ตอนที่ 515 ตัวอย่างของสี่คุณธรรมสามคล้อยตาม

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 515 ตัวอย่างของสี่คุณธรรมสามคล้อยตาม

ฟู่เสี่ยวกวนใช้ชีวิตผ่านไปสามวันอย่างสบายอารมณ์

ตลอดสามวันมานี้ เขามิได้ก้าวเท้าออกจากจวนเลย เอาแต่อยู่กับภรรยาทั้งสาม บางคราซูซูก็จะพาสวี่ซินเหยียนมาเล่นไพ่กับพวกเขาด้วย…

ฟู่เสี่ยวกวนนำไม้มาแกะสลักเป็นไพ่นกกระจอก แน่นอนว่าหลัก ๆ แล้วเป็นฝีมือการลงมีดสลักของศิษย์พี่ใหญ่ซูเจวี๋ย

ตั้งแต่ทำไพ่นกกระจอกขึ้นมาและสอนภรรยาทั้งสามให้เล่นเป็น ภายในหลีเฉินซวนก็ครื้นเครงขึ้นมามาก

โต๊ะไพ่นกกระจอกวางอยู่ที่หลีเฉินซวน ฟู่เสี่ยวกวนเล่นไพ่กับภรรยาทั้งสามคล้ายกำลังทะเลาะกันอยู่ก็มิปาน สามารถเรียกความสนใจจากซูเจวี๋ย ซูโหรว ซูซู รวมไปถึงสวี่ซินเหยียนไปได้โดยปริยาย

ดังนั้น พวกเขาจึงมาร่วมวงด้วยเช่นกัน พวกเขาสามารถเข้าใจวิธีการเล่นได้อย่างรวดเร็ว ซูโหรวจึงขอให้ศิษย์พี่ใหญ่ทำไพ่ขึ้นมาอีกสำรับ ในหลีเฉินซวนจึงมีโต๊ะไพ่นกกระจอกอยู่ 2 ชุด

ซูโหรววางเข็มปักผ้าลง ซูซูลืมของหวานไปเสียสิ้น ซูเจวี๋ยที่ต้องการอ่านหนังสือกลับถูกซูโหรวฉุดกระชากมาร่วมวงด้วย สามขาดหนึ่ง หากมิสู้ก็จะเป็นการล้มโต๊ะมิใช่หรือ ?

ความครื้นเครงนี้ดำเนินไปได้ถึงสองวันเต็ม จนถึงวันที่เก้าเดือนหนึ่ง ฟู่เสี่ยวกวนจึงนึกขึ้นได้ว่าการประชุมใหญ่ของราชวงศ์ได้ผ่านไปหนึ่งวันแล้ว คาดมิถึงว่าฝ่าบาทมิได้ส่งคนมาเรียกให้เขาไปเข้าร่วมด้วย

ซ้ำยังเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่ายังมีเรื่องที่แคว้นอี๋ขอเจรจาค้างเอาไว้อยู่ ตอนนี้ถึงเวลาอันควรที่จะเจรจากันได้แล้ว

เยี่ยนเสี่ยวโหลวต้องไปธนาคารซื่อทง ต่งชูหลานต้องเดินทางไปภูเขาหนานซาน ซูเจวี๋ยได้รับจดหมายจากอาจารย์อีกหนึ่งฉบับ ภูเขาหนานซานที่ฟู่เสี่ยวกวนเคยไปนั้น ต้องสร้างอารามเต๋าขึ้นมา นามว่า สำนักเต๋าหนานซาน

นี่คือสถานที่แรกซึ่งถูกเลือกให้สร้างสำนักเต๋าขึ้น ดังนั้นต้องสร้างสำนักเต๋าหนานซานให้ยิ่งใหญ่อลังการพอควร เทวรูปเทพซันชิงต้องอัญเชิญมาให้พร้อม เทพเจ้าเจินอู่ต้าตี้ เง็กเซียนฮ่องเต้ เทพเจ้าก่วงเจ็กจุงอ๊วง เหวินชางตี้จวิน ลักเตงลักกะ 36 ขุนพลสวรรค์ 72 ขุนพลนรก… สรุปโดยง่ายคือ ต้องเชิญเทพของลัทธิเต๋ามาให้มากที่สุด จึงจะมีชีวิตชีวา

เรื่องนี้จึงตกเป็นหน้าที่ของศิษย์พี่ใหญ่ซูเจวี๋ยในการจัดการ และมีงบประมาณอยู่ที่ 1,000,000 ตำลึง

ดังนั้น ซูเจวี๋ยจึงต้องติดตามต่งชูหลานไปยังภูเขาหนานซาน เรื่องความปลอดภัยของฟู่เสี่ยวกวนจึงตกเป็นหน้าที่ของสวี่ซินเหยียน

ฟู่เสี่ยวกวนกังวลว่าจะมีคนของลัทธิจันทราที่ยังรอดชีวิตแฝงอยู่ในเมืองหลวง แล้วจดจำสวี่ซินเหยียนได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ให้สวี่ซินเหยียนคุมรถม้า แต่กลับเรียกคนเฝ้าประตู หลี่เจิ้ง มารับหน้าที่นี้แทน

หลี่เจิ้งชื่นชอบเป็นอย่างมาก เขาจัดเตรียมรถม้าเสร็จตั้งแต่เช้าตรู่ รอฟู่เสี่ยวกวนและสวี่ซินเหยียนขึ้นรถม้าเสร็จแล้ว จากนั้นจึงได้สะบัดแส้ในมือ ให้รถม้าพุ่งทะยานเข้าสู่วังหลวงด้วยท่าทีแจ่มใส

ภายในรถม้า บ่อยคราที่สวี่ซินเหยียนนึกถึงเรื่องในคืนนั้นขึ้นมา นางจึงรู้สึกเขินอายอยู่บ้างเล็กน้อย มิกล้าเงยหน้าเพราะกลัวว่าจะสบเข้ากับสายตาของฟู่เสี่ยวกวน

มือของฟู่เสี่ยวกวนสอดอยู่ในแขนเสื้อ กุมมู่โต่วเอาไว้ ศิษย์พี่ใหญ่นึกอันใดอยู่กันถึงกล้าให้คนที่เคยเป็นมือสังหารมาปกป้องเขา ?

แม้สวี่ซินเหยียนจะเคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้ แต่ยามต้องอยู่ด้วยกันเพียงลำพังกลับมิได้คลายความระแวงลงเลยแม้แต่น้อย ผู้ใดจะทราบว่านางมีลูกไม้อันใดซ่อนไว้หรือไม่ หากชักอาวุธใส่ตนในพื้นที่แคบเช่นนี้ เกรงว่าจะสายเกินกว่าที่ตนจะดึงมู่โต่วออกมา

ด้วยกลัวว่าจะตั้งรับมิทัน เขาจึงกำมู่โต่วเอาไว้แน่น หัวแม่มือวางอยู่บนลำกล้อง

“เจ้ามิต้องกังวล หากมีผู้ใดเอ่ยถามก็อย่าลืมว่าสถานะของเจ้าคือบุตรสาวของเสนาบดีสวี่หวยซู่แห่งกรมพิธีการ”

“อืม” เสียงของสวี่ซินเหยียนเบาราวกับแมลงหวี่ นางพยักหน้าขึ้นลง นางย่อมประหม่าอยู่แล้ว แต่มิใช่เพราะกังวลว่าผู้อื่นจะถาม แต่เพราะในพื้นที่นี้… คับแคบมากยิ่งนัก กลิ่นกายของบุรุษรูปงามลอยมาจากฝั่งตรงข้าม

หลังจากที่ช่วยฟู่เสี่ยวกวนเอาไว้ หลังจากเขาได้เห็นเรือนร่างของนาง ตามความเข้าใจของสวี่ซินเหยียน คนผู้นี้ถือเป็นเจ้าของของนางแล้ว

นี่คือสิ่งที่ท่านอาจารย์เคยกล่าวไว้…

นางเองก็รู้สึกว่าควรเป็นเยี่ยงนั้น !

ภายในจิตใจอันแสนบริสุทธิ์ของนาง มิเคยคิดมีความรักมาก่อน นางเติบโตมาอย่างอิสระและยากลำบาก จนถึงขั้นมิทราบว่าความรู้สึกนี้เรียกว่าความรัก

นางรู้เพียงแค่ว่าโตแล้วต้องออกเรือน ในเมื่อฟู่เสี่ยวกวนปฏิบัติกับตนดีถึงเพียงนี้ ก็ทำได้เพียงแค่ยอมตบแต่งกับเขาเสีย

ดังนั้น นางจึงไม่คิดที่จะกลับไปยังลัทธิจันทราอีก นางรู้สึกว่าตนมิได้บริสุทธิ์อีกต่อไปแล้ว

และการปรนนิบัติฟู่เสี่ยวกวน คือสิ่งที่นางควรจะกระทำ

“หลังจากที่ข้าเข้าวังไปแล้ว มิทราบเช่นกันว่าจะได้กลับเมื่อใด ตั๋วเงินจำนวนนี้ให้เจ้าเก็บเอาไว้ ประเดี๋ยวก็ให้หลี่เจิ้งพาออกไปเดินเล่น หากเจอของที่ชอบก็ซื้อมาเสีย ถ้าถึงยามเว่ยแล้วข้ายังมิออกมา เจ้าก็ไปหาข้าวกินด้วยตนเองเสีย… และควรสวมผ้าคลุมใบหน้าด้วยจะดีที่สุด ข้ากังวลว่าหากเจ้าออกไปทั้งแบบนี้จะเกิดเรื่องมิดีเข้า”

“หากมีคนเข้ามาหาเรื่อง เจ้าอย่าได้รีบชักกระบี่ออกมาสังหาร เพียงเอ่ยว่าเป็นญาติผู้พี่ของข้า ย่อมมิมีผู้ใดกล้าตอแยเจ้าอย่างแน่นอน”

สวี่ซินเหยียนเงยหน้า นัยน์ตาเปี่ยมไปด้วยความสงสัย “มิใช่ว่าควรเป็นภรรยาของเจ้าหรอกหรือ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนผงะ นี่…เขาเลียริมฝีปากและกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “ภรรยา… มันมิควรรวดเร็วถึงเพียงนี้ มิใช่ ! เหตุใดเจ้าถึงคิดว่าเจ้าควรเป็นภรรยาของข้ากัน ? ”

“เจ้าเคยเห็น ทั้งยังเคยสัมผัสเรือนร่างข้ามาก่อน…” สวี่ซินเหยียนก้มหน้าหลบอย่างน่าสงสาร “หากเจ้ามิต้องการ ข้าไปเสียยังจะดีกว่า”

“ไม่ ๆ ข้ามิได้หมายความเยี่ยงนั้น ภรรยา…” เขาลูบจมูกอีกครา มิรู้ว่าควรจะอธิบายกับสตรีผู้นี้เยี่ยงไรดี “หลังจากสมรสแล้วจึงจะถือว่าเป็นภรรยา เจ้าลองไตร่ตรองดูเถิด ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนนี้ พวกเราเพิ่งรู้จักกันได้เพียง 10 วันเท่านั้น ดังนั้นจึงยังต้องการเวลา”

สวี่ซินเหยียนเงยหน้าขึ้นมาอีกครา ดวงตาเป็นประกาย “เยี่ยงนั้น พวกเราก็สมรสกันสิ ข้ารู้ว่าเจ้ามีภรรยาอยู่แล้ว 3 คน ท่านอาจารย์เคยกล่าวว่าบุรุษที่อยู่ด้านนอกมีสามภรรยาสี่อนุคือเรื่องปกติ ในเมื่อข้ามาช้ากว่าพวกนาง เยี่ยงนั้นก็เป็นอนุ”

สตรีผู้นี้ช่างหลอกง่ายถึงเพียงนี้ ?

ความเข้าใจของฟู่เสี่ยวกวนที่มีต่อสตรีในยุคนี้ยังคงมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาได้พบกับสตรีที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี เยี่ยงต่งชูหลานกับหยูเวิ่นหวิน พวกนางเป็นสตรีที่มีความคิดเป็นของตนเอง แท้จริงแล้วแม้แต่เยี่ยนเสี่ยวโหลวก็เป็นคนหัวโบราณเป็นอย่างมาก สวี่ซินเหยียนมิเคยเข้าเรียนสถานศึกษา นางใช้ชีวิตอยู่ลึกเข้าไปในภูเขาหมินซึ่งถูกปิดตาย ย่อมได้รับอิทธิพลมาจากอาจารย์แต่เพียงผู้เดียว

ทว่าอาจารย์ของนางก็คือสตรีหัวโบราณ สิ่งที่สอนให้กับนางคือแนวคิดที่ต้องเชื่อฟังสามีโดยสิ้นเชิง

มิใช่เรื่องผิดอันใด ผิดที่ยุคสมัยเป็นเยี่ยงนี้ต่างหาก

สี่คุณธรรม สามคล้อยตาม คือบรรทัดฐานของสตรีในยุคนี้

ตามความเข้าใจของสวี่ซินเหยียน หากฟู่เสี่ยวกวนทิ้งนาง ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง

ฟู่เสี่ยวกวนมองไปที่สตรีที่มีเสน่ห์มากล้นพร้อมกับทบทวนซ้ำไปซ้ำมา ความคิดของเขาซับซ้อนมากยิ่งนัก มิทราบว่าสตรีผู้นี้กำลังแสดงละครหรือคิดเยี่ยงนั้นจริง ๆ

ดังนั้น เขาจึงเงียบไปหลายอึดใจก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “เรื่องนี้ยังต้องรอเวลาไปก่อน การสมรสมิใช่ว่าอยากแต่งก็สามารถแต่งได้ ยังต้องมีกฎระเบียบอีกมากมายอยู่ในเรื่องนั้น ภายภาคหน้าข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังอีกครา”

สวี่ซินเหยียนพยักหน้าและเบาใจลง ในเมื่อฟู่เสี่ยวกวนกล่าวว่าให้นางรอเวลาไปก่อน เยี่ยงนั้นก็รอไปก่อน สุดท้ายแล้วฝ่ายชายก็เป็นผู้นำในเรื่องนี้

รถม้าหยุดลงเบื้องหน้าประตูของวังหลวง สวี่ซินเหยียนจึงโบกมือลาฟู่เสี่ยวกวน

นางมิได้ไปที่ได้ แต่ยังคงนั่งอยู่ในรถม้า คำนึงถึงโชคชะตาที่เปลี่ยนไปเพราะบุรุษผู้นี้ คิดถึงลัทธิจันทราที่ต้องการสังหารเขา หากในภายภาคหน้าเขาต้องการทำลายลัทธิจันทรา นางควรจะทำเยี่ยงไรดี ?

ด้านฟู่เสี่ยวกวน ในยามนี้กลับเงยหน้ามองท้องนภาและถอนหายใจยาวเหยียดออกมา ที่เป็นเช่นนี้เพราะเขาหล่อเหลาเกินจะต้านทานได้เป็นแน่ !

เขาส่ายหน้า ยิ้มเยาะใส่ตนเอง แล้วเดินเข้าไปในกรมพิธีการ