอก็เหวี่ยงคฑาในมือออกไป เสาน้ำแท่งหนึ่งถูกซัดเข้าใส่ราชินีงูจนกระเด็นออกไปไกล 

ฉากนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจ ยากที่จะจินตนาการว่าเจ้าหญิงเงือกผู้เยาว์วัยนั้นจะมีอำนาจเหนือกว่า