ตอนที่ 433 กล้าดียังไงที่ลงมือกับเจ้าเทพ

Mars เจ้าสงครามครองโลก

เหล่าพวกจ้าวอู่ หลิวอวี่ เปาเฉิงหลงและหลี่จงเป็นสมาชิกที่สำคัญของกองทับ และพวกเขามีอำนาจทางทหารอยู่ในมือ
ความสัมพันธ์กับตระกูลเย่นั้นซับซ้อนมาก และยังมีผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างตระกูลร่ำรวยและผู้ทรงอำนาจ
แม้ว่าจ้าวกั๋วจู้จะเป็นเทพสงคราม แต่เขาก็ยังรู้สึกปวดหัวเมื่อคนพวกนี้ร่วมมือกัน ถ้าจะฆ่าพวกเขาทั้งหมดเลยมันก็จะง่ายกว่า แต่คนพวกนี้ยังไม่สามารถฆ่าได้!
จ้าวกั๋วจู้หัวเราะด้วยความโกรธจัด และพูดว่า “พวกเจ้าเคยคำนึงถึงผลที่จะตามมาของการทำเช่นนี้หรือไม่? พวกเจ้าไม่เคยคิดเลยเหรอว่า หากว่าคนที่พวกเจ้าจะต่อสู้นั้น ถ้าพวกเจ้าสู้ไม่ไหวล่ะ? พวกเจ้ากำลังรนหาที่ตายชัดๆ!!”
“เขาเหรอ? ที่พวกเราจะไม่สามารถจัดการได้?”
นายพลห้าดาวจ้าวอู่หัวเราะอย่างเย่อหยิ่ง “เทพสงครามเสาหลัก ฉันรู้ว่าเย่เซิ่งเทียนมีความแข็งแกร่งในระดับเทพสงคราม และฉันก็รู้ว่าที่คุณปกป้องเขา ก็แค่อยากจะสร้างเทพสงครามอีกคนในประเทศต้าเซี่ยเท่านั้น แต่ขอโทษด้วยนะ จะเป็นใครก็ได้ยกเว้นเย่เซิ่งเทียนไอ้ลูกนอกสมรสคนนี้ไม่ได้ ในวันนี้เขาไม่เพียงแต่จะเหยียบย่ำใบหน้าของตระกูลเย่ แต่เป็นหน้าของพวกเราทุกคนด้วย”
เปาเฉิงหลงกล่าวว่า “เทพสงครามเสาหลัก ไม่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวจะดีกว่า พวกเราจะต้องฆ่าเย่เซิ่งให้ได้ อดีตเทพสงครามเย่จะไม่สามารถขายหน้าได้”
คนของห้าตระกูลผู้ดีและสองตระกูลเก่าแก่ต่างเงียบสงบในเวลานี้ และไม่ได้เข้ามาแทรกแซงอีกต่อไป
คนของ ตระกูลจางแห่งอีสานพูดอย่างเย็นชาว่า “เทพสงครามเสาหลัก เรื่องบางเรื่องคุณไม่สามารถจัดการได้ เย่เซิ่งเทียนต้องตาย ไม่เช่นนั้นห้าตระกูลผู้ดีของเราจะขายหน้าเสียเชื่อเสียงไปหมด? ก่อเรื่องใหญ่ในตระกูลเย่ ต่อหน้าพวกเรา นี่คือการเยาะเย้ยว่าห้าตระกูลผู้ดีของเราอ่อนแอและไร้ความสามารถ?”
คนของสองตระกูลเก่าแก่หัวเราะคิกคักและกล่าวว่า “เราไม่สนหรอกว่าเย่เซิ่งเทียนจะตายหรือไม่ แต่เย่ห้าวจะตายไม่ได้”
ด้วยคำกล่าวของห้าตระกูลผู้ดีและสองตระกูลเก่าแก่ จ้าวอู่และหลิวอวี่กับคนอื่นๆ ไม่ได้สนใจจ้าวกั๋วจู้เลย
แม้ว่าเทพสงครามจะทรงพลังมาก แต่จ้าวกั๋วจู้กลับไม่สามารถลงมือฆ่าคนได้ พวกเขาไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย เรื่องราวภายในของประเทศต้าเซี่ย ไม่ใช่ว่าคุณจะมีความแข็งแกร่งในระดับเทพสงครามก็จะสามารถจัดการได้
ความสัมพันธ์ที่สลับซับซ้อนระหว่างตระกูล ถูกถักทอเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ และเทพสงครามคนเดียวไม่สามารถเขย่าตาข่ายขนาดใหญ่นี้ได้เลย
เมื่อเผชิญกับกองกำลังดังกล่าว จ้าวกั๋วจู้ก็รู้สึกไร้อำนาจเล็กน้อย เมื่อหลายปีที่แล้วขุนหลวงได้สั่งให้เย่เซิ่งเทียนจัดตั้งหอมังกรเทพ ก็เพื่อจะกำจัดโซ่ตรวนของตระกูลพวกนี้ และไม่ได้รับผลกระทบจากตาข่ายนี้อีกต่อไป
เขาพูดอย่างสงบว่า “พวกมึงแต่ละคนพูดอวดดีขนาดนี้ ไม่กลัวว่าฟันจะหลุดเพราะกินไม่ไหวหรือ?”
เย่จิงหงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เทพสงครามเสาหลัก ฉันให้เกียรติคุณในฐานะที่เป็นเทพสงคราม ดังนั้นถึงให้ความเคารพกับเจ้ามากขนาดนี้ ถ้าเจ้ากล้าที่จะพูดจาสามหาวอีก ก็อย่าโทษตระกูลเย่ของเราจะลงมือกับคุณ แม้ว่าเทพสงครามจะแข็งแกร่งมาก แต่สำหรับหรับตระกูลเย่ของเราแล้วมันไม่ถือเป็นอะไรเลย อย่าลืมว่า เทพสงครามคนแรกในประเทศต้าเซี่ย คือพ่อของฉัน และไม่ว่ายังไงพวกคุณก็เคยได้รับพระคุณจากพ่อของฉันอยู่บ้าง”
จ้าวกั๋วจู้หัวเราะเบาๆ แต่ในหัวใจของเขากลับรู้สึกขมขื่นอย่างยิ่ง
อิทธิพลของอดีตเทพสงครามเย่นั้น ยิ่งใหญ่เกินไป
มันใหญ่มากจนขุนหลวงก็รู้สึกกลัว ดังนั้นถึงได้สั่งให้เย่เซิ่งเทียนจัดตั้งหอมังกรเทพขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม หากเหล่าพวกเย่จิงหง รู้ตัวตนที่แท้จริงของไอ้น้องเซิ่งเทียน การแสดงออกของพวกเขาคงจะน่าตื่นเต้นมากใช่ไหม?
ตอนนี้พวกเขาเย้ยหยิ่งแค่ไหน อีกสักครู่พวกเขาก็จะสิ้นหวังมากแค่นั้น!
และอีกคนหนึ่งที่เดาออกตัวตนของเย่เซิ่งเทียน เฉิงเทียนกุ้ย ได้ตกใจมากจนแทบจะเป็นลมในเวลานี้ การปรากฏตัวของจ้าวกั๋วจู้ได้ยืนยันการคาดเดาของเขาอย่างสมบูรณ์!
แต่เขาไม่สามารถพูดอะไร และยิ่งไม่กล้าที่จะพูด!
เขาอดทนต่อความเจ็บปวดอันแสนสาหัส และพยายามขยิบตาให้คนอื่นอย่างเต็มที่ แต่ไม่มีใครเข้าใจความหมายของเขาเลย
เย่จิงหงเพิกเฉยต่อเฉิงเทียนกุ้ย และพูดกับเย่เซิ่งเทียนว่า “ไอ้สัตว์นรก มึงจะทำให้คนในครอบครัวของมึงตายทั้งหมด เพื่อความสะใจเพียงชั่วขณะของมึงจริงๆ หรือ? กูจะนับสามครั้ง ถ้ามึงยังไม่ปล่อย กูจะสั่งให้คนไปจับตัวภรรยากับแม่ยายของมึงทันที ปล่อยคนในตอนนี้ ก็แค่มึงคนเดียวที่ต้องตาย คำสั่งของเจ้าเทพไม่ใช่ว่าใครก็จะสามารถฝ่าฝืนมันได้”
“เย่จิงหง มึงกล้าดียังไง ถึงกล้าลงไม้ลงมือกับเจ้าเทพ!”
ในขณะนั้นเอง ทันใดนั้น ก็มีเสียงตะโกนอันเย็นชาดังขึ้นมา